รู้จัก See’s Candies ร้านขายช็อกโกแลต ของบัฟเฟตต์ ที่ล่าสุด มาบุกไทย

รู้จัก See’s Candies ร้านขายช็อกโกแลต ของบัฟเฟตต์ ที่ล่าสุด มาบุกไทย

รู้จัก See’s Candies ร้านขายช็อกโกแลต ของบัฟเฟตต์ ที่ล่าสุด มาบุกไทย /โดย ลงทุนแมน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ ได้ลิ้มรสขนมของ See’s Candies เป็นครั้งแรกในปี 1971
หลังจากนั้น 1 ปี เขาก็ตัดสินใจซื้อธุรกิจขายลูกกวาดและช็อกโกแลตนี้ ในราคา 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 860 ล้านบาท
ปัจจุบัน See’s Candies สามารถสร้างกำไรมากถึง 2,800 ล้านบาทต่อปี
คงต้องบอกว่านี่คือหนึ่งในเคสการลงทุนสุดคลาสสิกของ วอร์เรน บัฟเฟตต์
ซึ่งทำให้เขาเปลี่ยนสไตล์การลงทุน จากเน้นหาหุ้นก้นบุหรี่ ที่ราคาถูกมาก ๆ ตามคำสอนของเบนจามิน เกรแฮม อาจารย์ของเขา
มาโฟกัสกับการลงทุนในธุรกิจที่ยอดเยี่ยม ที่ราคายุติธรรม แทน
วอร์เรน บัฟเฟตต์ เห็นอะไรในธุรกิจขายลูกกวาดและช็อกโกแลตนี้ ?
เหตุใดเขาจึงตัดสินใจซื้อ See’s Candies ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
See’s Candies เริ่มต้นจากความฝันของ Charles See ที่อยากจะมีร้านขายลูกกวาดฝีมือของคุณแม่
เขาจึงเปิดร้าน See’s Candies สาขาแรกที่เมืองลอสแอนเจลิส รัฐแคลิฟอร์เนีย ในปี 1921
เมื่อเวลาผ่านไป See’s Candies ก็มีการขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง
ทั้งในแง่ของประเภทขนมหวาน จำนวนสาขา รวมทั้งการเพิ่มบริการ Delivery
โดยเน้นคติที่ว่า “คุณภาพไม่สามารถต่อรองได้”
ทำให้ลูกค้าของ See’s Candies มีตั้งแต่ประชาชนทั่วไป ไปจนถึงคนดังระดับ Hollywood
แม้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 วัตถุดิบที่จำเป็นต้องใช้ทำลูกกวาดเริ่มขาดตลาด
แต่ See’s Candies ก็ยังคงยืนหยัดในเรื่องคุณภาพ ยอมผลิตสินค้าในปริมาณที่ลดลง
ซึ่งผลลัพธ์กลับกลายเป็นว่า ลูกค้าก็ยังยินดีที่จะต่อคิวเพื่อรอซื้อขนมของร้าน See’s Candies
แต่เรื่องนี้เป็นกรณีศึกษาในเรื่องการลงทุน ก็เพราะว่า
ในปี 1972 วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดังได้ขอซื้อกิจการจากครอบครัว See
See’s Candies กลายเป็นหนึ่งในธุรกิจที่บัฟเฟตต์ ชอบมากที่สุด
โดยเขามักกล่าวว่า See’s Candies ถือเป็นธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ
แล้ว วอร์เรน บัฟเฟตต์ เห็นอะไรใน See’s Candies ?
ลองคิดกันง่าย ๆ ว่าธุรกิจที่สมบูรณ์แบบ จะต้องประกอบด้วยอะไรบ้าง
- การบริหารจัดการที่ดี
- สามารถขึ้นราคาได้ โดยที่ไม่เสียลูกค้า
- ใช้เงินลงทุนน้อย และมีกำไรมาก
See’s Candies มีแทบทุกอย่างที่กล่าวมาทั้งหมด

โดย บัฟเฟตต์ ได้กล่าวไว้ตอนที่ตัดสินใจซื้อ See’s Candies ว่า
“ทุกคนในแคลิฟอร์เนีย ชื่นชอบและประทับใจใน See’s Candies จนทำให้กลายเป็นแบรนด์ในใจของใครหลาย ๆ คน และการที่เราเข้าไปอยู่ในใจของผู้คนได้ ทำให้เราสามารถขึ้นราคาได้”
บัฟเฟตต์ มีความเชื่อว่า ไม่ว่าจะเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไร คนก็ยังกินขนมหวานเหล่านี้อยู่
เช่นเดียวกับกรณีของ Coca-Cola หรือโค้ก หุ้นอีกหนึ่งตัวที่บัฟเฟตต์ ถือมาอย่างยาวนาน
เพราะโค้ก เป็นเครื่องดื่มที่ได้รับความนิยม และอยู่ในใจของใครหลายคน ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไร เทคโนโลยีจะเปลี่ยนไปขนาดไหน คนจะออกมาบอกว่ามันไม่ดีอย่างไร คนส่วนใหญ่ก็ยังดื่มโค้กอยู่ดี
เพราะโค้ก ก็คือโค้ก..
เรื่องที่น่าสนใจคือ บัฟเฟตต์ กล่าวว่า หากเขาไม่ได้ซื้อ See’s Candies เขาก็คงไม่ได้ตัดสินใจซื้อหุ้น Coca-Cola ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนที่ประสบความสำเร็จครั้งใหญ่ของเขาเช่นกัน
เพราะ See’s Candies ทำให้เขาได้รู้ว่า การลงทุนในธุรกิจที่ยอดเยี่ยม แม้จะต้องจ่ายในราคาที่พรีเมียม (แต่ยังสมเหตุสมผลอยู่) ในระยะยาว ผลตอบแทนจากการลงทุนที่ได้ จะสูงและทบต้นไปเรื่อย ๆ จนกลายเป็นมูลค่ามหาศาล
ทีนี่ย้อนกลับมาดูรายได้ของ See’s Candies
ในปี 1972 ธุรกิจนี้มีรายได้ 1,073 ล้านบาท และกำไร 137 ล้านบาท
และในปี 2007 พบว่ายอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 12 เท่า มาอยู่ที่ 13,128 ล้านบาท
ส่วนกำไรเพิ่มเป็น 20 เท่า มาอยู่ที่ 2,811 ล้านบาท
แม้ว่า See’s Candies ไม่ได้เผยข้อมูลกำไรในปี 2023 แต่จากแนวโน้มธุรกิจ สันนิษฐานได้ว่า See's Candies ยังคงรักษาความสามารถในการทำกำไรที่ดี
โดยในปี 2011 บัฟเฟตต์ ออกมาประกาศว่าตลอด 40 ปีที่ผ่านมา See’s Candies ได้ทำกำไรให้เขากว่า 5 หมื่นล้านบาทแล้ว
ไม่น่าเชื่อว่าเขาจะทำเงินได้มากกว่า 5 หมื่นล้านบาท จากการลงทุน 860 ล้านบาท
ปัจจุบัน See’s Candies ยังทำขนมโดยเน้นหลักการ “คุณภาพไม่สามารถต่อรองได้” เช่นเดิม
แน่นอนว่าหนึ่งในลูกค้าประจำของ See’s Candies ก็คือตัว วอร์เรน บัฟเฟตต์ เอง
โดยจะสังเกตได้จากกล่องขนม Peanut Brittle ที่มักจะวางอยู่บนโต๊ะด้านหน้าผู้ถือหุ้นนับพันของ Berkshire Hathaway ในการประชุมผู้ถือหุ้นทุกปี

ปัจจุบัน แบรนด์ See’s Candies มีอายุกว่า 103 ปีแล้ว
ซึ่งขยายสาขาจนมี 260 แห่งทั่วสหรัฐฯ และมี 92 สาขาใน 15 ประเทศทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย, ฮ่องกง, นิวซีแลนด์, สิงคโปร์, ฟิลิปปินส์, เกาหลีใต้, ไต้หวัน
และล่าสุดก็คือ ประเทศไทย
โดยเปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้า ดิ เอ็มสเฟียร์ ซึ่งมีจุดเด่นคือ เป็นช็อกโกแลตนำเข้า 100%
ที่น่าสนใจคือ ผู้ที่นำเข้าแบรนด์และเป็นตัวแทนจำหน่าย See’s Candies ในประเทศไทย ก็ไม่ใช่ใครที่ไหน แต่คือ บริษัท เคเอฟยู จำกัด ผู้นำเข้าแบรนด์ Krispy Kreme ในไทย นั่นเอง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon