Estée Lauder ยอดขายยังไม่กลับมา เตรียมปลดพนักงาน 7,000 ตำแหน่ง
ล่าสุด Estée Lauder บริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุด ของอเมริกา ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสที่ 2 ปี 2025 (ต.ค. - ธ.ค. 2024)
ซึ่งทำให้ราคาหุ้นของ Estée Lauder ร่วงหนัก -12%

แล้วเกิดอะไรขึ้น ?

ก่อนอื่นเรามาดูผลประกอบการไตรมาสนี้กันก่อน

- รายได้ 135,400 ลัานบาท ลดลง 6% จากปีก่อน
- ขาดทุน 19,950 ล้านบาท จากกำไร 10,954 ล้านบาท ในปีก่อน

ถ้าเจาะไปที่ยอดขายตามประเภทสินค้า จะเห็นว่า ลดลงเกือบทุกหมวดหมู่ ยกเว้นน้ำหอม

- สกินแคร์ ลดลง 12%
หลัก ๆ มาจากยอดขายของแบรนด์ Estée Lauder และ La Mer ที่ลดลงในเอเชีย โดยเฉพาะจีน

- เครื่องสำอาง ลดลง 1%
หลัก ๆ มาจากยอดขายของแบรนด์ TOM FORD ที่ลดลงในเอเชีย โดยเฉพาะจีน รวมถึงแบรนด์ M·A·C และ Smashbox ด้วย

- ผลิตภัณฑ์ดูแลผม ลดลง 8%
หลัก ๆ มาจากยอดขายแบรนด์ Aveda ที่ลดลงในซาลอน

- น้ำหอม เพิ่มขึ้น 1%
จากยอดขายแบรนด์ Le Labo ที่เติบโต

และถ้าดูยอดขายตามภูมิภาค จะเห็นว่า ลดลงทั้งหมด
- อเมริกา ลดลง 2%
- ยุโรป ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ลดลง 6%
- เอเชียแปซิฟิก ลดลง 11%
ซึ่งยอดขายลดลงทั้งในจีน เกาหลี และฮ่องกง

จากยอดขายที่ลดลง และกำไรที่หายไป ทำให้ Estée Lauder ต้องมีการปรับโครงสร้างค่าใช้จ่าย

และหนึ่งในนั้นคือแผนการปรับลดพนักงานลง 5,800 - 7,000 ตำแหน่ง จาก 62,000 ตำแหน่งทั่วโลก

ขณะที่ Stephane de La Faverie ซีอีโอคนใหม่ของบริษัท คาดการณ์ว่า แนวโน้มผลประกอบการไตรมาสต่อไป จะยังถูกกดดันจากยอดขาย​ร้านค้าดิวตี้ฟรีในภูมิภาคเอเชีย ที่ยังไม่ฟื้นตัวดี..

จากทั้งยอดขายและกำไรที่ลดลง รวมถึงแนวโน้มผลประกอบการในอนาคตที่ยังดูไม่ฟื้นตัวของบริษัท

นั่นเลยทำให้ความเชื่อมั่นของนักลงทุนยังไม่กลับมา แถมน่าจะกังวลมากกว่าเดิม
ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Estée Lauder ดิ่งลงถึง -12% ในคืนเดียว..