JMART ทำอย่างไร ในวันที่ธุรกิจหลักไม่เติบโต
JMART ทำอย่างไร ในวันที่ธุรกิจหลักไม่เติบโต /โดย ลงทุนแมน
หนึ่งในพฤติกรรมของคนไทยที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดในช่วงที่ผ่านมา
คือการที่เรา ซื้อโทรศัพท์มือถือจากร้านตัวแทนจำหน่ายน้อยลง
และซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, TRUE และ DTAC มากขึ้น
รวมไปถึงการซื้อกับเจ้าของแบรนด์โดยตรงทั้งทางออนไลน์ และหน้าร้าน
คือการที่เรา ซื้อโทรศัพท์มือถือจากร้านตัวแทนจำหน่ายน้อยลง
และซื้อผ่านผู้ให้บริการเครือข่ายอย่าง AIS, TRUE และ DTAC มากขึ้น
รวมไปถึงการซื้อกับเจ้าของแบรนด์โดยตรงทั้งทางออนไลน์ และหน้าร้าน
เมื่อพฤติกรรมของเราเปลี่ยนไป หลายคนอาจคิดว่า JMART ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้ทำธุรกิจจัดจำหน่ายโทรศัพท์มือถือกำลังอยู่ภายใต้สถานการณ์ที่ท้าทาย
แต่รู้หรือไม่ว่าตอนนี้ JMART มีมูลค่าบริษัท 13,508 ล้านบาท
โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 96% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
โดยราคาหุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นถึง 96% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา
แล้วสิ่งที่เรายังไม่รู้เกี่ยวกับ JMART คืออะไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แม้ว่า JMART จะเริ่มต้นการทำธุรกิจจากการจัดจำหน่ายมือถือ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้ขยายกิจการ
ไปยังธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
แม้ว่า JMART จะเริ่มต้นการทำธุรกิจจากการจัดจำหน่ายมือถือ
แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ทางบริษัทก็ได้ขยายกิจการ
ไปยังธุรกิจอื่นๆ อีกมากมาย
ถ้าเราอ้างอิงจากรายงานประจำปี 2562 บริษัทจะมีธุรกิจหลัก ๆ ก็คือ
1. เจมาร์ท โมบาย
ทำธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ 192 สาขา ถือหุ้นอยู่ 99.9%
ทำธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ 192 สาขา ถือหุ้นอยู่ 99.9%
2. เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส (JMT)
ทำธุรกิจติดตามหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ถือหุ้นอยู่ 55.8%
ทำธุรกิจติดตามหนี้ บริหารหนี้ด้อยคุณภาพ ถือหุ้นอยู่ 55.8%
3. เจเอเอส แอสเซ็ท (J)
ทำธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า เช่น โครงการ The JAS Urban ถือหุ้นอยู่ 74.9%
ทำธุรกิจบริหารพื้นที่เช่า เช่น โครงการ The JAS Urban ถือหุ้นอยู่ 74.9%
4. ซิงเกอร์ประเทศไทย (SINGER)
ทำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกับบริการสินเชื่อแบบเช่าซื้อ ถือหุ้นอยู่ 30.2%
ทำธุรกิจขายเครื่องใช้ไฟฟ้าพร้อมกับบริการสินเชื่อแบบเช่าซื้อ ถือหุ้นอยู่ 30.2%
5. เจ ฟินเทค
ทำธุรกิจบริการให้สินเชื่อลิสซิ่ง และสินเชื่อรายย่อย ถือหุ้นอยู่ 95.6%
ทำธุรกิจบริการให้สินเชื่อลิสซิ่ง และสินเชื่อรายย่อย ถือหุ้นอยู่ 95.6%
6. เจ เวนเจอร์ส
ทำธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และลงทุนในกิจการสตาร์ตอัป ถือหุ้นอยู่ 80%
ทำธุรกิจพัฒนาซอฟต์แวร์ และลงทุนในกิจการสตาร์ตอัป ถือหุ้นอยู่ 80%
7. บีนส์แอนด์บราวน์
ทำธุรกิจร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านกาแฟ Casa Lapin ถือหุ้นอยู่ 70.3%
ทำธุรกิจร้านอาหาร เครื่องดื่ม ร้านกาแฟ Casa Lapin ถือหุ้นอยู่ 70.3%
การที่บริษัทขยายกิจการไปยังธุรกิจอื่นๆ เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บริษัทยังมีช่องทางรายได้จากธุรกิจใหม่ ท่ามกลางธุรกิจหลักที่กำลังหดตัวลง
ตรงนี้ สะท้อนมาจากโครงสร้างรายได้ของบริษัทเมื่อ 10 ปีก่อน เทียบกับปัจจุบัน
ในปี 2552 JMART มีรายได้ 5,320 ล้านบาท กำไร 90 ล้านบาท
โดยมีโครงสร้างรายได้มาจาก
โดยมีโครงสร้างรายได้มาจาก
ธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ 93.7%
ธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีก 3.2%
ธุรกิจเร่งรัดหนี้สิน และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ 2.9%
และอื่นๆ อีก 0.2%
ธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีก 3.2%
ธุรกิจเร่งรัดหนี้สิน และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ 2.9%
และอื่นๆ อีก 0.2%
ในขณะที่ ปี 2562 JMART มีรายได้ 11,666 ล้านบาท กำไร 534 ล้านบาท
โดยมีโครงสร้างรายได้มาจาก
โดยมีโครงสร้างรายได้มาจาก
ธุรกิจจัดจำหน่ายมือถือ 63.0%
ธุรกิจเร่งรัดหนี้สิน และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ 21.0%
ธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีก 8.0%
ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล 8.0%
ธุรกิจเร่งรัดหนี้สิน และบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ 21.0%
ธุรกิจบริหารพื้นที่ค้าปลีก 8.0%
ธุรกิจสินเชื่อส่วนบุคคล 8.0%
จากภาพรวมโครงสร้างรายได้ที่เปลี่ยนไป
จะเห็นได้ว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจมือถือลดลง
ในขณะเดียวกัน ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ
กลายมาเป็นสัดส่วนรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
จะเห็นได้ว่าสัดส่วนรายได้จากธุรกิจมือถือลดลง
ในขณะเดียวกัน ธุรกิจบริหารหนี้ด้อยคุณภาพ
กลายมาเป็นสัดส่วนรายได้ที่เติบโตอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งถ้าเรามาดูผลประกอบการเฉพาะกิจการบริหารหนี้
ภายใต้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT
ภายใต้บริษัท เจ เอ็ม ที เน็ทเวอร์ค เซอร์วิสเซ็ส หรือ JMT
ปี 2560 รายได้ 1,362 ล้านบาท กำไร 396 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 1,886 ล้านบาท กำไร 506 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 2,551 ล้านบาท กำไร 681 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 1,886 ล้านบาท กำไร 506 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 2,551 ล้านบาท กำไร 681 ล้านบาท
คิดเป็นรายได้เติบโตเฉลี่ย 37%
กำไรเติบโตเฉลี่ย 31%
กำไรเติบโตเฉลี่ย 31%
จุดที่น่าสนใจก็คือ กำไรเฉพาะตัวบริษัท JMT ที่ทำธุรกิจบริหารหนี้ที่ 681 ล้านบาท กลับมากกว่ากำไรของ JMART ทั้งบริษัทที่ 534 ล้านบาทเสียอีก
และถ้าเรานับเฉพาะกำไรตามสัดส่วนการถือหุ้นใน JMT ที่ถูกแบ่งมายัง JMART จะมีมูลค่าราว 380 ล้านบาท ซึ่งกำไรในส่วนนี้คิดเป็นกว่า 71% ของกำไรทั้งหมดที่ JMART ทำได้ในปีที่ผ่านมา
มาดู Market Cap ปัจจุบัน
JMART 13,508 ล้านบาท
JMT 27,000 ล้านบาท
JMART 13,508 ล้านบาท
JMT 27,000 ล้านบาท
จากข้อมูลตลาดหลักทรัพย์ล่าสุด JMART ได้ลดสัดส่วนการถือหุ้นใน JMT ลงมาเหลือ 52.85% ซึ่งคิดเป็นมูลค่าราว 14,270 ล้านบาท
เท่ากับว่ามูลค่าบริษัทเฉพาะที่ JMART ถืออยู่ใน JMT
มีมูลค่ามากกว่า JMART ทั้งบริษัทเสียอีก
มีมูลค่ามากกว่า JMART ทั้งบริษัทเสียอีก
นอกจากนี้ JMART ก็ยังถือหุ้นในบริษัทที่จดทะเบียน
อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อย่าง J และ SINGER
อยู่ในตลาดหลักทรัพย์อย่าง J และ SINGER
ทั้งหมดนี้จึงสะท้อนให้เห็นว่าธุรกิจหลักอย่างการจัดจำหน่ายมือถือ แทบจะไม่มีมูลค่าในสายตานักลงทุนแล้วตอนนี้..
----------------------
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-รายงานประจำปี 2562 บริษัท JMART
-Settrade
----------------------
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-รายงานประจำปี 2562 บริษัท JMART
-Settrade