ตลาดหุ้นฮ่องกง +3% หุ้นจีน บวกยกแผง
วันนี้ตลาดหุ้นจีน ได้ปรับตัวขึ้น โดยดัชนี Hang Seng +488 จุด (+3.0%)
ดัชนี Shanghai +50 จุด (+1.7%)
ดัชนี Shenzhen +155 จุด (+1.8%)
ดัชนี Shanghai +50 จุด (+1.7%)
ดัชนี Shenzhen +155 จุด (+1.8%)
ซึ่งดัชนี Hang Seng บวกมาแล้ว +9% ในช่วงเวลา 1 เดือนที่ผ่านมา
ในส่วนของหุ้นรายตัว วันนี้ได้ปรับตัวขึ้นยกแผง
JD +4.9%
Alibaba +2.6%
Ping An +3.1%
Meituan +7.1%
Xiaomi +5.1%
BYD +3.1%
Baidu +3.7%
CATL + 1.8%
Tencent +3.2%
Kweichow Moutai +2.3%
JD +4.9%
Alibaba +2.6%
Ping An +3.1%
Meituan +7.1%
Xiaomi +5.1%
BYD +3.1%
Baidu +3.7%
CATL + 1.8%
Tencent +3.2%
Kweichow Moutai +2.3%
การปรับตัวขึ้นของตลาดหุ้นจีน เป็นผลจากปัจจัยบวก ที่ทางการจีน พยายามออกมาตรการต่าง ๆ มากระตุ้นเศรษฐกิจ รวมถึงฟื้นฟูตลาดหุ้น ที่กำลังตกต่ำในช่วงที่ผ่านมา
ไม่ว่าจะเป็น การออกแพ็จเกจพิเศษ ด้วยงบประมาณกว่า 2 ล้านล้านหยวน หรือ 10 ล้านล้านบาท เพื่อช้อนซื้อหุ้นในตลาดหุ้นจีน เรียกความเชื่อมั่นคืนจากนักลงทุน
คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์จีน สนับสนุนให้นักลงทุนสถาบัน เช่น กองทุนรวม, กองทุนบำเหน็จบำนาญของรัฐ และบริษัทประกันภัย เข้าลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น
หรือเมื่อวานนี้ ที่ธนาคารกลางจีน (PBOC) ได้เซอร์ไพรส์ตลาด ด้วยการลดดอกเบี้ยเงินกู้บ้าน
ผ่านการหั่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ชนิดอายุ 5 ปี ลง 0.25%
ผ่านการหั่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้าชั้นดี (LPR) ชนิดอายุ 5 ปี ลง 0.25%
จาก 4.20% เหลือ 3.95% ในเดือนกุมภาพันธ์ ซึ่งเป็นการปรับลดที่มากสุดเป็นประวัติการณ์
เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรงจากวิกฤติอสังหาริมทรัพย์ของจีน
ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะช่วยลดภาระให้กับภาคครัวเรือน, กระตุ้นการซื้อบ้าน
พร้อมกับช่วยพยุงธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาฯ ในจีน ที่กำลังร่อแร่..
ซึ่งการปรับลดอัตราดอกเบี้ย จะช่วยลดภาระให้กับภาคครัวเรือน, กระตุ้นการซื้อบ้าน
พร้อมกับช่วยพยุงธุรกิจของผู้พัฒนาอสังหาฯ ในจีน ที่กำลังร่อแร่..
ทั้งนี้ LPR ทำหน้าที่เป็นอัตราดอกเบี้ยอ้างอิงสำหรับธนาคารพาณิชย์ ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยสำหรับสินเชื่อใหม่ ที่ออกให้กับลูกค้า
โดย LPR อายุ 5 ปี จะใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองอสังหาฯ
โดย LPR อายุ 5 ปี จะใช้ในการกำหนดอัตราดอกเบี้ยระยะยาว เช่น อัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนองอสังหาฯ
ด้วยมาตรการต่าง ๆ ที่ออกมาฟื้นฟูเศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีน
ก็ส่งผลให้นักลงทุนบางคน มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนมากขึ้น
ก็ส่งผลให้นักลงทุนบางคน มีมุมมองเชิงบวกต่อหุ้นจีนมากขึ้น
โดยเฉพาะบริษัทเทคโนโลยี ที่ธุรกิจมีศักยภาพ แต่กำลังถูกซื้อขายในราคาที่ถูก เมื่อเทียบกับขนาดธุรกิจ
อย่างในช่วงผ่านมา ก็มีผู้จัดการกองทุน และกองทุนเฮดจ์ฟันด์ หลายเจ้า เช่น Renaissance Technologies, Saba Capital, Point72 ที่ได้เพิ่มการลงทุนในหุ้นจีน
รวมไปถึง Michael Burry นักลงทุนที่โด่งดังจากภาพยนตร์เรื่อง “Big Short”
ก็เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น Alibaba และ JD ผู้นำด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน จน 2 ตัวนี้เป็นหุ้นที่มีสัดส่วนมากที่สุดของพอร์ตไปเรียบร้อยแล้ว..
ก็เพิ่มสัดส่วนการลงทุนในหุ้น Alibaba และ JD ผู้นำด้านแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของจีน จน 2 ตัวนี้เป็นหุ้นที่มีสัดส่วนมากที่สุดของพอร์ตไปเรียบร้อยแล้ว..
ซึ่งก็น่าคิดว่า การลงทุนของ Michael Burry ในครั้งนี้ จะเป็นการมองเห็น “โอกาส” ใน “วิกฤติ”
เหมือนตอนวิกฤติซับไพรม์ ที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมหาศาล หรือไม่..
เหมือนตอนวิกฤติซับไพรม์ ที่ทำให้เขาร่ำรวยขึ้นมหาศาล หรือไม่..