สัจธรรมธุรกิจ Apple จ้างคนอื่นทำให้ สุดท้ายหันมาพัฒนาเอง /โดย ลงทุนแมน
แม้ Apple จะเป็นเจ้าของ iPhone และสิ่งที่ Apple ทำก็คือการออกแบบ พัฒนาเทคโนโลยี และทำการตลาด

แต่ในส่วนของการผลิต Apple จะมีพาร์ตเนอร์จำนวนมากเข้ามามีส่วนร่วม

ยกตัวอย่างเช่น iPhone ก็จะมี

- Foxconn จากไต้หวันรับงานประกอบ
- Corning ผลิตกระจกหน้าจอ
- Sony ผลิตเซนเซอร์ในกล้อง
- Samsung ผลิตหน่วยความจำ

แต่รู้หรือไม่ว่า ก่อนหน้านั้น Apple เคยเขี่ยคู่ค้ารายใหญ่ออกไป ไม่ว่าจะเป็น

- Samsung ที่เคยผลิตชิปให้มาตั้งแต่ iPhone รุ่นแรก
- Intel ที่เคยเป็นพันธมิตรผลิตชิป ส่งให้ Apple มายาวนานกว่า 15 ปี

นอกจากนี้ ยังมีคู่ค้าที่กำลังจะถูกเขี่ยทิ้งก็คือ Qualcomm ผู้ผลิตโมเด็ม 5G รายใหญ่ของโลก ซึ่งขายชิปให้ Apple มาตั้งแต่ยุค 3G

ทำไม Apple ถึงพยายามตัดคู่ค้าเหล่านี้ออกไป ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
สิ่งแรกที่ Apple เริ่มตัดออก ก็คือ ชิปประมวลผล..

ในอดีตชิปประมวลผลของ Mac และ iPhone มี Intel และ Samsung เป็นผู้ผลิตให้ในช่วงเริ่มแรก ก่อนที่จะแยกทางกัน

ในการแยกทางกับ Samsung นั้น เนื่องจากการเป็นคู่แข่งกันในตลาดสมาร์ตโฟน ซึ่งหลังจากเปิดตัว iPhone ได้ไม่นาน Samsung ก็ผลิตสมาร์ตโฟนเป็นของตัวเอง

และหลังจากนั้น ทั้งคู่ก็มีปัญหาการฟ้องร้องกันอยู่เรื่อยมา จนในที่สุด Apple จึงต้องลดความเสี่ยง จากการพึ่งพาซัปพลายเออร์รายเดียว ที่แถมยังเป็นคู่แข่งของบริษัททางตรง

ด้วยการหันไปจ้าง TSMC ผู้ผลิตชิปจากไต้หวันมาเป็นผู้ผลิตหลัก และวางให้ Samsung เป็นเบอร์ 2 ในการผลิตแทน

แต่ในชิ้นส่วนที่ไม่สำคัญมาก อย่างเช่น หน่วยความจำ Samsung ก็ยังถือเป็นผู้ผลิตหลักให้ iPhone อยู่เหมือนเดิม

ส่วนในฝั่งของ Intel นั้น ก่อนที่จะได้มาเป็นพาร์ตเนอร์กับ Apple นั้น เครื่องคอมพิวเตอร์ Mac ใช้งาน CPU ของบริษัท PowerPC มาตั้งแต่เริ่มแรก

ก่อนที่ต่อมา CPU รุ่นดังกล่าวจะมีปัญหาเรื่องความร้อนที่สูงเกินไป และแผนการพัฒนา CPU ของ PowerPC เอง ก็ไม่ดีพอสำหรับ Mac รุ่นใหม่ ๆ ในอนาคต

ทำให้ Apple มองหาผู้ผลิตใหม่ ซึ่งก็คือ Intel และได้เริ่มจับมือกันมาตั้งแต่ปี 2005

Apple จับมือกับ Intel มานานนับ 10 ปี จนมาถึงปี 2015 ที่ CPU ของ Intel มีประสิทธิภาพไม่ดีพอ โดยเฉพาะเรื่องของการใช้พลังงานที่มากเกินไป

บวกกับผลลัพธ์ที่ดีขึ้นในฝั่งของ iPhone และ iPad ที่ใช้ชิปตระกูล A ซึ่งเป็นชิปที่ Apple พัฒนาขึ้นเอง โดยใช้เทคโนโลยีของ ARM แล้วจ้าง TSMC ผลิตให้

โดย ARM ก็คือ บริษัทออกแบบชิป ที่ Apple เป็นผู้ให้ทุนในการก่อตั้งบริษัท

ที่สำคัญคือสินค้าหลายชิ้นของ Apple มีการใช้งานที่เชื่อมต่อกัน และเกิดเป็น Ecosystem ของ Apple ทำให้การทำงานของซอฟต์แวร์และฮาร์ดแวร์ ต้องมีการสอดประสานกัน

การพัฒนาเทคโนโลยีด้วยตัวเอง จึงทำให้ Apple ได้ชิปที่ตรงตามความต้องการมากกว่า และควบคุมต้นทุนได้ง่ายกว่าการซื้อชิปจาก Intel

ในปี 2020 Apple จึงประกาศว่าใน Mac รุ่นถัดไป จะไม่ใช้งานชิปของ Intel แต่จะใช้ชิป M1 ที่ใช้เทคโนโลยีของ ARM และจ้าง TSMC ผลิตให้เช่นกัน

เหตุผลที่ต้องจ้าง TSMC ก็เพราะโรงงานของ TSMC สามารถผลิตชิปด้วยเทคโนโลยี 5 นาโนเมตร ในขณะที่ Intel ยังติดหล่มอยู่ที่ 10 และ 7 นาโนเมตร

ทำให้ตอนนี้โมเดลของ Apple คือออกแบบและพัฒนาชิปด้วยตัวเองทั้งหมด แล้วไปจ้างโรงงานผลิตชิป อย่างเช่น TSMC ผลิตให้

ทว่ายังมีชิ้นส่วนบางชิ้น ที่ Apple ก็ยังไม่สามารถพัฒนาด้วยตัวเองได้ นั่นคือ โมเด็ม 5G ที่อยู่ใน iPhone ซึ่งมีผู้ผลิตคือ Qualcomm

โมเด็มคือเทคโนโลยีสื่อสารไร้สาย ที่ทำให้โทรศัพท์มือถือสามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต โทรออก และรับส่งข้อมูลได้

ซึ่งผู้นำในเทคโนโลยี 5G สำหรับสมาร์ตโฟนก็คือ Qualcomm และในอุตสาหกรรม มีผู้เล่นเพียง 3 รายเท่านั้น คือ

- Qualcomm จากสหรัฐอเมริกา
- MediaTek จากไต้หวัน
- Tsinghua Unigroup จากจีน

ซึ่งตั้งแต่อดีต ผลิตภัณฑ์ของ Apple ก็ใช้ชิประบบสื่อสารของ Qualcomm มาโดยตลอด

จนกระทั่งในปี 2017 Apple ได้ฟ้องร้อง Qualcomm จากการเก็บค่าธรรมเนียมในเทคโนโลยีที่ Qualcomm ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และโก่งราคาขายโมเด็ม

ในฝั่งของ Qualcomm ก็ฟ้องกลับ Apple ฐานละเมิดสิทธิบัตร

แม้ทั้งสองฝ่าย จะยอมความและจบคดีฟ้องร้องระหว่างกัน แต่จุดนี้ก็เรียกได้ว่า เป็นจุดแตกหักของความสัมพันธ์

Apple จึงเริ่มเดินเกมตัดขาด Qualcomm ด้วยการใช้เงินกว่า 36,000 ล้านบาท ซื้อบริษัทผลิตโมเด็มของ Intel มาในปี 2019

แต่การพัฒนาโมเด็ม 5G ไม่ใช่เรื่องง่าย และแตกต่างจากระบบประมวลผลอื่น ๆ ทำให้ปัจจุบัน Apple ยังไม่มีโมเด็ม 5G เป็นของตัวเอง

Apple จึงจำเป็นต้องฝืนใจต่อสัญญาซื้อโมเด็ม 5G จาก Qualcomm ไปอีก 3 ปี จนถึงปี 2026

ฝั่ง Qualcomm ที่เคยมีรายได้จาก Apple คิดเป็นกว่า 20% ของรายได้ทั้งหมด ก็ปรับกลยุทธ์ใหม่ ขยายไปยังธุรกิจอื่น ๆ ที่ยังต้องมีเครือข่ายการสื่อสาร เช่น แว่นตา AR และ VR, ธุรกิจยานยนต์ รวมถึงเทคโนโลยี AI

ถึงตรงนี้จะเห็นว่า การที่ Apple พร้อมที่จะสลัดทิ้ง คู่ค้าที่เข้ามาถ่วงแข้งถ่วงขา หรือขัดขวางการเติบโตของกิจการ ฟังดูเหมือนโหดร้าย

แต่ในทางกลับกัน สิ่งที่ Apple มอบให้กับคู่ค้าก็คือ เค้กชิ้นโตจากฐานลูกค้าทั่วโลก และชื่อเสียงที่ได้จากการเป็นพาร์ตเนอร์กับ Apple ซึ่งสิ่งเหล่านี้อาจสร้างการเติบโตให้กับพาร์ตเนอร์ได้อย่างมหาศาล

และเมื่อดูจากการเติบโตของ Apple ที่ก้าวขึ้นมาเป็นบริษัทที่ใหญ่สุดในโลก และสินค้าต่าง ๆ ที่กลายเป็นผู้นำในทุกตลาดที่ลงแข่งขันแล้ว

การเปลี่ยนหรือสลัดคู่ค้าที่เหนี่ยวรั้งตัวเองไว้ โดยไม่ลังเล และหาประโยชน์จากพาร์ตเนอร์ใหม่ หรือแม้กระทั่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ขึ้นมาเอง ก็น่าจะเป็นอีกหนึ่งเคล็ดลับความสำเร็จของ Apple เช่นกัน..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.cnbc.com/2020/11/10/why-apple-is-breaking-a-15-year-partnership-with-intel-on-its-macs-.html
-https://www.reuters.com/technology/qualcomm-supply-apple-with-5g-chips-until-2026-under-new-deal-2023-09-11/#:~:text=In%20a%20research%20note%20on,extend%20it%20for%20two%20years.
-How Qualcomm Plans To Keep Growing, With Or Without Apple, CNBC
-https://apple.fandom.com/wiki/List_of_Apple_processors
-https://www.pcmag.com/news/apples-5g-modem-wont-be-ready-for-another-3-years
-https://9to5mac.com/2020/06/24/former-intel-engineer-says-skylake-problems-were-turning-point-for-apples-arm-mac-transition/