ผู้ก่อตั้ง Kakao ถูกจับคดีปั่นหุ้น จากศึกแย่งหุ้นบริษัท SM

ผู้ก่อตั้ง Kakao ถูกจับคดีปั่นหุ้น จากศึกแย่งหุ้นบริษัท SM

ผู้ก่อตั้ง Kakao ถูกจับคดีปั่นหุ้น จากศึกแย่งหุ้นบริษัท SM /โดย ลงทุนแมน
ล่าสุด ศาลเกาหลีใต้ ได้ออกหมายจับกุม Kim Beom-su ผู้ก่อตั้งบริษัท Kakao และมหาเศรษฐีอันดับ 9 ของเกาหลีใต้
ในข้อหาปั่นหุ้น SM Entertainment เมื่อปี 2023 โดยดันราคาหุ้นให้สูง เพื่อกีดกัน Hybe ไม่ให้เข้ามาซื้อหุ้นแข่ง
เหตุการณ์แย่งหุ้นบริษัท SM ถือเป็นข่าวใหญ่สุดของทั้งวงการบันเทิง และตลาดทุนของเกาหลีใต้ เมื่อปีที่แล้ว
ซึ่งเรื่องนี้เหมือนเป็นศึกแย่งชิงหุ้น อย่างกับในซีรีส์เกาหลีไม่มีผิด แต่มันเกิดขึ้นกับโลกจริง ตัวละครจริง
แล้วเรื่องเป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะย้อนความให้ฟัง
SM ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่เกาหลี ก่อตั้งโดย Lee Soo Man เมื่อ 35 ปีที่แล้ว ซึ่งตอนนี้เขาเกษียณแล้ว แต่ก็ยังเป็นผู้อยู่เบื้องหลังของบริษัท ซึ่งมีอำนาจตัดสินใจในการคัดเลือกศิลปินได้
หลานชายของเขา ชื่อ Lee Sung Soo เลยขึ้นมาเป็น CEO ของบริษัท SM แทน
เรื่องนี้ก็ดูเหมือนจะเป็นการสืบทอดกิจการของตระกูลแบบปกติ จนกระทั่ง Lee Sung Soo หลานชายคนนี้ ได้ประกาศปรับโครงสร้างองค์กร ที่อยู่ใต้ร่มเงาของ Lee Soo Man มาอย่างยาวนาน
โดยต้องการตัดอำนาจของ Lee Soo Man และหาพาร์ตเนอร์ใหม่ ๆ ในการเติบโต ซึ่งหนึ่งในนั้นก็คือ Kakao..
Kakao เป็นบริษัทเทคโนโลยี ที่เริ่มต้นจากการพัฒนาแอปพลิเคชันแช็ต คล้าย LINE บ้านเรา แต่ Kakao ไปไกลกว่านั้น โดยขยายธุรกิจไปทั้งธนาคาร และวงการอื่น ๆ
Kakao ยังเป็นเจ้าของค่ายเพลง EDAM ต้นสังกัดของศิลปิน IU และ Management SOOP ต้นสังกัดของ กงยู, ซูจี และนัมจูฮยอก อีกด้วย
เรียกได้ว่า Kakao ต้องการรุกเข้าสู่ธุรกิจบันเทิง ที่เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของผู้คนเกาหลีใต้
หลังจากวันที่ Lee Sung Soo ประกาศปรับโครงสร้างบริษัทไม่กี่วัน Kakao ก็ออกมาประกาศว่า ได้ครอบครองหุ้นของบริษัท SM มากถึง 9% ของบริษัท SM ซึ่งกลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2 ของบริษัท เป็นรองเพียงคุณลุง Lee Soo Man ผู้ก่อตั้งบริษัท
มาถึงตรงนี้ พูดง่าย ๆ ก็คือ หลานชายชักชวน Kakao เข้ามาครองอำนาจ และคานอำนาจลุงของตนเอง เพื่อเปลี่ยนแปลงองค์กร
เมื่อคุณลุง Lee Soo Man ทราบเรื่อง จึงรีบบินกลับมาที่เกาหลีใต้ และประกาศว่าการเข้ามาซื้อหุ้น SM ที่ Kakao ทำนั้น เป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย และจะดำเนินการด้านกฎหมายต่อบริษัท SM
โดยคุณลุงบอกว่า SM ได้ทำผิดด้วยการเพิ่มหุ้นใหม่ และออกตราสารหนี้แปลงเป็นหุ้น โดยไม่ได้รับการยินยอมจากผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งก็คือคุณลุง Lee Soo Man เอง
และคุณลุง Lee Soo Man รู้ตัวว่าตนเองอาจสู้ยักษ์ใหญ่อย่าง Kakao ไม่ได้แล้ว ก็เลยแก้เกม ด้วยการหายักษ์ใหญ่อีกรายมาสู้แทน ซึ่งยักษ์ใหญ่รายนั้น ชื่อ HYBE..
HYBE เป็นเจ้าของวง BTS และ NewJeans ซึ่งเป็นบริษัทค่ายเพลงที่มีมูลค่ามากที่สุดในเกาหลีใต้
โดยก่อนหน้านี้ HYBE ได้เข้าซื้อ Ithaca Holdings บริษัทที่เป็นผู้จัดการศิลปินระดับโลกอย่าง Justin Bieber และ Ariana Grande ด้วยมูลค่ากว่า 38,000 ล้านบาท
ต้องบอกว่าเกาหลีใต้มี 4 บริษัทค่ายเพลง เรียงตามมูลค่าบริษัทก็คือ
- HYBE มูลค่า 196,100 ล้านบาท
- SM มูลค่า 44,000 ล้านบาท
- JYP มูลค่า 48,700 ล้านบาท
- YG มูลค่า 17,300 ล้านบาท
ถ้าเราเป็น HYBE เราก็คงมอง SM ตาเป็นมัน SM เป็นต้นสังกัดของศิลปิน K-POP ชื่อดังหลายวง เช่น TVXQ, Girls' Generation, EXO, Aespa, NCT และ Red Velvet
ถ้า HYBE ได้ครอบครอง SM ก็เปรียบเสมือนได้ทิ้งห่างอันดับอื่น ๆ และได้ครองตลาดบันเทิงเกาหลีใต้ โดยวัฒนธรรม K-POP มีอิทธิพลต่อโลกมาก ซึ่งก็อาจหมายถึงได้ครอบครองตลาดบันเทิงทั้งโลกด้วย
สำหรับดีลในตอนนั้น HYBE ประกาศซื้อหุ้น 14.8% ของบริษัท SM จากคุณลุง Lee Soo Man ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้ง และเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่สุดของ SM มูลค่า 11,200 ล้านบาท
และ HYBE บอกว่าจะซื้อหุ้นเพิ่มจากผู้ถือหุ้นรายย่อยคนอื่น ๆ เพื่อให้มีหุ้นมากกว่า 14.8% เพื่อแข่งกับ Kakao อีกด้วย
หลังจากดีล จะทำให้คุณลุง Lee Soo Man เหลือหุ้น 3.7% จากเดิมที่เขาถืออยู่ 18.5% ของหุ้นบริษัททั้งหมด ซึ่งคุณลุงก็ต้องยอม เพราะคงได้ตกลงอะไรกันบางอย่างกับ HYBE เกี่ยวกับการรักษาอำนาจของตนเองไว้ในบริษัท SM ที่ตนเองสร้างมากับมือ
ดังนั้น การเข้าซื้อหุ้นดังกล่าว จะทำให้ HYBE ได้กลายมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ในบริษัท SM และจะเป็นองค์กรที่มีอิทธิพลในวงการบันเทิงเกาหลีใต้ แบบมากกว่าเดิมหลายเท่าทันที..
ใครตามไม่ทัน จะสรุปเหตุการณ์อีกครั้ง ดังนี้
1. Lee Sung Soo CEO ของ SM ต้องการตัดอำนาจผู้ถือหุ้นใหญ่ ซึ่งก็คือลุงของตัวเอง
2. Lee Sung Soo จึงหาพาร์ตเนอร์ เป็น Kakao แอปแช็ตใหญ่สุดในประเทศ จน Kakao ได้เข้ามาถือหุ้น 9% กลายเป็นผู้ถือหุ้นอันดับ 2
3. คุณลุง Lee Soo Man ต้องการรักษาอำนาจในบริษัทที่ตัวเองสร้างขึ้นมา จึงขายหุ้นที่ถืออยู่ให้ HYBE เพื่อเป็นการหาพันธมิตร ซึ่ง HYBE ก็ได้มีการเสนอซื้อหุ้นเพิ่มเติมจากนักลงทุนทั่วไปอีก
ทีนี้ ตัดภาพมาที่ปัจจุบัน..
จากศึกแย่งชิงหุ้น SM ที่เวลาผ่านไปนานนับปี
ซึ่งสุดท้าย ผู้ชนะกลับเป็น Kakao ที่สามารถครองหุ้น SM ได้มากที่สุด ในส่วนมากกว่า 40% กลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 ไป
ในขณะที่ HYBE ก็เริ่มปล่อยมือ ด้วยการขายหุ้น SM ออกไป
จนตอนนี้ เหลือถือหุ้น SM ในสัดส่วน 9% เท่านั้น
อย่างไรก็ตาม แม้ดูเหมือนว่า Kakao จะได้ SM ไปครอบครองแล้ว
แต่จริง ๆ แล้ว เกมนี้อาจจะยังไม่จบ..
เพราะจู่ ๆ คุณ Kim Beom-su ผู้ก่อตั้งบริษัท Kakao มหาเศรษฐีอันดับ 9 ของเกาหลีใต้ ด้วยมูลค่าทรัพย์สิน 119,500 ล้านบาท
โดนศาลกรุงโซล ออกหมายจับ ในข้อหาปั่นหุ้น SM
เพราะตอนเข้าซื้อหุ้น Kakao ใช้การบิดราคาสูง ๆ ซื้อหุ้น SM เพื่อกีดกัน HYBE
และที่ต้องออกหมายจับ เพราะว่ากลัวหลักฐานการสืบสวนอาจถูกทำลาย และคุณ Kim Beom-su อาจหลบหนีได้
ซึ่งก่อนหน้านี้ คุณ Bae Jae-hyun ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Kakao ก็โดนข้อหาเดียวกัน เมื่อปีที่แล้ว
และวันนี้ จากข่าวที่ผู้ก่อตั้งถูกจับกุม ราคาหุ้น Kakao ก็ร่วงลง -5% ทันที
ก็น่าตามต่อว่า
อิทธิพลของ Kakao ต่อ SM จะเป็นอย่างไรต่อไป
แล้วศาลจะตัดสินให้คุณ Kim Beom-su มีความผิดจริงหรือไม่
และถ้าผิดจริง จะโดนลงโทษอย่างไร
เพราะคดีนี้ ถือว่าเป็นอีกคดี ที่สาธารณชนเกาหลีใต้ จับตาอยู่ไม่น้อย เนื่องจากเป็นรอบหลายปี ที่มหาเศรษฐี จะถูกจับกุมและดำเนินคดี..
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon