ย้อนรอย Alibaba เหตุการณ์ที่ทำให้หุ้นร่วงหนัก และตอนนี้ยังไม่ฟื้น..

ย้อนรอย Alibaba เหตุการณ์ที่ทำให้หุ้นร่วงหนัก และตอนนี้ยังไม่ฟื้น..

ย้อนรอย Alibaba เหตุการณ์ที่ทำให้หุ้นร่วงหนัก และตอนนี้ยังไม่ฟื้น.. /โดย ลงทุนแมน
ย้อนกลับไป 1 ปี มีหุ้นจีนหลายตัวที่ค่อย ๆ ฟื้นกลับมาได้ และมีมูลค่าเพิ่มขึ้น หลังจากที่ซึมมานาน
มาวันนี้
- Tencent เจ้าของ WeChat และเกม League of Legends มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมา 7%
- Xiaomi แบรนด์สมาร์ตโฟน และผู้ผลิตเครื่องกรองอากาศ ที่เรารู้จักกัน ก็มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมา 157%
- Pinduoduo แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ ที่มีจุดเด่นคือ การซื้อแบบกลุ่มทำให้ราคาสินค้าถูก มีมูลค่าบริษัทเพิ่มขึ้นมา 124%
แต่ถ้าตัดภาพมาที่ตัว Alibaba กลับเป็นหนังคนละม้วน เพราะผ่านมา 1 ปี มูลค่าบริษัทนอกจากไม่ฟื้นแล้ว ยังกลับลดลง 5%
ทำไม Alibaba ถึงยังไม่ฟื้น และยังทิ้งท้ายเพื่อนอยู่ ?
เราลองมาย้อนรอยดูเหตุการณ์ ที่ทำให้ราคาหุ้น Alibaba ตกต่ำ ซึ่งก็ยังคงส่งผลต่อตัวธุรกิจ มาถึงตอนนี้..
1. การควบคุมกำกับ จากภาครัฐของจีน
เมื่อ 4 ปีที่แล้ว Alibaba ต้องจ่ายค่าปรับเป็นมูลค่า 102,450 ล้านบาท ให้กับคณะกรรมการกำกับดูแลการแข่งขันการค้าของจีน จากการละเมิดกฎหมายต่อต้านการผูกขาด
ซึ่งสาเหตุของเรื่องนี้ ก็มาจากการที่ Alibaba ห้ามไม่ให้ร้านค้าที่ขายสินค้าอยู่บนแพลตฟอร์มของตัวเอง ไปขายในแพลตฟอร์มอื่น
นอกจากนั้น ยังต้องเจอกับปัญหาอื่น ๆ อย่างเช่น การละเมิดกฎระเบียบเรื่องการควบคุมการเก็บข้อมูลผู้บริโภค การตรวจสอบเนื้อหาบนแพลตฟอร์ม และการกดดันห้ามบริษัทเทคโนโลยีในจีน เข้า IPO ในตลาดหุ้นต่างประเทศ
2. การแข่งขันที่รุนแรง
Alibaba ต้องเจอกับคู่แข่งอย่าง Pinduoduo แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซที่เน้นขายสินค้าราคาถูก จากโมเดลธุรกิจการซื้อแบบกลุ่มทีละมาก ๆ
โดย Pinduoduo กำลังเติบโตอย่างมาก จนมีส่วนแบ่งตลาดเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ จาก 5% เป็น 19% ในเวลาแค่ 4 ปี
ไปจนถึงคู่แข่งรายอื่น อย่างเช่น JD.com ที่กำลังเติบโต ทั้งในช่องทางออนไลน์และออฟไลน์ แถมยังมีธุรกิจโลจิสติกส์ของตัวเองที่แข็งแกร่ง
3. ความตึงเครียดระหว่างสหรัฐฯ-จีน
เรื่องนี้ก็ยืดเยื้อมาหลายปี เกิดการโต้ตอบกันไปมา ซึ่งส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจและธุรกิจ ของทั้ง 2 ประเทศ
ปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ ก็ได้เล็งขึ้นบัญชีดำ Alibaba Cloud โดยอ้างถึงความกังวลด้านความมั่นคงทางไซเบอร์และข้อมูล

ซึ่งหากถูกขึ้นบัญชีดำ ก็จะถูกจำกัดการเข้าถึงเทคโนโลยีของสหรัฐฯ และการดำเนินธุรกิจในสหรัฐฯ
โดยธุรกิจ Cloud นั้นเรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในธุรกิจหลักของ Alibaba และมีสัดส่วนรายได้ถึง 11% ของรายได้ทั้งหมด
ส่วนอีกเรื่องก็คือ ประเด็นเกี่ยวกับการถูกกดดัน ให้ถอดถอนหุ้น Alibaba ออกจากตลาดหุ้นนิวยอร์ก
จากการที่ทางการจีน ไม่ยอมให้หน่วยงาน ก.ล.ต. ของสหรัฐฯ เข้าตรวจสอบบัญชี จนกลายเป็นประเด็นถกเถียงกันในช่วงไม่กี่ปีก่อน
ซึ่งเรื่องทั้งหมด ก็ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของ Alibaba โดยรวม และราคาหุ้น..
4. ปัญหาการบริหาร
ในปี 2020 แจ็ก หม่า หนึ่งในผู้ก่อตั้งบริษัท เริ่มมีปัญหาความสัมพันธ์กับรัฐบาลจีน หลังออกมาวิจารณ์เกี่ยวกับกฎเกณฑ์ข้อบังคับ
กลายเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้รัฐบาลจีน เพิ่มความเข้มงวดกับ Alibaba และตามมาด้วยการกีดกันการ IPO ของ Ant Financial เจ้าของแพลตฟอร์มชำระเงินบนโทรศัพท์มือถือ ที่มีจำนวนผู้ใช้งานมากที่สุดในโลกอย่าง Alipay
หลังจากนั้น แจ็ก หม่า ก็ไม่ปรากฏตัวสู่สาธารณะ อยู่นานนับปี..
อ่านมาถึงตรงนี้ ก็สรุปได้ว่า Alibaba เป็นบริษัทที่มีความเสี่ยงจากทางรัฐ เพราะโดนเพ่งเล็งจากทั้งรัฐบาลจีน และสหรัฐอเมริกา
อีกทั้งยังต้องเจอกับคู่แข่ง เสือ สิงห์ กระทิง แรด ที่เติบโตขึ้นเรื่อย ๆ อีกด้วย
ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า Alibaba จะแก้เกมการเมือง และการแข่งขันนี้อย่างไร
และจะสามารถพาบริษัท กลับเข้าสู่ยุครุ่งโรจน์อีกครั้ง จนราคาหุ้นพลิกฟื้น ได้หรือไม่..

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon