ธุรกิจแบบไหน ? ที่สัญชาตญาณ วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกให้ซื้อ
ธุรกิจแบบไหน ? ที่สัญชาตญาณ วอร์เรน บัฟเฟตต์ บอกให้ซื้อ /โดย ลงทุนแมน
วันนี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดของนักลงทุนระดับตำนาน “วอร์เรน บัฟเฟตต์“ ซึ่งคุณบัฟเฟตต์ มีอายุครบ 94 ปีแล้ว
วันนี้ เป็นวันคล้ายวันเกิดของนักลงทุนระดับตำนาน “วอร์เรน บัฟเฟตต์“ ซึ่งคุณบัฟเฟตต์ มีอายุครบ 94 ปีแล้ว
บัฟเฟตต์ เริ่มลงทุนซื้อหุ้นครั้งแรกตอนอายุ 11 ปี ด้วยเงินเก็บของตัวเอง และพี่สาว
หรือก็คือ เขาคลุกคลีอยู่กับหุ้นมาเป็นเวลากว่า 83 ปี..
หรือก็คือ เขาคลุกคลีอยู่กับหุ้นมาเป็นเวลากว่า 83 ปี..
คงปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลอดเส้นทางการเป็นนักลงทุนของเขา ต้องประสบกับเรื่องต่าง ๆ มานับครั้งไม่ถ้วน ทั้งสมหวัง ผิดหวัง ทั้งประสบความสำเร็จ และทำผิดพลาด ไม่ต่างจากมนุษย์ทุกคนบนโลก
แต่ไม่ว่า บัฟเฟตต์ จะทำหรือคิดอะไร ก็มักได้รับความสนใจจากนักลงทุนทั่วโลกอยู่เสมอ
เพราะทุกอย่างก้าว แฝงไปด้วยแนวคิดและปรัชญาที่ควรค่าแก่การศึกษา ทั้งในแง่ของการลงทุน และการใช้ชีวิต
เพราะทุกอย่างก้าว แฝงไปด้วยแนวคิดและปรัชญาที่ควรค่าแก่การศึกษา ทั้งในแง่ของการลงทุน และการใช้ชีวิต
ซึ่งก็มีหนังสือ ตำรา และบทความมากมาย ที่พยายามวิเคราะห์และถอดบทเรียนการลงทุน ที่ได้จากบัฟเฟตต์
แล้วเคยสงสัยกันไหมว่า ธุรกิจแบบไหน ที่วอร์เรน บัฟเฟตต์ จะใช้สัญชาตญาณ ในการลงทุน ?
“Nebraska Furniture Mart” เป็นตัวอย่างดีที่ และเป็นหนึ่งในการลงทุนเข้าซื้อกิจการที่น่าสนใจ
โดยคุณบัฟเฟตต์ ยอมควักเงินซื้อร้านเฟอร์นิเชอร์ที่ว่านี้ ด้วยมูลค่าราว 6,000 ล้านบาท แลกกับสัดส่วนความเป็นเจ้าของ 90% โดยที่ใช้สัญชาตญาณของตนเองในการตัดสินใจ และไม่ตรวจสอบอะไรมากนัก ก่อนที่จะจ่ายเงิน..
แล้วทำไมคุณบัฟเฟตต์ ถึงอยากเป็นเจ้าของ Nebraska Furniture Mart ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรื่องราวทั้งหมดของ Nebraska Furniture Mart มีจุดเริ่มต้นมาจาก ผู้หญิงที่ชื่อ คุณโรส บลัมคิน หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “Mrs. B”
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เรื่องราวทั้งหมดของ Nebraska Furniture Mart มีจุดเริ่มต้นมาจาก ผู้หญิงที่ชื่อ คุณโรส บลัมคิน หรือที่หลายคนรู้จักกันในชื่อ “Mrs. B”
คุณบลัมคิน เกิดในครอบครัวชาวยิว เมื่อปี 1893 ที่ประเทศเบลารุส
แต่ในเวลาต่อมา เธอได้อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในปี 1917
แต่ในเวลาต่อมา เธอได้อพยพไปอยู่ที่สหรัฐอเมริกา ในปี 1917
แม้ในช่วงแรกที่อพยพมานั้น คุณบลัมคินจะมีปัญหาในหลายเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร เนื่องจากในประเทศเบลารุส สื่อสารโดยใช้ภาษารัสเซีย และภาษาเบโลรัสเซีย เป็นหลัก
อีกทั้งการศึกษาของเธอ ก็ยังเรียนไม่จบในระดับมัธยมศึกษา
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการสื่อสาร เนื่องจากในประเทศเบลารุส สื่อสารโดยใช้ภาษารัสเซีย และภาษาเบโลรัสเซีย เป็นหลัก
อีกทั้งการศึกษาของเธอ ก็ยังเรียนไม่จบในระดับมัธยมศึกษา
อย่างไรก็ตาม 2 ปีต่อมา หลังจากที่เธอได้ย้ายมาที่เมืองโอมาฮา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของคุณบัฟเฟตต์
และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเนแบรสกา
และเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในรัฐเนแบรสกา
เธอก็ได้เริ่มเปิดร้านขายเสื้อผ้ามือสอง เพื่อหารายได้ในการใช้ประทังชีวิต
หลังจากนั้น คุณบลัมคินก็ค่อย ๆ เก็บออมเงิน จากการขายเสื้อผ้ามือสอง
จนอีก 18 ปีต่อมา คุณบลัมคิน ก็มีเงินเก็บก้อนหนึ่ง ประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน ประมาณ 3.6 แสนบาท
หลังจากนั้น คุณบลัมคินก็ค่อย ๆ เก็บออมเงิน จากการขายเสื้อผ้ามือสอง
จนอีก 18 ปีต่อมา คุณบลัมคิน ก็มีเงินเก็บก้อนหนึ่ง ประมาณ 500 ดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน ประมาณ 3.6 แสนบาท
ซึ่งเธอก็ได้ตัดสินใจนำเงินเก็บก้อนนี้ ไปลงทุนเปิดร้านขายเฟอร์นิเชอร์ที่ชื่อ Nebraska Furniture Mart หรือ NFM
โดยในช่วงแรก เธอเริ่มต้นธุรกิจจากการนำเฟอร์นิเชอร์มือสองมาขาย
หลังจากนั้นจึงค่อยทำการต่อยอด มาขายเฟอร์นิเชอร์มือหนึ่ง
หลังจากนั้นจึงค่อยทำการต่อยอด มาขายเฟอร์นิเชอร์มือหนึ่ง
ในส่วนของกลยุทธ์ที่คุณบลัมคิน เลือกหยิบมาใช้กับร้านของเธอ คือ การขายสินค้าที่มีราคาถูกกว่าร้านเฟอร์นิเชอร์ทั่ว ๆ ไป โดยเธอจะตั้งราคาขายที่สูงกว่าต้นทุน เพียงแค่ 5-10% เท่านั้น
ซึ่งกลยุทธ์ที่ว่านี้เหมือนจะมาถูกทาง
NFM เริ่มแย่งลูกค้า มาจากคู่แข่งได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
NFM เริ่มแย่งลูกค้า มาจากคู่แข่งได้เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
และเมื่อคู่แข่งรายอื่น เริ่มเสียลูกค้าให้กับทาง NFM
เรื่องนี้ทำให้คู่แข่งรายใหญ่บางรายไม่พอใจ จนถึงขนาดไปร้องขอกับบริษัทซัปพลายเออร์เฟอร์นิเชอร์ ให้หยุดขายเฟอร์นิเชอร์ให้กับ NFM
เรื่องนี้ทำให้คู่แข่งรายใหญ่บางรายไม่พอใจ จนถึงขนาดไปร้องขอกับบริษัทซัปพลายเออร์เฟอร์นิเชอร์ ให้หยุดขายเฟอร์นิเชอร์ให้กับ NFM
ด้วยความที่คู่แข่งรายใหญ่เหล่านั้น มีปริมาณการสั่งซื้อเฟอร์นิเชอร์ที่มากกว่า NFM
ทำให้บริษัทซัปพลายเออร์ ต้องยอมหยุดขายเฟอร์นิเชอร์ให้กับทาง NFM
ทำให้บริษัทซัปพลายเออร์ ต้องยอมหยุดขายเฟอร์นิเชอร์ให้กับทาง NFM
อย่างไรก็ตาม คุณบลัมคินไม่คิดที่จะยอมแพ้ เธอจึงตัดสินใจนั่งรถไฟออกจากโอมาฮา ไปอีกหลายร้อยกิโลเมตร เพื่อตามหาซัปพลายเออร์รายใหม่
ในตอนนั้น คุณบลัมคิน ได้ออกตระเวนไปตามเมืองต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเมืองแคนซัส ชิคาโก และนิวยอร์ก จนในที่สุดเธอก็สามารถตามหาซัปพลายเออร์ ตามที่เธอต้องการได้สำเร็จ
และก็เป็นอีกครั้ง ที่กลยุทธ์การขายในราคาถูกของเธอ สามารถเอาชนะคู่แข่งได้
หลังจากวันนั้น ธุรกิจของ NFM ก็ค่อย ๆ ได้รับความนิยม และเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ
กลายมาเป็นผู้ค้าปลีกของตกแต่งบ้าน ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ
กลายมาเป็นผู้ค้าปลีกของตกแต่งบ้าน ที่ใหญ่ที่สุดในอเมริกาเหนือ
จนในที่สุด ความสำเร็จของ NFM ก็ไปเข้าตานักลงทุนชื่อดังอย่าง คุณวอร์เรน บัฟเฟตต์
ซึ่งในกรณีของ NFM เขาไม่ได้เพียงแค่อยากซื้อหุ้นบางส่วน แต่เขาอยากซื้อ NFM ทั้งบริษัท
เพราะเขาประทับใจกับการเติบโตของกิจการ และการบริหารงานของคุณบลัมคิน
ซึ่งครั้งหนึ่ง คุณบัฟเฟตต์ เคยพูดถึงคุณบลัมคินว่า “ไม่ว่าเธอจะไปทำธุรกิจอะไร ผมก็อยากที่จะไปร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเธอเสมอ ๆ”
ซึ่งในกรณีของ NFM เขาไม่ได้เพียงแค่อยากซื้อหุ้นบางส่วน แต่เขาอยากซื้อ NFM ทั้งบริษัท
เพราะเขาประทับใจกับการเติบโตของกิจการ และการบริหารงานของคุณบลัมคิน
ซึ่งครั้งหนึ่ง คุณบัฟเฟตต์ เคยพูดถึงคุณบลัมคินว่า “ไม่ว่าเธอจะไปทำธุรกิจอะไร ผมก็อยากที่จะไปร่วมเป็นหุ้นส่วนกับเธอเสมอ ๆ”
คุณบัฟเฟตต์ซื้อ NFM โดยไม่ได้ตรวจสอบอะไรมากมายนัก
แต่เพราะว่าสัญชาตญาณของเขาบอกว่า “ต้องซื้อ”
แต่เพราะว่าสัญชาตญาณของเขาบอกว่า “ต้องซื้อ”
เขาเพียงแค่ถามคุณบลัมคินว่า “บริษัทของคุณมีหนี้ไหม” ซึ่งเมื่อเธอตอบกลับมาว่า “ไม่มี”
คุณบัฟเฟตต์ จึงตัดสินใจเขียนเช็ค จำนวน 60 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นมูลค่าปัจจุบัน ประมาณ 6,000 ล้านบาท ในทันที เพื่อขอซื้อหุ้น NFM ที่สัดส่วนราว 90%
ซึ่งคุณบลัมคิน ตอบตกลง ส่วนหนึ่งเพราะว่า คุณบัฟเฟตต์มักจะให้อิสระในการบริหารงานแก่ เจ้าของธุรกิจเดิมอย่างเต็มที่
โดยครอบครัวของเธอ ยังถือหุ้นอยู่ที่ 10% แต่ก็ยังคงบริหารงานอยู่
แม้จะขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับคุณบัฟเฟตต์ไปแล้วก็ตาม
แม้จะขายหุ้นส่วนใหญ่ให้กับคุณบัฟเฟตต์ไปแล้วก็ตาม
ซึ่งคุณบัฟเฟตต์เคยบอกว่า การที่เขาตัดสินใจซื้อ NFM นั้น
ไม่ใช่เพียงแค่ NFM เป็นธุรกิจที่ดี แต่เขายังมองหาเจ้าของธุรกิจ ที่จะไม่สูญเสียความหลงใหลในธุรกิจนั้นไป แม้จะขายธุรกิจไปแล้วก็ตาม
ไม่ใช่เพียงแค่ NFM เป็นธุรกิจที่ดี แต่เขายังมองหาเจ้าของธุรกิจ ที่จะไม่สูญเสียความหลงใหลในธุรกิจนั้นไป แม้จะขายธุรกิจไปแล้วก็ตาม
ซึ่งในความคิดของเขานั้น คุณบลัมคิน เป็นผู้ที่มีความหลงใหลในการทำธุรกิจเป็นอย่างมาก
ทำให้เธอมีความใส่ใจในการทำธุรกิจ จนสามารถสร้าง NFM ให้เติบโตและยิ่งใหญ่ได้ ในเวลาต่อมา
ทำให้เธอมีความใส่ใจในการทำธุรกิจ จนสามารถสร้าง NFM ให้เติบโตและยิ่งใหญ่ได้ ในเวลาต่อมา
และนี่คือเรื่องราวของคุณโรส บลัมคิน ผู้ก่อตั้ง Nebraska Furniture Mart ร้านเฟอร์นิเชอร์ ที่กระตุ้นสัญชาตญาณ นักลงทุนระดับโลกอย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ จนต้องมาขอซื้อกิจการ..