เจาะงบ Microsoft ไตรมาสล่าสุด CEO ยังเชื่อในศักยภาพของ OpenAI
วันนี้ Microsoft ได้ประกาศงบการเงินไตรมาสล่าสุด (ต.ค. - ธ.ค. 2024) ซึ่งรายได้และกำไร ออกมาดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

- รายได้ 2,349,200 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 12%
- กำไร 813,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10%
- คิดเป็นอัตรากำไรสุทธิที่ 34.6%

เราลองมาเจาะแต่ละธุรกิจ

-ธุรกิจ Productivity and Business Processes
มีรายได้ 993,100 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14%

โดยได้แรงหนุนจากการเติบโตของผลิตภัณฑ์ Microsoft 365 ที่ลูกค้ากลุ่มองค์กร เติบโต 15% และลูกค้าทั่วไป เติบโต 8%

รวมถึงผลิตภัณฑ์ Dynamics ที่เติบโต 15% และรายได้จาก LinkedIn โต 9%

-ธุรกิจ Intelligent Cloud
มีรายได้ 861,800 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 19%

ผลิตภัณฑ์ในกลุ่มนี้มีตั้งแต่ Azure, SQL Server, Windows Server, Nuance, GitHub และบริการระดับองค์กร

มีรายได้จากผลิตภัณฑ์เซิร์ฟเวอร์และบริการคลาวด์ เพิ่มขึ้น 21%
ซึ่งการเติบโตของ Azure อยู่ที่ 31% โดย 13% ของการเติบโตนี้มาจากบริการด้าน AI

อย่างไรก็ดี แม้จะเติบโตสูง แต่การเติบโตของ Azure ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

-ธุรกิจ More Personal Computing
มีรายได้ 494,300 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเพียง 0.07%

โดยมีรายได้จาก Windows เพิ่มขึ้น 4%
รายได้จากการค้นหาและโฆษณาบน Bing เพิ่มขึ้น 21%
รายได้จาก Xbox เพิ่มขึ้น 2%

และในไตรมาสนี้ Microsoft ได้ประกาศซื้อหุ้นคืนและจ่ายเงินปันผล เป็นจำนวน 327,000 ล้านบาท

สำหรับรายจ่ายฝ่ายทุน (CAPEX) ของ Microsoft อยู่ที่กว่า 533,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 62% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า

แถมคาดว่ารายจ่ายฝ่ายทุน ในไตรมาสหน้า และไตรมาสถัดไปอีก จะอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน ก่อนที่จะเริ่มชะลอตัวลงในช่วงปลายปี

อย่างไรก็ตาม Amy Hood ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการเงินของ Microsoft ให้คาดการณ์รายได้ในไตรมาสหน้า (Guidance) ว่าจะอยู่ระหว่าง 2.28 - 2.32 ล้านล้านบาท

ซึ่งต่ำกว่าที่ตลาดคาดการณ์ไว้ที่ 2.35 ล้านล้านบาท..

โดยในตอนนี้ Microsoft ยังคงให้ความสำคัญกับการลงทุนด้าน AI อย่างต่อเนื่อง ซึ่งในไตรมาสล่าสุดที่ผ่านมา ได้มีการลงทุนใน OpenAI เพิ่มอีกกว่า 25,300 ล้านบาท

Satya Nadella ซีอีโอของ Microsoft กล่าวว่า “OpenAI จะมีอะไรใหม่ ๆ ออกมาอีกมากในเร็ว ๆ นี้ คอยติดตามกันให้ดี..”

ทั้งนี้ การเปิดตัว DeepSeek ซึ่งเป็น AI สัญชาติจีน ได้ส่งแรงสั่นสะเทือนอย่างรุนแรงไปยังอุตสาหกรรม AI ของสหรัฐฯ

จากการที่ DeepSeek สามารถพัฒนาโมเดล AI ที่ใช้เงินลงทุนน้อยกว่า OpenAI (ผู้พัฒนา ChatGPT) อย่างมหาศาล แต่กลับมีความสามารถเทียบเท่า

ทำให้นักลงทุนทั่วโลก เริ่มตั้งคำถามมากขึ้นเรื่อย ๆ กับอุตสาหกรรม AI ของฝั่งสหรัฐฯ ที่ทุ่มเงินหลายแสนล้าน หลายล้านล้านบาท ไปกับการพัฒนา AI แต่กลับยังไม่เห็นผลตอบแทนที่ชัดเจน

สุดท้ายนี้ แม้ว่ารายได้และกำไรของ Microsoft จะสูงกว่าที่ตลาดคาดการณ์

แต่ธุรกิจคลาวด์ กลับเริ่มโตไม่ทันความคาดหวังของตลาด
อีกทั้งแนวโน้มรายได้ในไตรมาสหน้า ก็น้อยกว่าที่นักวิเคราะห์ประเมินไว้

ประกอบกับความไม่แน่นอนในสมรภูมิ AI ที่ภาพการแข่งขันอาจเปลี่ยนไป จากการมาของ DeepSeek

เรื่องนี้ก็ส่งผลให้ราคาหุ้นของ Microsoft ปรับตัวลง -4% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด..