ถ้าถามว่า เวลาเราจะลงทุนในหุ้น เราควรดูและศึกษาข้อมูลอะไรบ้าง ก็น่าจะไล่เป็นข้อ ๆ ดังนี้
- รายได้ กำไรของบริษัท เติบโตเท่าไร
- โมเดลการหารายได้ เป็นอย่างไร
- คู่แข่งเยอะไหม ส่วนแบ่งการตลาด เป็นอย่างไร
- อำนาจต่อรองกับคู่ค้า มากน้อยขนาดไหน

คำถามที่ตามมา ก็คือการดูข้อมูลเพียงเท่านี้ พอแล้วหรือยัง ในยุคปัจจุบัน อาจจะตอบได้ว่ายังไม่พอ..

ณ ตอนนี้ เทรนด์ธุรกิจทั่วโลก กำลังให้ความสำคัญกับความยั่งยืนกันมากขึ้น ใส่ใจในเรื่องสิ่งแวดล้อม สังคม ไปจนถึงธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ

แล้วถ้าพูดถึงตลาดหุ้นไทย เราจะไปหาหุ้นยั่งยืนจากไหน ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

เมื่อไม่นานมานี้ เราคงเห็นข่าวว่า กระทรวงการคลังออกมาประกาศว่า จะมีการตั้งกองทุน THAIESG หรือ กองทุนไทยเพื่อความยั่งยืน

โดยจะเน้นการลงทุนในหุ้นไทยที่มีความยั่งยืน และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้สูงสุด 30% ของเงินได้พึงประเมินทั้งปี ไม่เกิน 100,000 บาท

ปัจจุบัน เริ่มมีกองทุนไทยเพื่อความยั่งยืนหรือ THAIESG อยู่มากมาย ให้เราได้เลือกลงทุน

แต่ก่อนจะไปเลือกกองทุนที่ว่านี้ เราคงสงสัยว่าแล้วทำไมเราต้องเน้นลงทุนในหุ้นยั่งยืน

เหตุผลก็เพราะ ทำให้เรามั่นใจมากขึ้นว่า หุ้นที่เราลงทุนไปนั้น รับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม สังคม และมีธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจที่ดี

โดยเฉพาะเรื่องธรรมาภิบาลในการทำธุรกิจ ที่ต้องทำธุรกิจอย่างโปร่งใส ตรงไปตรงมา ตรวจสอบได้ และมีที่มาที่ไปของรายได้ชัดเจน

ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเจนในปีนี้ ก็คือข่าวใหญ่ในตลาดหุ้นไทย โดยเฉพาะกรณีของหุ้น STARK ที่มีการสร้างยอดขายปลอม เพื่อตกแต่งรายได้ของบริษัทตัวเอง

ดังนั้น หากธุรกิจที่เราลงทุนอยู่ มีการพิจารณาจาก SET ESG ที่ประเมินความยั่งยืน โดยเฉพาะตัว G หรือ
ธรรมาภิบาล ก็ทำให้เราลงทุนได้อย่างมั่นใจมากขึ้น

นอกจากนี้ ตัว E หรือสิ่งแวดล้อม ก็จำเป็นสำหรับธุรกิจด้วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็นการลดใช้พลังงานไม่สะอาด ลดของเสียที่เกิดขึ้น หรือลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นบรรยากาศ

เช่น ในอนาคต ธุรกิจที่ส่งออกไปยังต่างประเทศ โดยเฉพาะในยุโรป จะต้องมีข้อมูลอย่างชัดเจนว่า มีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกมามากแค่ไหน

ซึ่งหากธุรกิจมีการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์มากเกินกว่ากำหนด หรือไม่มีการจัดเก็บข้อมูล ก็จะต้องเสียภาษีในอัตราสูงกว่า ลดความสามารถในการแข่งขันกับประเทศอื่น ๆ ไปโดยทันที

และอีกตัวหนึ่งที่จะต้องพูดถึง นั่นคือ ตัว S หรือสังคม
ธุรกิจที่ยั่งยืน จะต้องใส่ใจทั้งคู่ค้า คนในพื้นที่และไม่เอาเปรียบสังคมมากเกินไป

เพราะธุรกิจจะยั่งยืนอยู่ได้ ด้วยการรักษาความสัมพันธ์ที่ดีกับลูกค้า คู่ค้า และสังคม ให้เป็นแหล่งรายได้หลักในการทำธุรกิจได้อย่างยาวนาน

อ่านมาถึงตรงนี้ เราก็น่าจะเห็นภาพแล้วว่าหุ้นยั่งยืน เป็นอีกทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจ

หนึ่งในนั้นก็จะมีชื่อของ MEGA20THAIESG กองทุนที่จะเข้าไปลงทุนใน “หุ้นยั่งยืนขนาดใหญ่” โดยมีตัวอย่างหุ้นที่กองทุนเข้าไปลงทุน เช่น

-CPALL เจ้าของเชนร้านสะดวกซื้อเซเว่น อีเลฟเว่น กำลังติดตั้งโซลาร์เซลล์ไปกว่า 2,600 สาขา คิดเป็นราว 1 ใน 4 ของสาขาทั้งหมด เพื่อเน้นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

-หุ้นกลุ่มธนาคารอย่าง SCB, KBANK และ BBL ก็อยู่ในกองทุนนี้ด้วยเช่นกัน ซึ่งเป็นธนาคารชั้นนำของไทย ที่มีความน่าเชื่อถือในการทำธุรกิจมายาวนาน

และหุ้นตัวท็อปอีกหลายบริษัท รวมทั้งสิ้น ประมาณ 20 บริษัท ที่เข้าเกณฑ์การลงทุนของกองทุน ให้เราได้ร่วมเป็นเจ้าของแบบเน้น ๆ

MEGA20THAIESG ก็เรียกได้ว่าเป็นอีกกองทุนหุ้นยั่งยืน ที่น่าจับตามอง และเป็นทางเลือกน่าสนใจ ที่นอกจากจะทำให้เรา มีโอกาสสร้างผลตอบแทนแบบยั่งยืนได้ในระยะยาว นำไปลดหย่อนภาษีเพิ่มเติมได้แล้ว ก็ยังทำให้เราร่วมเป็นกิจการที่มีใส่ใจสิ่งแวดล้อม และ มีธรรมาภิบาลในการดำเนินกิจการไปพร้อม ๆ กัน

สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถร่วมเป็นเจ้าของหุ้นยั่งยืน ตัวใหญ่ของไทย ผ่าน MEGA20THAIESG ได้แล้ว เสนอขายครั้งแรก 8 ถึง 15 ธ.ค. 66

ทั้งนี้ ตัวอย่างบริษัทดังกล่าวสามารถปรับเปลี่ยนได้ตามเกณฑ์การลงทุนและสภาวะการณ์การลงทุน ณ ขณะนั้น

การลงทุนของกองทุนจะเน้นเฉพาะการลงทุนในกลุ่มตราสารที่มีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาด (Market Capitalization) สูงเพียง 20- 25 หลักทรัพย์

ทั้งนี้ ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถขายคืนหน่วยลงทุน รวมถึงสับเปลี่ยนหน่วยลงทุนออก ได้ตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2567 เป็นต้นไป

ผู้ที่สนใจ สามารถศึกษารายละเอียดและเริ่มต้นลงทุนได้ที่ บลจ.ทาลิส www.talisam.co.th 02-0150215, 02-0150216, 02-0150222 และ 28 ผู้สนับสนุนการขาย ได้แก่

1. บริษัทหลักทรัพย์ ทรีนีตี้ จำกัด
2. บริษัทหลักทรัพย์ ฟิลลิป จำกัด (มหาชน)
3. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี พัฒนสิน จำกัด (มหาชน)
4. บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน)
5. บริษัทหลักทรัพย์ เว็ลธ์ เมจิก จำกัด
6. หลักทรัพย์ บัวหลวง จำกัด (มหาชน)
7. บริษัทหลักทรัพย์ กรุงศรี จำกัด (มหาชน)
8. บริษัทหลักทรัพย์ กสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
9. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนเมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ จำกัด
10. บริษัท หลักทรัพย์ ดาโอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)
11. บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส (ประเทศไทย) จำกัด
12. บริษัทหลักทรัพย์ เกียรตินาคินภัทร จำกัด (มหาชน)
13. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน ฟินโนมีนา จำกัด
14. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน โรโบเวลธ์ จำกัด
15. บริษัท หลักทรัพย์ อินโนเวสท์ เอกซ์ จำกัด
16. บริษัทหลักทรัพย์พาย จำกัด (มหาชน)
17. บริษัทหลักทรัพย์นายหน้าซื้อขายหน่วยลงทุน แอสเซนด์ เวลธ์ จำกัด
18. บริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เทรเชอริสต์ จำกัด
19. บริษัทหลักทรัพย์หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด
20. บริษัทหลักทรัพย์ ธนชาต จำกัด (มหาชน)
21. บริษัทหลักทรัพย์ สยามเวลธ์ จำกัด
22. ธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน)
23. บริษัทหลักทรัพย์ ซีจีเอส-ซีไอเอ็มบี (ประเทศไทย) จำกัด
24. บริษัทหลักทรัพย์ ไพน์ เวลท์ โซลูชั่น จำกัด
25. บริษัทหลักทรัพย์ เอเอสแอล จำกัด
26. บริษัท หลักทรัพย์ เคเคพี ไดม์ จำกัด
27. บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน เอ็กซ์สปริง จำกัด
28. บริษัทหลักทรัพย์ ยูโอบี เคย์เฮียน (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน)

เพื่อประโยชน์ของท่านอย่าลืมลงทะเบียนขอใช้สิทธิลดหย่อนภาษีตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร ได้ที่ https://www.talisam.co.th/terms-and-conditions/

คำเตือน :
-กองทุนรวมนี้มีลักษณะเฉพาะและความเสี่ยงเฉพาะ และการลงทุนในกองทุนรวมตราสารแห่งทุนอาจมีความเสี่ยงจากความผันผวนของราคาหลักทรัพย์ ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะ เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงและศึกษาข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ระบุไว้ในคู่มือการลงทุนของกองทุน กรณีไม่ได้ปฏิบัติตามเงื่อนไขทางภาษี จะไม่ได้สิทธิประโยชน์ตามเงื่อนไขของกองทุนก่อนตัดสินใจลงทุน

-ผลการดำเนินงานในอดีต/ ผลการเปรียบเทียบผลการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์ในตลาดทุน มิได้เป็นสิ่งยืนยันถึงผลการดำเนินงานในอนาคต

References
-www.settrade.com
-https://www.bangkokbiznews.com/
-https://www.dsi.go.th/th/Detail/85665969169a106549fccfcc16b86624
-เว็บไซต์ทางการของแต่ละบริษัท