ช่อง 3 กำไรน้อยกว่า Workpoint แล้ว

ช่อง 3 กำไรน้อยกว่า Workpoint แล้ว

ตอนนี้ถ้าถามว่า ช่อง 3 หรือ Workpoint ใครมีกำไรมากกว่ากัน?
หลายคนอาจจะแปลกใจ ถ้าจะตอบว่า
ตอนนี้ ช่อง 3 กำไรน้อยกว่า Workpoint แล้ว..
นับตั้งแต่มีการใช้โทรทัศน์ระบบดิจิตอลมา เจ้าตลาดวงการโทรทัศน์บ้านเราอย่าง ช่อง 7 และ ช่อง 3 ก็เริ่มสั่นคลอน
เพราะมีช่องใหม่ๆเข้ามาแย่งส่วนแบ่งมากมาย โดยช่องที่สำเร็จมากที่สุด ก็คงหนีไม่พ้นช่อง Workpoint
ย้อนกลับไปในปี 2547 บริษัท เวิร์คพอยท์ เอ็นทอร์เทนเมนท์ จำกัด ซึ่ง ณ เวลานั้นยังไม่มีช่องเป็นของตัวเอง ได้เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์
ในปีนั้น บริษัทมีรายได้รวม 876 ล้านบาท เป็นกำไรสุทธิ 206 ล้านบาท และเมื่อลองเทียบกับยักษ์ใหญ่ของวงการโทรทัศน์บ้านเราที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์เช่นกันอย่างช่อง 3 มีรายได้รวม 6,473 ล้านบาท เป็นกำไร 1,602 ล้านบาท คงพอจะบอกได้ว่า ช่อง 3 ทิ้งห่างอยู่หลายช่วงตัว
หลังจากนั้นทั้ง 2 บริษัทก็มีการเติบโตขึ้นเรื่อยๆ โดยในปี 2556 1 ปีก่อนที่ดิจิตอลทีวีจะเริ่มอย่างเป็นทางการ
Workpoint มีรายได้รวม 2,186 ล้านบาท เป็นกำไร 257 ล้านบาท มูลค่าบริษัท 6,813 ล้านบาท
ช่อง 3 มีรายได้รวม 16,637 ล้านบาท เป็นกำไร 5,589 ล้านบาท มูลค่าบริษัท 101,000 ล้านบาท
ช่อง 3 ใหญ่กว่า Workpoint 15 เท่า..
ต่อมา Workpoint ก็ได้เป็นสถานีโทรทัศน์อย่างเต็มตัว เมื่อเข้าร่วมประมูลช่องดิจิตอลช่วงสิ้นปี 2556 และได้ช่องความชัดปกติ (SD) มา 1 ช่อง ในราคา 2,355 ล้านบาท ในขณะที่ช่อง 3 ประมูลได้ไป 3 ช่อง ในราคารวม 6,471 ล้านบาท
โดยในปี 2557 ที่ได้เริ่มออกอากาศผ่านระบบดิจิตอลอย่างเป็นทางการ
Workpoint มีรายได้รวม 2,270 ล้านบาท เป็นกำไร 21 ล้านบาท มูลค่าบริษัท 11,174 ล้านบาท
ช่อง 3 มีรายได้รวม 16,321 ล้านบาท เป็นกำไร 4,415 ล้านบาท มูลค่าบริษัท 102,000 ล้านบาท
เราจะพอเห็นแล้วว่า การเริ่มเป็นเจ้าของสถานีทีวีเองซักช่องนั้น มีต้นทุนในการดำเนินงานเพิ่มขึ้นขนาดไหน
หลังจากมีสถานีเป็นของตัวเอง Workpoint ดึงรายการโทรทัศน์ต่างๆ ที่ออกอากาศในช่องอื่น กลับมาฉายที่ช่องของตัวเอง รวมถึงผลิตรายการใหม่และรายการที่ซื้อลิขสิทธิ์จากต่างประเทศอย่าง The Mask Singer ก็ช่วยส่งผลให้เรตติ้งของช่องสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องและยึดอันดับ 3 ของฟรีทีวีไว้อย่างเหนียวแน่น ไล่หลังอันดับ 1 และ 2 อย่าง ช่อง 7 และ ช่อง 3 มาเรื่อยๆ
จนมาล่าสุด
ผลประกอบครึ่งปีแรกของปีนี้ ที่ได้เปิดเผยตัวเลขออกมานั้น Workpoint ทำกำไรได้มากกว่าช่อง 3 แล้ว
Workpoint มีรายได้รวม 1,952 ล้านบาท เป็นกำไร 546 ล้านบาท มูลค่าบริษัท (ณ วันที่ 15 ส.ค.) 27,261 ล้านบาท
ช่อง 3 มีรายได้รวม 6,275 ล้านบาท เป็นกำไร 362 ล้านบาท มูลค่าบริษัท (ณ วันที่ 15 ส.ค.) 31,600 ล้านบาท
นอกเหนือจากเรื่องรายได้และกำไรแล้ว ความแตกต่างด้านมูลค่าบริษัท ที่ช่อง 3 เคยใหญ่กว่า 15 เท่า ค่อยๆ ลดลงจนเกือบใกล้เคียงกันในปัจจุบัน
คงจะสังเกตเห็นว่า สิ่งที่ทำให้ Workpoint ทำกำไรแซงช่อง 3 ได้ในปีนี้นั้น ไม่ใช่เพียงเพราะ Workpoint ดีขึ้นอย่างเดียว แต่เป็นทางช่อง 3 เองด้วยที่กลับสร้างกำไรน้อยลงเรื่อยๆ อย่างเห็นได้ชัด
ในช่วงไม่ปีกี่ปีมานี้ ทางช่อง 3 คงจะมีปัญหารุมเร้ามากมาย ไล่ตั้งแต่การที่คนดูมีช่องให้เลือกมากขึ้น ผู้ผลิตรายการเจ้าใหญ่ๆ ที่เคยป้อนรายการมาให้ ต่างผันตัวไปมีช่องเป็นของตัวเองกันหมด ต้นทุนที่เพิ่มขึ้นในการผลิตและบริหารรายการเพื่อออกอากาศถึง 3 ช่อง รวมไปถึงการขาดหายไปของอดีตผู้ประกาศข่าวชื่อดัง
โดยอัตราค่าเช่าโฆษณาตรง ที่มีการเปิดเผยออกมาของ 3 ช่วงรายการที่คุณ สรยุทธ จัดนั้น เรื่องเล่าเช้านี้ 2.2 แสนบาทต่อนาที เรื่องเด่นเย็นนี้ 2.2 แสนบาทต่อนาที เรื่องเล่าเสาร์-อาทิตย์ 2.9 แสนบาทต่อนาที ทั้ง 3 รายการสร้างรายได้ให้ช่อง 3 รวมกันประมาณปีละ 2,900 ล้านบาท
หลังจากการหายหน้าหายตาไปของคุณ สรยุทธ เรตติ้งของช่อง 3 ก็หล่นลงไปเป็น เป็นรองช่อง 7 คนดูหายไปจำนวนมาก มีรายได้ลดลง
อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไปจากเมื่อก่อน ปัจจุบันเราใช้เวลาในการดูโทรทัศน์น้อยลง และเสพสื่อต่างๆ ผ่านอินเตอร์เน็ตมากขึ้นโดยเฉพาะการดูผ่านมือถือ โดยมี Youtube และ Facebook เป็นสื่อออนไลน์ที่รับได้ความนิยมที่สุดเป็นอันดับต้นๆ
ทั้ง 2 บริษัท ก็มีการปรับตัวเพื่อขยายฐานคนดูให้ครอบคลุมไปในส่วนออนไลน์ด้วย เช่น มีการทำชาแนลใน Youtube และเปิดเพจต่างๆ ใน Facebook เพื่อ LIVE สดรายการ ลงภาพและคลิปโปรโมท รวมไปถึงวิดีโอย้อนหลังที่ลงแทบจะทันทีหลังจบรายการ
ปัจจุบัน Workpoint มีคนติดตาม (Subscriber) ใน Youtube 9 ล้านคน ซึ่งมากที่สุดในกลุ่มสถานีและรายการโทรทัศน์ (Television station and program) ของประเทศไทย และคนติดตามเฉพาะเพจหลัก ใน Facebook 10.9 ล้านคน
ช่อง 3 มีคนติดตามใน Youtube 4.2 ล้านคน และติดตามเพจหลัก ใน Facebook เพียง 1 ล้านคน
จุดที่แตกต่างกันของเพจหลักใน Facebook ที่พอจะมองเห็นได้คือ ของ Workpoint น่าจะทำให้คนดูรู้สึกมีส่วนร่วมกับรายการต่างๆ มากว่า เนื่องจากมีการ Live ที่คึกคักกว่าทางเพจหลักของช่อง 3 ที่ส่วนใหญ่จะเป็นรูปโปรโมทละคร
สำหรับในส่วนของ Youtube นั้น รายการวาไรตี้เกมโชว์หลายๆ รายการของทาง Workpoint สามารถสร้างกระแสและได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก อย่าง I Can See Your Voice และ The Mask Singer ที่ยอดคนดูส่วนใหญ่จะอยู่ในหลักล้าน และในบางคลิปบางตอนมียอดคนดูขึ้นหลัก 10 ล้านจนไปถึงมากกว่า 100 ล้านครั้ง
ขณะที่ของช่อง 3 ส่วนใหญ่จะเป็นละครย้อนหลัง ที่นานๆ ครั้งจะมีละครที่เป็นกระแสขึ้นมา ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่ปัจจุบันมีละครให้เลือกดูมากขึ้นจากหลายๆ ช่อง
การที่ Workpoint นำเสนอรายการที่สามารถสร้างและเกาะกระแสนิยมในบ้านเรา รวมถึงการเข้าถึงสังคมออนไลน์ในปัจจุบัน น่าจะเป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่งที่ทำให้ Workpoint เติบโตสวนกระแสช่องอื่นๆในยุคที่คนดูโทรทัศน์น้อยลง
ถึงแม้ว่าตอนนี้กำไรของช่อง 3 จะน้อยกว่ากำไรของ Workpoint แล้ว แต่มูลค่าบริษัทของช่อง 3 ยังมากกว่า Workpoint อยู่เล็กน้อย (ช่อง3 31,600 ล้านบาท Workpoint 27,261 ล้านบาท)
แต่ถ้าสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ไปเรื่อย ก็ไม่แน่ว่าอีกไม่นาน ช่อง 3 จะกลายเป็นบริษัทที่มูลค่าเล็กกว่า Workpoint ก็เป็นได้..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon