
หุ้น Tesla +4% แม้ยอดขายรถยนต์ หดตัว แต่อีลอน ให้ความหวังว่า ปีนี้จะโต
หุ้น Tesla +4% แม้ยอดขายรถยนต์ หดตัว แต่อีลอน ให้ความหวังว่า ปีนี้จะโต
ล่าสุด Tesla ได้ประกาศงบไตรมาส 4 ปี 2024 ออกมา
โดยทั้งรายได้และกำไร ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้
ล่าสุด Tesla ได้ประกาศงบไตรมาส 4 ปี 2024 ออกมา
โดยทั้งรายได้และกำไร ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ได้คาดการณ์ไว้
อย่างไรก็ตาม ราคาหุ้นกลับปรับตัวเพิ่มขึ้น 4% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด
แล้วเรื่องนี้มีสาเหตุมาจากอะไร ?
ก่อนอื่น เรามาดูผลประกอบการไตรมาส 4 ปี 2024 ของ Tesla กันก่อน
-รายได้ 867,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2% จากปีก่อน
-กำไร 78,000 ล้านบาท ลดลง 71% จากปีก่อน
(ในจำนวนนี้มีกำไรจากการปรับมูลค่า Bitcoin 20,000 ล้านบาท..)
-กำไร 78,000 ล้านบาท ลดลง 71% จากปีก่อน
(ในจำนวนนี้มีกำไรจากการปรับมูลค่า Bitcoin 20,000 ล้านบาท..)
-อัตรากำไรจากการดำเนินงานอยู่ที่ 6.2% ลดลงจาก 8.2% ในปีก่อน และจาก 10.8% ในไตรมาสก่อนหน้า
โดยถ้าดูในแต่ละธุรกิจจะพบว่า
-ธุรกิจยานยนต์ มีรายได้ 668,000 ล้านบาท ลดลง 8% จากปีก่อน
โดยรายได้ในธุรกิจยานยนต์นี้ หลัก ๆ ก็เป็นรายได้จากการขายยานยนต์ 630,000 ล้านบาท
รายได้การขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่น 23,000 ล้านบาท
และส่วนที่เหลือคือ รายได้จาก Leasing
รายได้การขายเครดิตภาษีตามกฎระเบียบให้กับผู้ผลิตยานยนต์รายอื่น 23,000 ล้านบาท
และส่วนที่เหลือคือ รายได้จาก Leasing
-ธุรกิจพลังงาน (การผลิตและการจัดเก็บพลังงาน) มีรายได้ 100,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 113%
-ธุรกิจบริการและอื่น ๆ (งานบำรุงรักษาและการซ่อมแซม) มีรายได้ 96,000 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2%
จะเห็นได้ว่า สาเหตุที่ทำให้รายได้รวมของ Tesla เพิ่มขึ้นเพียง 2% ถึงแม้รายได้จากธุรกิจพลังงาน จะเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เป็นเพราะรายได้ในธุรกิจยานยนต์ ที่เป็นธุรกิจหลักของบริษัท ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
ซึ่งก็เป็นผลจากการที่บริษัทต้องเผชิญกับการแข่งขันที่รุนแรงขึ้น จากยานยนต์ไฟฟ้าของผู้ผลิตรายอื่น ทั้งสหรัฐอเมริกา จีน และยุโรป
ต่อมา เราลองมาดูยอดส่งมอบรถยนต์ของ Tesla กันบ้าง
ปี 2022 ส่งมอบได้ 1.31 ล้านคัน
ปี 2023 ส่งมอบได้ 1.81 ล้านคัน
ปี 2024 ส่งมอบได้ 1.79 ล้านคัน
ปี 2023 ส่งมอบได้ 1.81 ล้านคัน
ปี 2024 ส่งมอบได้ 1.79 ล้านคัน
โดยในปีที่ผ่านมา ถือว่าเป็นปีแรกที่ยอดส่งมอบรถของบริษัทลดลง..
สำหรับในปี 2025 นี้ Tesla ไม่ได้ให้ Guidance ที่ชัดเจน แต่ได้บอกการคาดการณ์ไว้ว่า ธุรกิจยานยนต์ จะกลับมาเติบโตอีกครั้งในปีนี้ จากความก้าวหน้าในระบบยานยนต์ไร้คนขับ และการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่..
และสำหรับแผนงานของบริษัทในปีนี้ ก็มีทั้ง
-การผลิตยานยนต์รุ่นใหม่ ๆ ซึ่งรวมถึง Affordable Models หรือ รุ่นราคาไม่แพง ซึ่งมีกำหนดการจะเริ่มผลิตในช่วงครึ่งแรกของปี
-การเปิดตัว FSD Unsupervised หรือ ระบบขับขี่อัตโนมัติแบบไม่ต้องการคนขับ ในรูปแบบเก็บค่าบริการ
-การเปิดตัว FSD Supervised หรือระบบขับขี่อัตโนมัติ ที่คนขับยังต้องดูแลการทำงานของรถ ในยุโรปและจีน
-การเปิดตัวธุรกิจ Robotaxi หรือแท็กซี่ไร้คนขับ ในบางพื้นที่ของสหรัฐอเมริกา
สรุปแล้ว แม้ผลประกอบการไตรมาสล่าสุดของ Tesla จะไม่ค่อยสดในนัก
แต่ด้วยมุมมองของบริษัท ที่ให้ความหวังว่า ธุรกิจจะกลับมาเติบโตได้อีกครั้งในปี 2025
พร้อมประกาศแผนงานต่าง ๆ ที่ดูจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัท
พร้อมประกาศแผนงานต่าง ๆ ที่ดูจะเพิ่มความสามารถในการแข่งขันให้กับบริษัท
คือสิ่งที่ทำให้นักลงทุนมีความเชื่อมั่นมากขึ้น และผลักดันให้ราคาหุ้นของ Tesla ปรับเพิ่มขึ้น 4% ในช่วงซื้อขายหลังตลาดปิด นั่นเอง…

