ฉายภาพการท่องเที่ยวไทย ปี 2024 ในมุมมองคุณวิลเลียม ประธานไมเนอร์ฯ

ฉายภาพการท่องเที่ยวไทย ปี 2024 ในมุมมองคุณวิลเลียม ประธานไมเนอร์ฯ

ฉายภาพการท่องเที่ยวไทย ปี 2024 ในมุมมองคุณวิลเลียม ประธานไมเนอร์ฯ /โดย ลงทุนแมน
ภาคการท่องเที่ยว ถือเป็นเครื่องยนต์สำคัญ ที่คอยขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมาโดยตลอด
วันไหนการท่องเที่ยวสดใส นักท่องเที่ยวมา เศรษฐกิจไทย ก็มีแนวโน้มเติบโต
แต่ถ้าเป็นตรงกันข้าม เศรษฐกิจไทย ก็อาจสะดุดลง
ปีที่ผ่านมา เราเห็นการท่องเที่ยวของไทย ฟื้นตัวแล้ว แต่ก็ยังไม่กลับมาแบบ 100%
คำถามคือ ปีนี้ ภาพของการท่องเที่ยว จะเป็นอย่างไร ดีขึ้น หรือ แย่ลง ?
ซึ่งคุณวิลเลียม เอ็ลล์วู๊ด ไฮเน็ค
ประธานกรรมการบริษัท ไมเนอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ MINT
จะมาฉายภาพการท่องเที่ยว ของปีนี้
รวมถึงข้อเสนอแนะต่อภาครัฐ ในประเด็นต่าง ๆ
เพื่อให้ภาคการท่องเที่ยวไทย สามารถเติบโตต่อไปได้
แล้วมุมมองของคุณวิลเลียม ต่อการท่องเที่ยวไทย เป็นแบบไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ก่อนอื่นต้องมองกระจกหลัง ย้อนกลับไปดูสถานการณ์ของปีที่แล้ว
ภาคการท่องเที่ยวไทยนั้น ฟื้นตัวตามภาวะเศรษฐกิจ
และส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากการสนับสนุนของภาครัฐ​
ที่ออกมาตรการหลายอย่าง มาสนับสนุนการท่องเที่ยว
เช่น ฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวจีน, ขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานบันเทิง,
ปรับปรุงให้มีไฟลต์สายการบินมากขึ้น จำนวนเที่ยวบินเพิ่มขึ้น
เรื่องนี้สะท้อนมาสู่ผลประกอบการของ MINT
ที่ฟื้นตัวอย่างเห็นได้ชัด ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร
ผลประกอบการ 9 เดือนแรก ปี 2023
มีรายได้ ​113,617 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27%
กำไร 4,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 86%
ซึ่งการเติบโตของกลุ่มธุรกิจโรงแรม ทั้งในยุโรป รวมถึงไทย
เป็นผลจากความต้องการในการเดินทางที่เพิ่มขึ้น และราคาห้องพักที่สูงขึ้น
โดยในเดือนธันวาคม ปี 2023 โรงแรมของ MINT ในไทย มีอัตราการเข้าพัก 75%
และค่าห้องเฉลี่ย (Average Daily Rate) เพิ่มขึ้นกว่า 10% จากเดือนเดียวกันของปีก่อน
ในขณะที่กลุ่มธุรกิจอาหาร โดยเฉพาะในไทย
เติบโตจากการฟื้นตัวของการรับประทานอาหารภายในร้าน
สำหรับภาพการท่องเที่ยวของไทย ในปีนี้
คุณวิลเลียมมองว่า ผลกระทบเชิงบวกที่เกิดขึ้น จะต่อเนื่องไปในปี 2024 ด้วย
และมั่นใจต่อภาคการท่องเที่ยว ทั้งธุรกิจโรงแรมและร้านอาหาร ว่ามีแนวโน้มที่สดใส
จากข้อมูลปริมาณการจองห้องพักของโรงแรมในไทย ช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ ของปีนี้
ปรากฏว่า สูงกว่าจากช่วงเดียวกันของปีก่อน ถึง 20-30%
แถมด้วยอานิสงส์จากมาตรการฟรีวีซ่าไทย-จีน ที่ภาครัฐออกไป
ยิ่งน่าจะนำนักท่องเที่ยวจีน เข้าประเทศเพิ่มขึ้น
แม้ตอนนี้จีนกำลังเผชิญความท้าทายด้านเศรษฐกิจ
แต่คุณวิลเลียม ก็เชื่อว่า นักท่องเที่ยวจีน จะต้องกลับมาแน่ ๆ
ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวของไทยฟื้นตัวดีขึ้น
อย่างช่วงต้นปีนี้ นักท่องเที่ยวจีน ขึ้นมาเป็นอันดับ 1 แล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดี
ต่างจากภาพปีก่อน ที่จะเป็นนักท่องเที่ยวชาวมาเลเซีย
และจำนวนห้องพัก ที่นักท่องเที่ยวจีนได้จองไว้ ก็พุ่งไปเกือบเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว
ส่วนทาง MINT เอง ในปีที่ผ่านมา ก็สามารถยืนระยะได้ แม้นักท่องเที่ยวจีนจะยังไม่กลับมา
และถ้านักท่องเที่ยวจีนมา ก็น่าจะเสริมรายได้ของธุรกิจให้เติบโตขึ้นได้อีก
โดยทางภาครัฐ เคยตั้งเป้านักท่องเที่ยวปีนี้ไว้ที่ราว ๆ 33-35 ล้านคน
คุณวิลเลียมมั่นใจว่า จำนวนนักท่องเที่ยวเกินแน่นอน ซึ่งเป็นผลพวงมาจากนักท่องเที่ยวจีน
แต่ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์โลกด้วย ถ้าไม่เกิดเหตุการณ์รุนแรงที่ไม่คาดคิด
อย่างไรก็ตาม มองว่าไทยเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่มีศักยภาพ
เป็นจุดหมายอันดับต้น ๆ ของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ทั้งกรุงเทพฯ, เชียงใหม่, ภูเก็ต, สมุย
เพราะมีเสน่ห์หลายอย่าง ทั้งธรรมชาติ, วัฒนธรรม, อาหาร, เรื่องของ Medical Tourism และอิเวนต์ต่าง ๆ เป็นต้น
อย่างตอนสงครามรัสเซีย-ยูเครน
นักท่องเที่ยวของ 2 ประเทศนี้ ก็มาเมืองไทยกัน เพราะอยากเที่ยวในประเทศที่ปลอดภัย
แต่ที่น่าสนใจคือ คุณวิลเลียมบอกว่า จริง ๆ แล้ว
ภาพการท่องเที่ยวของไทย กำลังเปลี่ยนไป..
โดยเปลี่ยนจาก Mass Tourism มาเป็น Quality Tourism มากขึ้น
เวลาดูผลประกอบการของธุรกิจท่องเที่ยว
ต้องไม่ดูแค่เชิงปริมาณเท่านั้น เช่น จำนวนนักท่องเที่ยว
แต่ต้องมองเชิงคุณภาพ ของนักท่องเที่ยวที่เข้ามาด้วย
อย่างด้านกำลังซื้อ, การจับจ่ายใช้สอย (Spending) ต่อหัวที่สูง หรือที่เรียกว่า High-Quality Tourist
เห็นได้จากปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเริ่มมี Quality ของนักท่องเที่ยวที่ดีขึ้น
เพราะการท่องเที่ยวมีต้นทุนสูง ทั้งค่าตั๋วเครื่องบิน-ค่าที่พัก ที่สูงขึ้น
ดังนั้นคนที่มาท่องเที่ยวได้ จะค่อนข้างมีกำลังซื้อ
เพราะฉะนั้น ถึงแม้ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2023 ยังต่ำกว่าช่วงก่อนโควิด หรือปี 2019
แต่การใช้จ่ายต่อหัวของพวกเขา กลับเยอะขึ้นมาก
อย่าง MINT ก็ได้รับอานิสงส์จากเรื่องนี้
โดยรายได้เฉลี่ยต่อห้อง ช่วงไตรมาส 4 ที่ผ่านมา
เติบโตแบบ Double-Digit และมากกว่าปี 2019 แล้ว
ส่วนธุรกิจสายการบินเองก็เช่นกัน
แม้มีจำนวนผู้โดยสารน้อยลง แต่การใช้จ่ายของผู้โดยสารนั้นมากขึ้น
ซึ่งในปี 2024 เทรนด์การท่องเที่ยวไทย จึงจะมาทาง Quality Tourism มากกว่า
เราจะเห็นภาพ การใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวต่อคน (Spending/Tourist) สูงขึ้น
และถึงแม้ปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยว อาจไม่มากเหมือนเดิม
ก็อาจไม่น่ากังวลมากเท่าไร เพราะควรไปโฟกัสกับ Spending/Tourist มากกว่า
นอกจากนักท่องเที่ยวจีนแล้ว
คุณวิลเลียม ยังเห็นว่า อีกกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มีศักยภาพสูง ก็คือ “อินเดีย”
ที่ตอนนี้ เวลาพวกเขามาเที่ยวไทย เริ่มใช้จ่ายมากขึ้น ซึ่งต่างจากภาพสมัยก่อน
หรืออย่างการมาจัดงานอิเวนต์ เช่น งานแต่งงาน ก็จ่ายไม่อั้น
และเรื่องสุดท้าย ที่คุณวิลเลียมต้องการจะสื่อสาร
ก็คือข้อเสนอแนะต่อทางภาครัฐ ในเรื่องต่าง ๆ
เพื่อเรียกร้องให้กระตุ้นภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศ อย่างต่อเนื่อง
ซึ่งคุณวิลเลียมยอมรับว่า ที่ผ่านมาภาครัฐได้ออกมาตรการหลายอย่าง
ที่ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น

- การฟรีวีซ่าไทย-จีน รวมถึงเปิดรับนักท่องเที่ยวจากกว่า 60 ประเทศ​ โดยที่ไม่ต้องมีวีซ่า
- การขยายเวลาเปิดให้บริการของสถานบันเทิง
- การลด-เลิกภาษีไวน์และสุรา
- การสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนต่างชาติ เพื่อดึงดูดให้เข้ามาลงทุนในไทย
แต่ก็ยังมีอีกหลายอย่าง ที่ไทยสามารถทำเพิ่มเติมได้ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
ซึ่งจะเป็นหนึ่งในแรงขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย ให้เติบโตขึ้นในปี 2024
โดยคุณวิลเลียม มีข้อเสนอหลัก ๆ ต่อรัฐบาลไทย ในการกระตุ้นการท่องเที่ยว คือ
1) การส่งเสริมด้าน Soft Power อย่างต่อเนื่อง
ทั้งการถ่ายทำภาพยนตร์ โดยใช้สถานที่ในไทย
ที่แสดงถึงวิวอันสวยงาม และอัธยาศัยของคนไทย อาหารไทย
ดังเช่นที่ได้ให้การสนับสนุนการถ่ายทำภาพยนตร์ ในไทยมาแล้ว
ตลอดจนด้านความบันเทิง เช่น อาจใช้มาตรการทางการเงิน (Incentive)
สนับสนุนการจัดคอนเสิร์ตระดับโลก ในเมืองไทยให้มากขึ้น
เพื่อยกระดับภาพลักษณ์ของประเทศไทย และดึงดูดนักท่องเที่ยวจากนานาประเทศ
นอกจากเรื่องภาพยนตร์และความบันเทิงแล้ว
ประเทศไทยยังมีเรื่องของ กีฬามวยไทย
และ Wellness กับ Medical Tourism ที่เป็นจุดเด่น
รวมถึงเรื่องของ LGBTQ+ ที่เปิดกว้างด้านความหลากหลายทางเพศ
ทำให้ดึงดูดนักท่องเที่ยวได้ดีกว่า ประเทศที่กีดกันเรื่องนี้
2) การสนับสนุนสายการบิน และสร้างแรงจูงใจในการเพิ่มจำนวนเที่ยวบิน
โดยอาจมีการปรับลดค่าโดยสาร ให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
3) การทำการตลาด เจาะกลุ่มนักท่องเที่ยวจากประเทศใหม่ ๆ
เพื่อเพิ่มความหลากหลายและลดความเสี่ยง
4) มาตรการลดหย่อนภาษี จากการใช้จ่ายเพื่อการท่องเที่ยวภายในประเทศ โดยเฉพาะในช่วงโลว์ซีซัน
5) การส่งเสริมวีซ่าเกษียณอายุ
ซึ่งไม่เพียงดึงดูดชาวต่างชาติที่เกษียณแล้ว ให้มาอาศัยอยู่ในไทยมากขึ้น
แต่ยังช่วยเพิ่มเงินหมุนเวียนในเศรษฐกิจของไทยให้สูงขึ้น จากมูลค่าการใช้จ่ายด้านสุขภาพ การแพทย์ และอสังหาฯ เป็นต้น
6) การพิจารณาฟรีวีซ่า ให้มีระยะเวลาที่ยาวขึ้น
เพื่อให้นักท่องเที่ยว สามารถอยู่ไทยได้นานขึ้น ไม่ใช่แค่ 30 วัน หรือ 60 วัน
เพราะถ้าอยู่นานขึ้น ก็จะมีการใช้จ่าย และกระตุ้นเศรษฐกิจไปในตัว
นอกจากนี้ คุณวิลเลียมยังได้พูดคุยในประเด็นอื่น ๆ
ซึ่งมีผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยวไทยด้วย
โดยเฉพาะเรื่อง “ความปลอดภัย” และ “สิ่งแวดล้อม”
ความปลอดภัยนั้น เป็นเรื่องสำคัญ
คงไม่มีใครอยากไปเที่ยวเมืองที่มีการจลาจล หรือจี้ปล้นบ่อย ๆ
หากไทยอยากดึงดูดนักท่องเที่ยว ต้องทำให้ต่างชาติมองเข้ามา
แล้วเห็นว่า ไทยเป็นประเทศที่ปลอดภัย เดินทางไปไหนมาไหนแล้วสบายใจ
การบังคับใช้กฎหมายเป็นเรื่องสำคัญ ที่ทำให้ผู้ประกอบการธุรกิจโรงแรม ต้องทำอย่างถูกต้อง และจดทะเบียนตามกฎหมาย เพื่อให้ยุติธรรมและสร้างความปลอดภัยให้กับนักท่องเที่ยวด้วย
ส่วนเรื่องของสิ่งแวดล้อม ก็สำคัญต่อภาคการท่องเที่ยวไม่แพ้กัน
เพราะถ้าธรรมชาติได้รับการอนุรักษ์ และบ้านเมืองสะอาด ก็จะทำให้น่าเที่ยวมากยิ่งขึ้น
หรือแม้แต่ ปัญหาภาวะมลพิษ เช่น PM2.5
ที่ส่งผลกระทบต่อสุขภาพของนักท่องเที่ยวและคนไทยในประเทศ ก็มีผลต่อเรื่องนี้เช่นเดียวกัน
ดังนั้นทางภาครัฐ จึงต้องโชว์บทบาทที่สำคัญ ทำให้สิ่งแวดล้อมดีขึ้น เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยว
โดยคุณวิลเลียมมองว่า ภาครัฐกำลังจัดการกับเรื่องนี้อยู่ เห็นได้จากมาตรการสนับสนุนด้านพลังงานสะอาด, รถยนต์ไฟฟ้า EV ที่ออกมา
สุดท้ายนี้ คุณวิลเลียม เชื่อมั่นต่อภาคธุรกิจการท่องเที่ยวไทย ว่าจะสดใสขึ้นในปีนี้ และปีต่อ ๆ ไป
ซึ่งปีนี้ทาง MINT จะเปิดโรงแรมอย่างต่อเนื่อง
จากเดิมที่มีอยู่ 540 แห่ง ในทั่วโลก
จะเปิดให้ครบ 780 แห่ง ภายในปี 2026
สรุปแล้ว จากมุมมองของคุณวิลเลียม
ภาคการท่องเที่ยว เป็นหัวใจสำคัญที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทย
และเห็นภาพการฟื้นตัวอย่างชัดเจน ของภาคการท่องเที่ยวไทย ด้วยการสนับสนุนจากภาครัฐ และการปรับตัวของผู้ประกอบการ
โดยการท่องเที่ยวไทย ไม่เพียงแต่ฟื้นตัว
แต่ยังก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ของ “Quality Tourism”
ที่เน้นคุณภาพและการใช้จ่ายที่สูงขึ้นของนักท่องเที่ยว
ซึ่งคุณวิลเลียม ได้นำเสนอแนวทางต่าง ๆ ในการดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก ที่ไม่เพียงเป็นการเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยว แต่ต้องการเห็นการท่องเที่ยวที่มีคุณภาพและมีความยั่งยืนขึ้น
เพราะภาพใหญ่ที่คุณวิลเลียม อยากจะเห็นนั้น
ก็คือ การที่ประเทศไทย มีเสถียรภาพด้านการท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อรักษาสถานะของการเป็นจุดหมายท่องเที่ยวชั้นนำของโลกต่อไป

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon