บริษัทของเล่น LEGO กำลังเจอปัญหา / โดย ลงทุนแมน

ในวัยเด็ก ทุกคนคงรู้จัก “ตัวต่อ LEGO”
ที่ผ่านมา LEGO ถือเป็นผู้ผลิตของเล่นที่ใหญ่สุดในโลก และเติบโตมาตลอด
แต่มาตอนนี้ LEGO เองยังหนีไม่พ้น ความท้าทายของเทคโนโลยี
เรื่องนี้น่าสนใจอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

บริษัท LEGO ถือกำเนิดขึ้นที่ประเทศเดนมาร์ก เมื่อปี 1932 โดยช่างไม้ชื่อ โอเล่ เคิร์ก คริสเตียนเซ่น ชื่อบริษัทมาจากภาษาท้องถิ่น แปลว่า เล่นได้ดี

ตอนแรก LEGO ผลิตสินค้าจากไม้อยู่หลายชนิด ไล่ไปตั้งแต่ โต๊ะ เก้าอี้ รวมไปถึง ของเล่น

แต่ในปี 1942 โรงงานเกิดไฟไหม้ ในเวลานั้น บริษัทตัดสินใจฟื้นฟูโรงงานผลิตของเล่นขึ้นมาก่อน เพราะเป็นสินค้าที่ได้รับความนิยมสูงสุด

หลังจากนั้น บริษัทก็หันมามุ่งพัฒนาของเล่นอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การเริ่มใช้พลาสติกมาผลิตแทนไม้ ซึ่งมีน้ำหนักเบา และใส่ลูกเล่นในเชิงสีสันได้มากกว่า

ต่อมา ก็ได้สร้างระบบการเล่นที่แปลกใหม่ขึ้นมา โดยผลิตชุดตัวต่อ และอุปกรณ์เสริม ออกมาหลายแบบ เพื่อให้เด็กๆ สามารถใช้จินตนาการสร้างสรรค์รูปแบบการต่อ ได้ตามใจชอบ

หลังจากนั้นยังได้คิดค้นตัวต่อใหม่ ให้มีปุ่ม สามารถเชื่อมกันได้มั่นคงมากขึ้น กลายมาเป็นต้นแบบ LEGO ที่เราเห็นในปัจจุบันนั่นเอง

ตอนนี้ LEGO มีสินค้ากว่า 6,000 แบบ และถือเป็นบริษัทผลิตของเล่น ที่มีรายได้สูงที่สุดในโลก

ก่อนที่จะดูรายได้ เรามาดูทรัพย์สินของบริษัท LEGO กันก่อน

ปี 2556 บริษัท LEGO มีทรัพย์สิน 91,400 ล้านบาท
ปี 2557 บริษัท LEGO มีทรัพย์สิน 109,000 ล้านบาท
ปี 2558 บริษัท LEGO มีทรัพย์สิน 141,300 ล้านบาท
ปี 2559 บริษัท LEGO มีทรัพย์สิน 151,800 ล้านบาท
ปี 2560 บริษัท LEGO มีทรัพย์สิน 151,600 ล้านบาท

จะเห็นว่าในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา บริษัท LEGO มีการลงทุนสูง ซึ่งสะท้อนในมูลค่าทรัพย์สินที่เพิ่มขึ้น และมีการจ้างพนักงานเพิ่มราว 7,000 ตำแหน่ง รวมแล้วมีพนักงานทั้งหมด 19,000 ตำแหน่ง

แล้วบริษัท LEGO มีรายได้เท่าไร?

ปี 2556 รายได้ 128,700 ล้านบาท กำไร 31,100 ล้านบาท
ปี 2557 รายได้ 145,400 ล้านบาท กำไร 35,700 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 181,400 ล้านบาท กำไร 46,500 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 192,300 ล้านบาท กำไร 47,800 ล้านบาท
ปี 2560 รายได้ 178,000 ล้านบาท กำไร 39,700 ล้านบาท

สังเกตว่ารายได้และกำไรของบริษัท LEGO เติบโตดีเรื่อยมา จนมากระทั่งปีล่าสุด..

LEGO กำลังเจอความท้าทาย
รายได้และกำไรของบริษัทกำลังลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ซึ่งบริษัท ยอมรับว่าการขยายตัวที่เร็วเกินไป ทำให้โครงสร้างองค์กร มีการทับซ้อน ส่งผลให้ค่าใช้จ่ายสูงเกินความจำเป็น

ด้วยเหตุนี้ในปีที่ผ่านมาบริษัทจึงตัดสินใจ ปรับโครงสร้างองค์กร ลดจำนวนพนักงานลง 1,700 ตำแหน่ง

นอกจากปัจจัยภายในแล้ว ปัจจัยภายนอกก็ส่งผลกระทบเช่นกัน

ยอดขายที่ลดลงของบริษัทของเล่นอันดับหนึ่ง สะท้อนให้เห็นถึงพฤติกรรมที่เปลี่ยนไปของผู้บริโภคได้เป็นอย่างดี

ในยุคนี้ ทั้งพ่อแม่ และเด็กๆ มีทางเลือกมากขึ้น ในการเล่น และพัฒนาการเรียนรู้ ทั้งตัวต่อจากประเทศจีนที่มีราคาถูกกว่า และการเข้ามาของ Digital และ Smart Device ที่มีหลายรูปแบบ สนุกไม่แพ้กัน และไม่เปลืองพื้นที่ในบ้านด้วย

LEGO จึงต้องวางแผนปรับกลยุทธ์ครั้งใหญ่ เพื่อผสมผสานตัวเองเข้ากับเทคโนโลยีมากขึ้น

ตัวอย่างที่ชัดเจน คือ การออกแอปพลิเคชันชื่อ LEGO Boost ที่เมื่อเด็กต่อตัวต่อหุ่นยนต์เสร็จ สามารถติดตั้งอุปกรณ์เชื่อมต่อ ให้เด็กฝึกเขียนโปรแกรม และบังคับมันผ่าน Smart Device ได้

ผลลัพธ์ของการปรับตัวในครั้งนี้ของ LEGO จะเป็นอย่างไร คงต้องให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์

สุดท้าย เรื่องนี้ทำให้เราได้เห็นว่า ไม่ว่าเราจะเป็นบริษัทขนาดใหญ่ หรือครองตลาดมานานแค่ไหน

เมื่อเจอกับพายุที่ชื่อว่า เทคโนโลยี ที่เป็นตัวเปลี่ยนเกม ก็เป็นการยากที่จะต้านทานมัน

สิ่งที่ทำได้คือการไม่หยุดนิ่งอยู่กับที่ เปลี่ยนจากความกลัว มาเป็นความท้าทายว่าจะต่อสู้กับมันได้อย่างไร

ถ้าเรารู้จักนำสิ่งที่เปลี่ยนแปลงมาใช้ประโยชน์ บางทีในวิกฤต ก็อาจจะมีโอกาสซ่อนอยู่ก็เป็นได้..
----------------------
LEGO มีแอป LEGO Boost แต่ลงทุนแมนมีแอป Blockdit ติดตามเรา ได้ที่
-แอปลงทุนแมน blockdit.com/app
-อินสตาแกรม instagram.com/longtunman
-ทวิตเตอร์ twitter.com/longtunman
-ไลน์ line.me/R/ti/p/%40longtunman
-สติกเกอร์ไลน์ ลงทุนแมน https://line.me/S/sticker/3860154
-หนังสือลงทุนแมน เล่ม 1-4 ที่ร้านหนังสือชั้นนำทั่วประเทศ
----------------------
Reference
-Annual report The LEGO Group
-https://www.ceoblog.co/lego-to-cut-1400-jobs/
-http://www.wurkon.com/full/researchs/lego/
[7632].