
เอ็มเค, โอ้กะจู๋, อาฟเตอร์ ยู แต่ละสาขา มีมูลค่าเท่าไร ?
เอ็มเค, โอ้กะจู๋, อาฟเตอร์ ยู แต่ละสาขา มีมูลค่าเท่าไร ? /โดย ลงทุนแมน
ในตลาดหุ้นไทย มีเชนร้านอาหาร ร้านของกิน อยู่หลายบริษัท ซึ่งมีตั้งแต่ธุรกิจที่มีมูลค่าระดับพันล้านบาท ไปจนถึงหมื่นล้านบาท
ในตลาดหุ้นไทย มีเชนร้านอาหาร ร้านของกิน อยู่หลายบริษัท ซึ่งมีตั้งแต่ธุรกิจที่มีมูลค่าระดับพันล้านบาท ไปจนถึงหมื่นล้านบาท
อย่างไรก็ดี มูลค่าที่เราเห็นกันโดยทั่วไปนี้ เป็นมูลค่าระดับบริษัท หรือ Market Cap
แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า ถ้าลงไปถึงระดับสาขา
แต่ละสาขาของร้านอาหารแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคยกัน จะมีมูลค่าประมาณเท่าไร ? ในมุมมองของตลาด
แต่ละสาขาของร้านอาหารแบรนด์ดังที่เราคุ้นเคยกัน จะมีมูลค่าประมาณเท่าไร ? ในมุมมองของตลาด
เพื่อให้ง่ายต่อการคำนวณอย่างคร่าว ๆ
เราจะใช้มูลค่าบริษัท หารด้วยจำนวนสาขาของร้านอาหารทั้งหมดที่บริษัทมี เพื่อหามูลค่าเฉลี่ยของแต่ละสาขา นั่นเอง
เราจะใช้มูลค่าบริษัท หารด้วยจำนวนสาขาของร้านอาหารทั้งหมดที่บริษัทมี เพื่อหามูลค่าเฉลี่ยของแต่ละสาขา นั่นเอง
ซึ่งมูลค่าของร้านอาหาร จะสูงหรือต่ำ ก็ขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย เช่น ความแข็งแกร่งของแบรนด์, รายได้ กำไร, แนวโน้มอนาคตของธุรกิจ ฯลฯ
ทีนี้ ขอหยิบตัวอย่าง 5 หุ้นร้านอาหารชื่อดัง ในตลาดหุ้นไทย
1. บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
มูลค่าบริษัท 15,839 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 15,839 ล้านบาท
บริษัทมี
- ร้านสุกี้ MK 441 สาขา
- ร้าน Yayoi 195 สาขา
- ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด 39 สาขา
- ร้านอื่น 19 สาขา
- ร้านสุกี้ MK 441 สาขา
- ร้าน Yayoi 195 สาขา
- ร้านแหลมเจริญซีฟู้ด 39 สาขา
- ร้านอื่น 19 สาขา
จำนวนรวม 694 สาขา (เฉพาะบริษัทเป็นเจ้าของ)
จึงคิดเป็น
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 1.9 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าบริษัทต่อสาขา หรือก็คือ มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย อยู่ที่ 23 ล้านบาท/สาขา
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 1.9 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าบริษัทต่อสาขา หรือก็คือ มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย อยู่ที่ 23 ล้านบาท/สาขา
2. บริษัท อาฟเตอร์ ยู จำกัด (มหาชน)
มูลค่าบริษัท 6,729 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 6,729 ล้านบาท
บริษัทมี
- แบรนด์อาฟเตอร์ ยู 61 สาขา
- แบรนด์ Mikka 5 สาขา (เฉพาะบริษัทเป็นเจ้าของ)
- แบรนด์ลูกก๊อ 14 สาขา
- ร้านกาแฟ Specialty 2 สาขา
- แบรนด์อาฟเตอร์ ยู 61 สาขา
- แบรนด์ Mikka 5 สาขา (เฉพาะบริษัทเป็นเจ้าของ)
- แบรนด์ลูกก๊อ 14 สาขา
- ร้านกาแฟ Specialty 2 สาขา
จำนวนรวม 82 สาขา
จึงคิดเป็น
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 1.6 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 82 ล้านบาท/สาขา
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 1.6 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 82 ล้านบาท/สาขา
3. บริษัท ปลูกผักเพราะรักแม่ จำกัด (มหาชน)
มูลค่าบริษัท 6,090 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 6,090 ล้านบาท
บริษัทมี
- แบรนด์ร้านโอ้กะจู๋ 41 สาขา
- ร้าน Oh! Juice และ OHKAJHU WRAP and ROLL 16 สาขา
- แบรนด์ร้านโอ้กะจู๋ 41 สาขา
- ร้าน Oh! Juice และ OHKAJHU WRAP and ROLL 16 สาขา
จำนวนรวม 57 สาขา (ณ วันที่ 31/12/2024)
จึงคิดเป็น
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 3.6 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 107 ล้านบาท/สาขา
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 3.6 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 107 ล้านบาท/สาขา
4. บริษัท มากุโระ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
มูลค่าบริษัท 2,301 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 2,301 ล้านบาท
บริษัทมี
- แบรนด์มากุโระ
- แบรนด์ซัมติง ทูเก็ทเตอร์
- แบรนด์ฮิโตริ ชาบู
- แบรนด์มากุโระ
- แบรนด์ซัมติง ทูเก็ทเตอร์
- แบรนด์ฮิโตริ ชาบู
จำนวนรวม 32 สาขา
จึงคิดเป็น
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 3.4 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 72 ล้านบาท/สาขา
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 3.4 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 72 ล้านบาท/สาขา
5. บริษัท เซ็น คอร์ปอเรชั่น กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
มูลค่าบริษัท 1,980 ล้านบาท
มูลค่าบริษัท 1,980 ล้านบาท
บริษัทมี
- ร้าน ZEN Japanese Restaurant
- ร้าน AKA
- ร้าน On the table
- และแบรนด์ร้านอื่น ๆ
- ร้าน ZEN Japanese Restaurant
- ร้าน AKA
- ร้าน On the table
- และแบรนด์ร้านอื่น ๆ
จำนวนรวม 181 สาขา (เฉพาะบริษัทเป็นเจ้าของ)
จึงคิดเป็น
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 1.9 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 11 ล้านบาท/สาขา
- รายได้เฉลี่ยต่อสาขา 1.9 ล้านบาท/เดือน
- มูลค่าของร้านอาหารเฉลี่ย 11 ล้านบาท/สาขา
*มูลค่าบริษัท ณ วันที่ 11/02/2025 และจำนวนสาขา ณ วันที่ 30/09/2024
และรายได้เฉลี่ยต่อสาขาต่อเดือน คำนวณจากรายได้ 9 เดือน ปี 2024 ยกเว้น OKJ เป็นรายได้ทั้งปี 2024
และรายได้เฉลี่ยต่อสาขาต่อเดือน คำนวณจากรายได้ 9 เดือน ปี 2024 ยกเว้น OKJ เป็นรายได้ทั้งปี 2024
หมายเหตุ: บทความนี้ไม่ได้มีจุดประสงค์เพื่อชี้นำการลงทุนแต่อย่างใด และการเทียบมูลค่าบริษัทต่อสาขา เพื่อนำเสนอในอีกมุมเท่านั้น
โดยบางบริษัทมีรายได้จากการขายแฟรนไชส์ และวัตถุดิบ และอาจจะไม่ได้สะท้อนการขยายสาขา, ระบบหลังบ้าน, ความแข็งแกร่งของธุรกิจในมิติอื่น ๆ และการเติบโตในอนาคต