บ้านส้มตำ ร้านอาหารอีสาน นอกห้าง รายได้เกือบ 400 ล้าน

บ้านส้มตำ ร้านอาหารอีสาน นอกห้าง รายได้เกือบ 400 ล้าน

บ้านส้มตำ ร้านอาหารอีสาน นอกห้าง รายได้เกือบ 400 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
นึกถึงร้านอาหารอีสาน ที่ทำยอดขายปีละหลักร้อยล้านบาท หลายคนคงคิดว่าต้องเป็นร้านที่มีหลายสาขาในห้าง หรือปั๊มน้ำมัน
แต่ “บ้านส้มตำ” คือ ร้านอาหารอีสาน แบบ Stand Alone ที่มีรายได้ปีละเกือบ 400 ล้านบาท จากเพียงทั้งหมด 9 สาขา
โดยผู้ก่อตั้ง บ้านส้มตำ ทิ้งเงินเดือนเฉียดแสนบาท มาเริ่มธุรกิจร้านอาหารตอนอายุ 45 ปี ทั้งที่ไม่ใช่คนทำอาหารเก่ง
เรื่องราวของ บ้านส้มตำ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อปี 2548 คุณสุภาพร ชูดวง วัย 45 ปี อดีตแอร์กราวนด์ที่ผันตัวมาเป็นพนักงานเงินเดือนเฉียดแสนบาท คิดอยากทำธุรกิจของตัวเองขึ้นมา
คิดไปคิดมาอยู่หลายธุรกิจ ก็มาจบที่ร้านอาหารอีสาน เพราะตัวเองชื่นชอบการทานอาหารอีสาน แต่คุณสุภาพรไม่ได้ทำอาหารเก่ง จึงเน้นคิดสูตรด้วยการชิม
โดยหาแม่ครัวฝีมือดีจากร้านจิ้มจุ่มที่ไปทานเป็นประจำ มาเป็นแม่ครัวที่ร้าน ช่วยออกแบบรสชาติให้เป็นไปตามที่ต้องการ
ซึ่งเมนูอาหารจะเป็นอาหารอีสานที่รสชาติเข้มข้นถึงเครื่อง แต่ไม่จัดจ้านเกินไป เพื่อที่ทุกวัยจะได้ทานได้
ส่วนชื่อร้านก็ตั้งใจว่าพอคนได้ยินก็รู้เลยว่าร้านนี้ขายอะไร และเวลามาทานก็รู้สึกผ่อนคลายเหมือนอยู่บ้าน เลยเป็นที่มาของชื่อร้าน “บ้านส้มตำ”
ร้านบ้านส้มตำสาขาแรกอยู่ที่ตึกแถว 2 คูหา ย่านพุทธมณฑล สาย 2 และกิจการเติบโต ด้วยรสชาติที่ถูกปากลูกค้า

แต่ติดตรงที่ว่าลูกค้าจอดรถยาก เดินทางไม่สะดวก
เพราะการก่อสร้างตรงถนนหน้าร้าน
จึงเป็นที่มาของสาขาสองก็คือ พระราม 5 โดยจะเป็นร้านอาหารแบบ Stand Alone มีที่จอดรถ รวมถึงมีพื้นที่สีเขียว
จนมาในปี 2552 บ้านส้มตำก็ขยายสาขาสู่ใจกลางเมืองครั้งแรก ในสาขาสาทร ที่มีค่าเช่าแพงแตะหลักแสนบาท
อย่างไรก็ตาม สาขานี้ถือเป็นสาขาที่สร้างชื่อให้บ้านส้มตำเป็นที่รู้จัก โดยมีลูกค้าประจำเป็นทั้งพนักงานออฟฟิศและครอบครัว
อย่างสมัยน้ำท่วมปี 2554 สาขาสาทร ก็เป็นสาขาเดียวที่เปิดให้บริการได้ และก็เป็นจุดเริ่มต้นให้คุณสุภาพร ทำครัวกลางที่พระราม 3 เพราะเริ่มขับรถไปมาหลายสาขาไม่ไหว
ด้วยรสชาติที่ถูกปากลูกค้า บวกกับบรรยากาศร้านดี
มาถึงตอนนี้ บ้านส้มตำ ขยายสาขาไปแล้วทั้งหมด 9 สาขา ได้แก่ สาทร, บางรัก, บางนา, สุขุมวิท, พุทธมณฑล สาย 1, พุทธมณฑล สาย 2, พระราม 5, พระนั่งเกล้า และรังสิต
บ้านส้มตำ มีกลยุทธ์อะไร ถึงขยายสาขาได้ขนาดนี้ ?
อย่างแรกเลยก็คือ วัตถุดิบ
เพราะคุณสุภาพรเชื่อว่า วัตถุดิบคุณภาพดี นำมาปรุงอะไรก็อร่อย แถมยังช่วยลดการพึ่งพาฝีมือแม่ครัวด้วย
แม้ราคาวัตถุดิบจะแพงขึ้น แต่คุณสุภาพรก็จะไม่ลดคุณภาพ อย่างตอนที่มะนาวลูกละ 15 บาท ก็ยอมขาดทุนในจานส้มตำ แล้วค่อยไปถัวกับจานอื่น เพราะการรักษาลูกค้าไว้ระยะยาวสำคัญกว่า
อีกเรื่องก็คือ มาตรฐานในทุกจาน
รู้หรือไม่ว่า “เสียงตำส้มตำ” ของร้านบ้านส้มตำ เหมือนกันทุกสาขา
เรื่องเกิดจากมีลูกค้าคอมเพลนมาว่า รสชาติส้มตำแต่ละสาขาไม่เหมือนกัน ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องยากในเมนูส้มตำ เพราะต่อให้วัตถุดิบเหมือนกัน แต่ถ้าน้ำหนักตำต่าง รสชาติก็ต่าง
คุณสุภาพรเลยคิดการตำเป็นจังหวะขึ้นมา นอกจากจะทำให้รสชาติคงที่ทุกสาขาแล้ว ยังง่ายต่อการสอนเวลามีแม่ครัวคนใหม่ด้วย
ต่อมาก็คือ โมเดลหน้าร้าน
แล้วถ้าพูดถึงเรื่องการขยายสาขา คนส่วนใหญ่อาจจะนึกถึงการขยายไปตามห้าง แต่คุณสุภาพรมองว่าร้านแบบ Stand Alone สามารถสร้างความสัมพันธ์กับลูกค้าได้ดีกว่า
เพราะลูกค้าที่มานั้นตั้งใจมาเพื่อทานจริง ๆ ต่างจากร้านในห้างที่คนค่อยเลือกว่าจะทานร้านไหนก็ตอนไปถึงห้างแล้ว
นำมาสู่หัวใจสำคัญอีกอย่างคือ การบริการที่ดี
ด้วยความที่มีประสบการณ์ทำงานสายการบินมาก่อน บ้านส้มตำ เลยมีการเทรนนิงพนักงานแบบเป็นขั้นตอนในทุกตำแหน่ง และมีคู่มือปฏิบัติงานด้วย
ส่วนในมุมธุรกิจ ก็ไม่ได้ไปเรียนคอร์สจากไหน แต่เอาประสบการณ์ตอนทำงานเป็นพนักงานบริษัท ที่ได้เรียนรู้ว่าบัญชีทำแบบไหน มาใช้กับร้านอาหาร
ซึ่งคุณสุภาพรบอกเองว่า ประสบการณ์ที่ผ่านมา เอามาต่อยอดทำธุรกิจร้านอาหารบ้านส้มตำแห่งนี้ได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
มาถึงวันนี้ บ้านส้มตำ ถูกส่งไม้ต่อการบริหารให้กับลูกชายทั้งสองคน คือ คุณสุวภัทร และคุณพีรณัช ชูดวง
และมีการแตกโมเดลใหม่ ๆ เช่น ธุรกิจคาเฟ ที่ชื่อว่า Horme Cafe รวมไปถึงพื้นที่สวนที่รองรับการจัดอิเวนต์ด้วย
โดยผลประกอบการย้อนหลังของ บริษัท บ้านส้มตำ กรุ๊ป จำกัด คือ
ปี 2564 รายได้ 258 ล้านบาท กำไร 0.02 ล้านบาท
ปี 2565 รายได้ 358 ล้านบาท กำไร 2 ล้านบาท
ปี 2566 รายได้ 393 ล้านบาท กำไร 6 ล้านบาท
หรือรายได้เฉลี่ยตกสาขาละ 3.6 ล้านบาทต่อเดือน
จากจุดเริ่มต้นในวันนั้น ที่คุณสุภาพรตัดสินใจทิ้งเงินเดือนเฉียดแสนบาท มาเปิดร้านบ้านส้มตำ
ถ้าวันนั้นคุณสุภาพร ตัดสินใจไม่ทำร้านอาหาร เพราะตัวเองไม่ถนัดทำอาหารแล้วละก็ วันนี้คงไม่มี บ้านส้มตำ ร้านอาหารอีสานรายได้ถึงปีละเกือบ 400 ล้านบาท โดยที่ไม่มีสาขาในห้างเลยสักสาขา..
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางการแข่งขันของร้านอาหาร ที่นับวันจะดุเดือดมากขึ้นเรื่อย ๆ มีคู่แข่งหน้าใหม่เกิดขึ้นอยู่มากมาย ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งกระเพาะของคนที่มีพื้นที่จำกัด
ถือเป็นบทพิสูจน์ของบ้านส้มตำ ที่ต้องติดตามกันต่อไป..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon