สรุปเหตุการณ์ บริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุด ของอเมริกา มูลค่าหายไปกว่า -60%
สรุปเหตุการณ์ บริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุด ของอเมริกา มูลค่าหายไปกว่า -60% /โดย ลงทุนแมน
ครีม La Mer, น้ำหอม Jo Malone, ลิปสติก M∙A∙C และแชมพู Aveda มีเจ้าของเดียวกันคือ Estée Lauder บริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกา
ครีม La Mer, น้ำหอม Jo Malone, ลิปสติก M∙A∙C และแชมพู Aveda มีเจ้าของเดียวกันคือ Estée Lauder บริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุดของสหรัฐอเมริกา
รู้หรือไม่ว่า ในปี 2022 Estée Lauder เคยมีมูลค่าบริษัทอยู่ที่ 4.9 ล้านล้านบาท
แต่มาวันนี้ มูลค่าบริษัทกลับเหลือเพียง 1.8 ล้านล้านบาท หรือหายไป -63% ในเวลาเพียง 2 ปี
เกิดอะไรขึ้นกับ บริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุดของสหรัฐฯ ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Estée Lauder คือในปี 1946 หรือเมื่อ 78 ปีที่แล้ว โดยคุณ Estée Lauder และสามีของเธอ
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
จุดเริ่มต้นของ Estée Lauder คือในปี 1946 หรือเมื่อ 78 ปีที่แล้ว โดยคุณ Estée Lauder และสามีของเธอ
คุณ Lauder นำสกินแคร์ง่าย ๆ ไปขายในร้านทำผม และต่อมาได้มีโอกาสไปวางขายที่ห้างหรูในนิวยอร์ก เลยเป็นที่รู้จักมากขึ้นในวงการ Luxury
ในปี 1958 ลูกชายของคุณ Lauder เริ่มเข้ามามีบทบาทในบริษัท และพัฒนาสินค้าใหม่ ๆ ให้กับแบรนด์
หนึ่งในนั้นคือ Estée Lauder Advanced Night Repair ที่กลายมาเป็นเซรั่มบำรุงผิวหน้าในตำนาน ที่ยังโด่งดังมาถึงทุกวันนี้
นอกจากสินค้าใหม่ ๆ แล้ว ยังมีการแตกแบรนด์ใหม่ ๆ ทั้งแบรนด์น้ำหอมผู้ชาย Aramis รวมถึง แบรนด์สกินแคร์อย่าง Clinique และ Origins
หลังจากนั้น Estée Lauder ก็เติบโตอย่างรวดเร็ว และจดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก ในปี 1995
ซึ่งเป็นปีที่คุณ Lauder ประกาศวางมือ และส่งไม้ต่อให้กับลูกชายอย่างเป็นทางการ
หลังจากนั้น Estée Lauder ก็ขยายกิจการอย่างต่อเนื่อง โดยเน้นการเข้าซื้อกิจการและแบรนด์อื่น ๆ ในตลาด ที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้ว
นั่นทำให้ Estée Lauder มีสินค้าที่มีราคาหลายระดับ ครอบคลุมกลุ่มลูกค้าหลายกลุ่ม
ตัวอย่างเช่น
ตัวอย่างเช่น
- La Mer แบรนด์สกินแคร์ ที่ขายครีมกระปุกละหมื่น
- M∙A∙C แบรนด์เครื่องสำอาง ขายลิปสติกราคาหลักพัน
- Le Labo น้ำหอม Niche แบรนด์ จากฝรั่งเศส
- TOM FORD แบรนด์เครื่องสำอางและน้ำหอมไฮเอนด์
- The Ordinary แบรนด์สกินแคร์อังกฤษ ราคาหลักร้อย
- M∙A∙C แบรนด์เครื่องสำอาง ขายลิปสติกราคาหลักพัน
- Le Labo น้ำหอม Niche แบรนด์ จากฝรั่งเศส
- TOM FORD แบรนด์เครื่องสำอางและน้ำหอมไฮเอนด์
- The Ordinary แบรนด์สกินแคร์อังกฤษ ราคาหลักร้อย
ตอนนี้ Estée Lauder มีกว่า 20 แบรนด์ในเครือ และกลายเป็นบริษัทเครื่องสำอางใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกา หรือถ้าระดับโลก ก็เป็นรองเพียงแค่ L'Oréal เท่านั้น
ตั้งแต่ปี 2015 ถึงปี 2019 บริษัทมีผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่อง
- รายได้เติบโตเฉลี่ย 8.4%
- กำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 13.2%
- กำไรเติบโตเฉลี่ยปีละ 13.2%
โดยในปี 2019 บริษัทมีรายได้ 540,000 ล้านบาท
และมีกำไรมากถึง 64,800 ล้านบาท
และมีกำไรมากถึง 64,800 ล้านบาท
พร้อมกับผลักดันให้มูลค่าของบริษัท Estée Lauder ได้ขึ้นไปทำจุดสูงสุดที่ 4.9 ล้านล้านบาท
แต่เรื่องราวที่กำลังไปได้สวยนี้ ก็ถึงจุดพลิกผัน..
เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทหายไปถึง -63%
จาก 4.9 ล้านล้านบาท เหลือเพียง 1.8 ล้านล้านบาท
เพราะในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา มูลค่าบริษัทหายไปถึง -63%
จาก 4.9 ล้านล้านบาท เหลือเพียง 1.8 ล้านล้านบาท
แล้วมันเกิดอะไรขึ้น ?
เรามาเริ่มจาก ดูผลประกอบการในช่วงที่ผ่านมาของ Estée Lauder กันต่อ
(ปีการเงินของบริษัท เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม สิ้นสุดวันที่ 31 มิถุนายน)
(ปีการเงินของบริษัท เริ่มวันที่ 1 กรกฎาคม สิ้นสุดวันที่ 31 มิถุนายน)
ปี 2021
รายได้ 587,600 ล้านบาท กำไร 104,000 ล้านบาท
รายได้ 587,600 ล้านบาท กำไร 104,000 ล้านบาท
ปี 2022
รายได้ 642,800 ล้านบาท กำไร 86,600 ล้านบาท
รายได้ 642,800 ล้านบาท กำไร 86,600 ล้านบาท
ปี 2023
รายได้ 576,600 ล้านบาท กำไร 36,500 ล้านบาท
รายได้ 576,600 ล้านบาท กำไร 36,500 ล้านบาท
9 เดือนแรก ปี 2024
รายได้ 425,300 ล้านบาท กำไร 24,400 ล้านบาท
รายได้ 425,300 ล้านบาท กำไร 24,400 ล้านบาท
จะเห็นว่ารายได้และกำไรของบริษัทไม่สม่ำเสมอ
โดยเหตุผลหลัก ๆ ที่บริษัทให้ไว้ก็คือ ผลกระทบต่อเนื่องมาตั้งแต่การล็อกดาวน์ ช่วงปี 2020
ที่ทำให้ยอดขายในจีนแผ่นดินใหญ่ รวมไปถึงร้านค้าดิวตี้ฟรีในภูมิภาคเอเชีย ฟื้นตัวช้า แม้ยอดขายในภูมิภาคอื่น ๆ จะเริ่มกลับมาแล้วก็ตาม
ต้องบอกก่อนว่า สินค้าของ Estée Lauder ที่เป็นที่นิยมในหมู่คนจีน จะเป็นกลุ่มราคาไฮเอนด์
ซึ่งก็เป็นไปได้ว่า สินค้ากลุ่มนี้อาจได้รับผลกระทบจากเศรษฐกิจ ทำให้คนหันไปซื้อสินค้ากลุ่มราคาถูกกว่า
แต่ถ้าเราลองมาดูข้อมูลอีกด้าน
อย่างส่วนแบ่งการตลาด เครื่องสำอางกลุ่มไฮเอนด์ รวมถึงสกินแคร์ ในประเทศจีน เทียบกับเครื่องสำอางประเภทอื่น ๆ
จะเห็นว่ามีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
อย่างส่วนแบ่งการตลาด เครื่องสำอางกลุ่มไฮเอนด์ รวมถึงสกินแคร์ ในประเทศจีน เทียบกับเครื่องสำอางประเภทอื่น ๆ
จะเห็นว่ามีสัดส่วนเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
- ปี 2017 สัดส่วน 22%
- ปี 2022 สัดส่วน 36%
- ปี 2022 สัดส่วน 36%
เราจึงพอสรุปออกมาได้ว่า ตลาดเครื่องสำอางไฮเอนด์ในจีน ยังคงมีการเติบโต
ทีนี้ถ้าเจาะลึกลงไปอีกใน 36% นี้ เพื่อดูส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละแบรนด์ จะพบว่า
อันดับ 1 YSL Beauté สัดส่วน 5.7%
อันดับ 2 Dior สัดส่วน 5.6%
อันดับ 3 Lancôme สัดส่วน 3.6%
อันดับ 4 Armani สัดส่วน 3.3%
อันดับ 5 CHANEL สัดส่วน 2.8%
อันดับ 6 Estée Lauder สัดส่วน 2.6%
อันดับ 2 Dior สัดส่วน 5.6%
อันดับ 3 Lancôme สัดส่วน 3.6%
อันดับ 4 Armani สัดส่วน 3.3%
อันดับ 5 CHANEL สัดส่วน 2.8%
อันดับ 6 Estée Lauder สัดส่วน 2.6%
สะท้อนให้เห็นว่า ในตลาดนี้มีการแข่งขันที่สูงมาก ซึ่งดูได้จากส่วนแบ่งการตลาดของแต่ละแบรนด์ ที่ไม่มีแบรนด์ไหนนำห่าง จนเป็นเจ้าตลาดอย่างเบ็ดเสร็จ
แน่นอนว่า Estée Lauder ในจีน ก็ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่รุนแรงนี้อย่างแน่นอน
นอกจากการแข่งขันที่รุนแรงในแบรนด์ระดับเดียวกันแล้ว ก็ยังมีการเกิดขึ้นของแบรนด์ใหม่ ๆ โดยเฉพาะแบรนด์ของเซเลบริตี
เช่น Fenty Beauty ของ Rihanna ที่ปัจจุบัน LVMH ถือหุ้นอยู่ครึ่งหนึ่ง
หรือ Rare Beauty ของ Selena Gomez
หรือ Rare Beauty ของ Selena Gomez
โดยแบรนด์ของเซเลบริตีเหล่านี้ มักจะออกสินค้าใหม่ ๆ ในเรนจ์ราคาใกล้เคียงมาแข่ง ซึ่งตัวผู้บริโภค ก็มักอยากลองของใหม่ ๆ และมีการรีวิวบอกต่อกันในโลกออนไลน์
ต่างจากแบรนด์ในเครือ Estée Lauder มักจะเน้นการปรับสูตร หรือพัฒนาสินค้าเดิมที่ขายดีตลอดกาลอยู่แล้ว มากกว่าออกของใหม่ ๆ ทำให้อาจจะไม่มีสินค้าใหม่ที่เป็นที่พูดถึงมากนัก
ด้วยความท้าทายต่าง ๆ ทำให้ Estée Lauder ประกาศปรับโครงสร้างของบริษัท โดยตั้งเป้าลดต้นทุนบริษัทให้ได้ 18,200-25,400 ล้านบาทต่อปี
ซึ่งเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา บริษัทก็ได้ทำการประกาศเลิกจ้างพนักงานถึง 3,000 ตำแหน่ง ไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า การลดต้นทุนในครั้งนี้ จะช่วยให้การทำกำไร ดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน
แล้วบริษัทจะแก้เกมการแข่งขันในจีน รวมถึงในประเทศอื่น ๆ ได้หรือไม่
แล้วบริษัทจะแก้เกมการแข่งขันในจีน รวมถึงในประเทศอื่น ๆ ได้หรือไม่
แต่ที่รู้แน่ ๆ ในตอนนี้คือ มูลค่าของบริษัทเครื่องสำอาง ใหญ่สุดในสหรัฐอเมริกา ได้หายไปแล้ว -63%
หรือตีเป็นตัวเลขมูลค่าบริษัทที่หายไปถึง 3 ล้านล้านบาท..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://finance.yahoo.com/quote/EL/financials
-https://companiesmarketcap.com/estee-lauder/marketcap/
-https://www.elcompanies.com/en/investors/earnings-and-financials/annual-reports
-https://www.dailymail.co.uk/yourmoney/consumer/article-13048467/estee-lauder-cuts-jobs.html
-https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2024/02/19/Where-did-it-all-go-wrong-for-MAC-Cosmetics
-https://www.loreal-finance.com/en/annual-report-2023
-บทวิเคราะห์อุตสาหกรรมความงามของ BOCI Securities
หรือตีเป็นตัวเลขมูลค่าบริษัทที่หายไปถึง 3 ล้านล้านบาท..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://finance.yahoo.com/quote/EL/financials
-https://companiesmarketcap.com/estee-lauder/marketcap/
-https://www.elcompanies.com/en/investors/earnings-and-financials/annual-reports
-https://www.dailymail.co.uk/yourmoney/consumer/article-13048467/estee-lauder-cuts-jobs.html
-https://www.cosmeticsdesign-europe.com/Article/2024/02/19/Where-did-it-all-go-wrong-for-MAC-Cosmetics
-https://www.loreal-finance.com/en/annual-report-2023
-บทวิเคราะห์อุตสาหกรรมความงามของ BOCI Securities