สรุป 9 ข้อ หุ้น Oracle ทำตัวอยู่ในกระแส AI จนหุ้นทำ ALL TIME HIGH
สรุป 9 ข้อ หุ้น Oracle ทำตัวอยู่ในกระแส AI จนหุ้นทำ ALL TIME HIGH /โดย ลงทุนแมน
1. Oracle ก่อตั้งในปี 1977 โดย Larry Ellison, Bob Miner และ Ed Oates
ปัจจุบัน Larry Ellison เป็น Executive Chairman และ CTO ของบริษัท
1. Oracle ก่อตั้งในปี 1977 โดย Larry Ellison, Bob Miner และ Ed Oates
ปัจจุบัน Larry Ellison เป็น Executive Chairman และ CTO ของบริษัท
แม้หลายคนจะไม่ค่อยคุ้นชื่อเขาเท่าไร
แต่จริง ๆ แล้ว เขาคนนี้เป็นเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก มีทรัพย์สิน 6.6 ล้านล้านบาท มากกว่า
Mark Zuckerberg เจ้าของ Meta
Bernard Arnault เจ้าของ LVMH
และ Warren Buffett
แต่จริง ๆ แล้ว เขาคนนี้เป็นเศรษฐีอันดับ 3 ของโลก มีทรัพย์สิน 6.6 ล้านล้านบาท มากกว่า
Mark Zuckerberg เจ้าของ Meta
Bernard Arnault เจ้าของ LVMH
และ Warren Buffett
โดย Larry Ellison มีทรัพย์สินเป็นรองเพียง Elon Musk และ Jeff Bezos เท่านั้น
2. Oracle ทำธุรกิจอะไร ?
Oracle เป็นบริษัทเทคโนโลยี คอยพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจัดการระบบหลังบ้าน เช่น
Oracle เป็นบริษัทเทคโนโลยี คอยพัฒนาซอฟต์แวร์เพื่อจัดการระบบหลังบ้าน เช่น
- Enterprise Resource Planning (ERP) เป็นระบบหลังบ้านที่ใช้จัดการข้อมูลทางการคลัง ระบบซัปพลายเชน เชื่อมกับระบบบัญชี
อธิบายง่าย ๆ คือ หากพนักงานคลังสินค้า ใช้ระบบซอฟต์แวร์ ERP เมื่อมีการอัปเดตข้อมูลเข้าระบบเมื่อไร หน่วยงานอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องและมีสิทธิเข้าถึงข้อมูลได้ เช่น ระบบสินค้าคงคลังทางบัญชี และซัปพลายเชน ก็จะได้ข้อมูลชุดนั้นทันที
โดยคู่แข่งของ Oracle ในกลุ่มนี้ก็คือบริษัทที่ชื่อว่า SAP
- Customer Relationship Management (CRM) เป็นระบบซอฟต์แวร์หลังบ้านเหมือนกัน แต่ฟีเชอร์หลัก ๆ จะเกี่ยวข้องกับงานขาย คู่แข่งก็คือ Salesforce
3. Oracle ได้ประโยชน์เวฟแรก จากเทคโนโลยีคลาวด์
เพราะจากเดิม Oracle ต้องไปติดตั้งที่รายบริษัท แต่พอมีคลาวด์ บริษัทต่าง ๆ สามารถเชื่อมระบบกับซอฟต์แวร์ได้เลย ขนาดตลาดจึงใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก
เพราะจากเดิม Oracle ต้องไปติดตั้งที่รายบริษัท แต่พอมีคลาวด์ บริษัทต่าง ๆ สามารถเชื่อมระบบกับซอฟต์แวร์ได้เลย ขนาดตลาดจึงใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก
เพราะจากเดิมที่บริษัทต้องลงทุนสูง เปลี่ยนมาเป็นการจ่ายค่าสมาชิกรายเดือนให้กับ Oracle แทน นั่นจึงทำให้บริษัทขนาดกลางและขนาดเล็ก เข้าถึงได้ง่ายขึ้นตามไปด้วย ลักษณะจะคล้าย ๆ กับที่เราจ่ายให้ Microsoft และ Netflix
โดยรายได้กลุ่มนี้ นับเป็น Recurring Revenue หรือเป็นประเภทบริษัทผลิตเงินสดซ้ำ ๆ ได้
ยิ่งมีลูกค้าเป็นองค์กรด้วย จะมีความสม่ำเสมอของรายได้สูง Switching Cost ขององค์กรก็สูงด้วย เพราะต้องฝากฐานข้อมูลทั้งบริษัทไว้ ข้อมูลที่ฝากก็ถูกปรับให้เข้ากับซอฟต์แวร์ของ Oracle การจะย้ายค่ายก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย
4. แล้ว Oracle ได้ประโยชน์จาก AI อย่างไร ?
ปัจจุบัน Oracle ลงทุนและพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับการจัดการข้อมูลอัตโนมัติ เรียกว่า Autonomous Database ซึ่งจะใช้ Machine Learning ในการจัดการตัวเอง
ปัจจุบัน Oracle ลงทุนและพัฒนาโซลูชัน AI สำหรับการจัดการข้อมูลอัตโนมัติ เรียกว่า Autonomous Database ซึ่งจะใช้ Machine Learning ในการจัดการตัวเอง
เช่น การสำรองข้อมูล การอัปเดต และการรักษาความปลอดภัย หรือก็คือ ลดงานที่มนุษย์จะต้องเข้ามาจัดการข้อมูลด้วยตัวเอง
ผลิตภัณฑ์สำคัญ ก็ชื่อตรงกับที่ลงทุนไปเลย ก็คือ “Oracle Autonomous Database”
อีกขาหนึ่ง ก็คือ Oracle Cloud Infrastructure (OCI) เป็นโครงสร้างพื้นฐานคลาวด์ของ Oracle ที่แข่งขันกับผู้ให้บริการคลาวด์รายใหญ่อื่น ๆ เช่น AWS, Azure และ Google Cloud โดย OCI มีบริการที่เน้นไปที่ AI และ Machine Learning
5. การควบรวม และการเข้าซื้อกิจการ
Oracle ได้ทำการซื้อกิจการมาตลอดทาง ที่เกี่ยวข้องกับ AI เช่น การซื้อ Cerner มูลค่ากว่า 943,000 ล้านบาท ในปี 2022 เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการให้บริการธุรกิจกลุ่มเฮลท์แคร์ ปัจจุบันเข้ามาอยู่ในหมวดธุรกิจ Oracle Health
เรื่องที่น่าสนใจคือชื่อของ Oracle เคยมีชื่อเป็นหนึ่งในผู้ที่มีแนวโน้มจะเข้าซื้อ TikTok ในสหรัฐอเมริกาด้วย แต่ดีลก็ยังไม่ได้เกิดขึ้น
6. โครงสร้างรายได้ปัจจุบัน
ปัจจุบันรายได้ของ Oracle แบ่งเป็น 3 ขาหลัก คือ
- Software 83%
1. ให้บริการคลาวด์ และโครงสร้างพื้นฐานทางไอที รวมถึงฐานข้อมูลองค์กร และ Java ภาษาพัฒนาซอฟต์แวร์ที่ใช้กันอย่างแพร่หลาย
2. รายได้จากการให้บริการลูกค้าที่ใช้งาน Oracle Applications รวมถึง Oracle E-Business Suite, PeopleSoft และ Siebel ซึ่งใช้ได้ทั้งบนคลาวด์ และภายในองค์กร
- Services 11%
รายได้ส่วนนี้มาจากบริการเสริมอื่น ๆ ในระบบคลาวด์ เช่น การให้คําปรึกษาและการบริการลูกค้าขั้นสูง
- Hardware System Business 6%
รายได้มาจากการขายผลิตภัณฑ์ฮาร์ดแวร์ เช่น เซิร์ฟเวอร์, อุปกรณ์จัดเก็บข้อมูล และฮาร์ดแวร์เฉพาะทาง
7. ผลประกอบการที่ผ่านมา (ปิดงบเดือนพฤษภาคมของทุกปี)
ปี 2022 รายได้ 1,421,740 ล้านบาท กำไร 225,020 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 1,673,459 ล้านบาท กำไร 284,851 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 1,774,194 ล้านบาท กำไร 350,645 ล้านบาท
ปี 2023 รายได้ 1,673,459 ล้านบาท กำไร 284,851 ล้านบาท
ปี 2024 รายได้ 1,774,194 ล้านบาท กำไร 350,645 ล้านบาท
8. การเติบโตในอนาคต
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Oracle ประกาศว่า มีการนำ Gen AI ใส่ลงไปในซอฟต์แวร์ เพื่อให้ใช้ได้ทั้งธุรกิจการเงิน การจัดการซัปพลายเชน งานขาย การตลาดต่าง ๆ
ในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา Oracle ประกาศว่า มีการนำ Gen AI ใส่ลงไปในซอฟต์แวร์ เพื่อให้ใช้ได้ทั้งธุรกิจการเงิน การจัดการซัปพลายเชน งานขาย การตลาดต่าง ๆ
นอกจากนี้ Oracle ยังจับมือเป็นพันธมิตรกับ Microsoft, OpenAI เจ้าของ ChatGPT ที่มี Microsoft เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ และ Alphabet ในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาอีกด้วย
จากดีลทั้งหมดนี้ ทำให้ Oracle ยิ่งเป็นเสือติดปีก เพราะได้ความเชี่ยวชาญด้าน Gen AI จากบริษัทเหล่านี้ ไปรวมกับซอฟต์แวร์ของบริษัทที่มีอยู่แล้ว
ส่วนบริษัทเหล่านี้ก็ได้ประโยชน์เช่นกัน เพราะสามารถขยายการให้บริการ Gen AI ไปยังธุรกิจต่าง ๆ และพัฒนาต่อยอดให้ตอบโจทย์กับลูกค้าที่หลากหลายมากขึ้น
รวมถึงข่าวการประกาศจับมือระหว่าง Oracle และ AWS ของ Amazon หลังแข่งขันกันมานานกว่า 15 ปี ทำให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงการใช้งาน Oracle บนระบบของ AWS ได้
ซึ่งทั้งหมดนี้ ทำให้ Oracle กลายเป็นบริษัทซอฟต์แวร์ที่นำเอา Gen AI ไปต่อยอดกับธุรกิจต่าง ๆ ได้อย่างลงตัว จนสามารถเกาะกระแสการเติบโตไปกับเทรนด์ AI
9. มูลค่าบริษัท Oracle กำลังทำจุดสูงสุดในประวัติศาสตร์
จากงบการเงินในไตรมาส 1 ปี 2025 ซึ่งเป็นงบล่าสุด ที่เพิ่งประกาศเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา
รายได้ 445,785 ล้านบาท เติบโต 7%
กำไร 98,122 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แถมดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
กำไร 98,122 ล้านบาท เติบโต 21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน แถมดีกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
โดยเฉพาะรายได้ในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานของคลาวด์ (IaaS) ที่เติบโตมากถึง 45%
สอดคล้องกับข่าวการจับมือกับพันธมิตรใหม่ โดยเฉพาะ AWS ที่เป็นคู่แข่งกันมานาน
ส่งผลให้หุ้นปรับตัวเพิ่มขึ้นมาแล้ว 16% หลังจากประกาศงบไตรมาสล่าสุด
และผลักดันให้มูลค่าบริษัทไปอยู่ที่ 14.6 ล้านล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา..
และผลักดันให้มูลค่าบริษัทไปอยู่ที่ 14.6 ล้านล้านบาท นับเป็นสถิติสูงสุดนับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา..