“ถ้าตอนนี้อายุ 24 อีกครั้ง ผมจะไม่ลงทุนในประเทศไทยเลย”

“ถ้าตอนนี้อายุ 24 อีกครั้ง ผมจะไม่ลงทุนในประเทศไทยเลย”

“ถ้าตอนนี้อายุ 24 อีกครั้ง ผมจะไม่ลงทุนในประเทศไทยเลย”
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ คุณกวี ชูกิจเกษม ในงาน THE MONEY FORUM 2024
หัวข้อ “นักลงทุนผู้ชาญฉลาด”
ถ้า ณ วันนี้ เราย้อนเวลากลับไปให้ ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร และ คุณกวี ชูกิจเกษม อายุ 24 อีกครั้ง
จะเริ่มลงทุนอย่างไร ?
คุณกวีบอกว่า ยังลงทุนในหุ้นเช่นเดิม โดยตอนนั้นช่วงแรก ๆ ที่ลงทุนหุ้น ลงทุนผิดพลาด เพราะลงทุนตามกระแสมากเกินไป
หลังจากพลาด เลยมานั่งคิดว่าประเทศไทยมีอะไรดี อุตสาหกรรมไหนจะเป็นหมุดหมายสำคัญของประเทศ หรือก็คือ มองที่ S-Curve ใหม่ของประเทศไทย ว่าคืออะไร ?
ทำให้คุณกวีเลือกซื้อหุ้นกลุ่มโรงพยาบาล ค้าปลีก ท่องเที่ยว ยานยนต์
แต่หากวันนี้ย้อนกลับไป ตอนนี้ให้นั่งคิด ก็คิดเหมือนเดิมคือ มองหา S-Curve ใหม่ มองว่าอะไรจะเป็นอนาคตของประเทศ ?
คุณกวี วิเคราะห์ว่าประเทศไทย ผ่าน S-Curve มา 3 ช่วง ได้แก่
S-Curve ที่ 1 คือ การเกษตร
S-Curve ที่ 2 คือ เหมืองแร่
S-Curve ที่ 3 คือ การท่องเที่ยว, Healthcare และรถยนต์
และมองว่า S-Curve ที่ 4 อาจเป็นพลังงานสะอาด อย่างรถ EV, Battery, Solar Cell, โรงไฟฟ้านิวเคลียร์
เนื่องจากตอนนี้ เทรนด์การทำ Data Center มีความจำเป็นต้องใช้พลังงานสูง ทำให้ตอนนี้คุณกวีมองว่า S-Curve ใหม่ คือเรื่องพลังงานสะอาด
และประเทศไทย มีแสงแดดเยอะ ที่ดินไม่แพง ที่ราบเยอะ
แม้เราไม่มีแร่ที่ทำแบตเตอรี่ แต่ก็ไม่มีประเทศไหนที่มีครบทุกแร่ เราเป็นศูนย์กลางแบตเตอรี่ได้
ซึ่งประเทศไทย อยู่ตรงศูนย์กลางประเทศที่มีแร่ธาตุสำคัญมากมาย ทำให้ได้เปรียบในเชิงทำเลโลจิสติกส์
นอกจากนี้ คุณกวีมองว่า คริปโตเป็นการลงทุนทางเลือกที่น่าสนใจ แต่ควรลงทุนไม่เกิน 5%
สรุปก็คือ หากคุณกวี อายุ 24 อีกครั้ง “ก็ยังเลือกลงทุนในหุ้น และหา S-Curve ใหม่เพื่อลงทุน”
ส่วนฝั่งของ ดร.นิเวศน์ บอกว่า ถ้าย้อนกลับไปอายุ 24 จะไม่ลงทุนประเทศไทยเลย เพราะคิดว่าที่รวยจากการลงทุนในไทย ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 มา เป็นเพราะโชคดี ที่ช่วงนั้นไทยเป็น Rising Star
ตอนนั้น Growth ของประเทศไทยยังดีอยู่ เพียงแต่เจอวิกฤติเศรษฐกิจมาชั่วคราว
ความสำเร็จในการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ เกิดเพราะลงทุน “ถูกที่ ถูกเวลา หุ้นถูกตัว”
ซึ่งการลงทุนถูกเวลา คือความโชคดี
ส่วนวิธีการเลือกหุ้น เป็นความตั้งใจจริง ๆ
วิธีการเลือกหุ้นของ ดร.นิเวศน์ เลือกแบบ VI คือลงทุนในกิจการทื่ดี หนี้น้อย ปันผลเยอะ ราคาหุ้นถูก
ไม่สน S-Curve อะไรทั้งนั้น ซึ่งช่วงนั้นเป็นช่วงเศรษฐกิจกลับมาเติบโตดี
ในยุคนั้นมีธุรกิจค้าปลีก ร้านหนังสือ เริ่มบูม
ซื้อหุ้นช่วงนั้น ผ่านมา 10 ปี 20 ปี ราคาขึ้นมา 10 เด้งทั้งนั้น
แต่ต้องยอมรับว่า ประเทศไทยไม่มีศักยภาพที่จะเป็นแบบเดียวกับเกาหลีใต้เป็นได้
เกาหลีใต้ก้าวขึ้นมาระดับโลกได้ ไต้หวันก็ทำได้
แต่บ้านเรา ดร.นิเวศน์ มองว่าทำยาก..
ประเทศไทยจากการที่เป็น Traditional Business จะเติบโตเป็น Innovation ได้ไหม ยังน่าตั้งคำถาม
ดร. นิเวศน์ มองว่าประเทศไทย ยังไม่เจอบริษัทที่จะกลายเป็น Innovation ให้กับประเทศได้
เหมือนในประเทศเกาหลีใต้ ที่มี Samsung ประเทศไต้หวัน ที่มี TSMC
พิสูจน์ได้จาก 5 ปีที่ผ่านมา ดร.นิเวศน์ ยังไม่เจอบริษัทในประเทศไทย ที่เหมือนจะเป็น S-Curve แบบ Innovation ในไทย
ดังนั้น ดร. นิเวศน์ จะเลือกลงทุนในเวียดนามทั้งหมด เนื่องจากถูกที่ ถูกเวลา และเป็นหุ้นที่มีราคาถูก ตรงตามเกณฑ์ที่ตั้งไว้
อีกทั้งเวียดนาม มีบริษัทที่มีศักยภาพมากกว่าอินโดฯ ที่เป็น Old Economy
มีทรัพยากรมนุษย์อายุน้อย ซึ่งมีความสามารถเป็นจำนวนมาก
แถมไทย ก็กำลังเสียส่วนแบ่งให้กับเวียดนามเรื่อย ๆ ที่เจอความท้าทายทั้งสังคมผู้สูงอายุ ค่าแรงสูงขึ้น ฯลฯ
นอกจากนี้ ดร. นิเวศน์ ยังตั้งคำถามกับธุรกิจ Data Center ว่าผลประโยชน์จะตกมาสู่ไทยแค่ไหน
เพราะประเทศไทย เป็นแค่ที่ตั้งศูนย์เฉย ๆ ไม่ได้ผลประโยชน์โดยตรง
สรุปแล้ว หากดร. นิเวศน์ อายุ 24 อีกครั้งในวันนี้
ดร. นิเวศน์ ก็จะเลือกลงทุนในเวียดนาม แทนประเทศไทย..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon