จับตา 8 เทรนด์การตลาดออนไลน์ ปี 2024 โดยเอเจนซีรับทำ SEO ชั้นนำ!
จับตา 8 เทรนด์การตลาดออนไลน์ ปี 2024 โดยเอเจนซีรับทำ SEO ชั้นนำ!
กะพริบตาอีกที ปี 2024 ก็ใกล้เข้ามาถึงอย่างรวดเร็ว แต่สิ่งที่เร็วไม่แพ้กันก็คงหนีไม่พ้น “เทรนด์การตลาดออนไลน์” เพราะดูเหมือนว่าเมื่อเทคโนโลยีถูกพัฒนาให้ล้ำหน้าไปมากเท่าไร การปรับเปลี่ยนของอัลกอริทึมในแพลตฟอร์มต่าง ๆ รวมไปถึงเทรนด์โซเชียลมีเดียก็มีการเปลี่ยนแปลงไปด้วยเช่นกัน!
และแน่นอนว่า เมื่อเราอยู่ในยุคที่ความเร็วชนะทุกสิ่ง คนที่ปรับเปลี่ยนตามเทรนด์ได้ไว ก็มักจะเป็นผู้ชนะเสมอ ดังนั้น ในฐานะนักลงทุน นักการตลาด เจ้าของธุรกิจ รวมไปถึงเอเจนซีรับทำ SEO จึงต้องหมั่นติดตามแนวทางใหม่ ๆ เพื่อให้สามารถรับมือกับการเปลี่ยนแปลงในปี 2024 ที่จะถึงนี้ได้
เราได้รวบรวม “เทรนด์การตลาดออนไลน์ ประจำปี 2024″ ที่น่าสนใจมาไว้ให้เหล่านักลงทุนได้นำกลับไปวางแผนด้านการตลาดออนไลน์ ไปดูกันเลยว่าจะมีเทรนด์ไหนที่น่าสนใจและสามารถนำมาปรับใช้ได้บ้าง
8 เทรนด์การตลาดดิจิทัล ปี 2024
1. ปีทองของเทคโนโลยี AI (AI-Powered Marketing Automation)
2024 จะเป็นอีกปีที่ยิ่งใหญ่สำหรับเทคโนโลยี AI โดยเทรนด์ AI ที่มีแนวโน้มจะได้รับความนิยมมากขึ้นในหมู่นักลงทุนและผู้ประกอบการจะประกอบไปด้วย
• การนำระบบ AI เข้ามาช่วยเก็บข้อมูลของลูกค้าในเชิงลึก เพื่อทำการตลาดเฉพาะบุคคล (Personalized Marketing) ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
• ใช้ AI วิเคราะห์ลูกค้าใน Sales Funnel และทำ Customer Journey
• ใช้ AI ดำเนินกิจกรรมทางการตลาด เช่น ส่งคอนเทนต์ให้กับลูกค้าทางอีเมลในแบบอัตโนมัติ ใช้ตั้งเวลายิงแคมเปญล่วงหน้า
• การนำ Chatbot เข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้า ซึ่งตอนนี้ได้มีการพัฒนาไปถึงตัว Voicebot (ใช้เสียงสั่งแทนการพิมพ์คุย) เพื่อเป็นเครื่องมือสื่อสารกับลูกค้า
นอกจากนี้ ในปี 2024 ยังมีแนวโน้มที่เครื่องมือ MarTech หรือ Marketing Technology ใหม่ ๆ จะได้รับการลงทุนมากขึ้น เพื่อนำมาใช้แก้ปัญหาและส่งเสริมแคมเปญทางการตลาดให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม โดยเครื่องมือประเภท Data และ Management ยังคงเป็นหมวดหมู่ที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ดี ด้วยเทรนด์ความนิยมของ AI ที่เพิ่มขึ้น ประเด็นด้านความปลอดภัยของข้อมูล (Security) และประเด็นเกี่ยวลิขสิทธิ์ (Copyright) ก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน ดังนั้น การนำ AI มาปรับใช้ยังคงต้องตระหนักถึงเรื่องนี้ด้วย
2. Influencer Marketing ยังคงมาแรง
อย่างที่รู้กัน ยุคนี้ลูกค้ามักเชื่อการรีวิวที่มาจากผู้บริโภคจริง ๆ มากกว่าเชื่อคำโฆษณาจากแบรนด์ ทำให้ในปี 2024 เทรนด์ Influencer Marketing โดยเฉพาะ UGC และ Micro-Influencer จะยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง
อย่างที่รู้กัน ยุคนี้ลูกค้ามักเชื่อการรีวิวที่มาจากผู้บริโภคจริง ๆ มากกว่าเชื่อคำโฆษณาจากแบรนด์ ทำให้ในปี 2024 เทรนด์ Influencer Marketing โดยเฉพาะ UGC และ Micro-Influencer จะยังคงมาแรงอย่างต่อเนื่อง
UGC
UGC (User-Generated Content) คือคอนเทนต์รีวิวสินค้าทุกประเภทที่สร้างขึ้นโดยผู้บริโภคตัวจริง โดยไม่ได้รับผลประโยชน์ตอบแทนใด ๆ จากเจ้าของแบรนด์ ซึ่งนอกจากจะช่วยให้แบรนด์น่าเชื่อถือแล้ว ธุรกิจยังประหยัดงบการตลาดได้อีกทางหนึ่งด้วย
Micro-Influencer
แม้ Micro-Influencer จะมีผู้ติดตามน้อยกว่า แต่อีกนัยหนึ่งก็บอกได้ว่าล้วนเป็นผู้ติดตามที่มีคุณภาพ และเป็นกลุ่มเป้าหมายของแบรนด์จริง ๆ อีกทั้งยังทำให้ผู้บริโภคสัมผัสได้ถึงความ “เรียล” มากกว่าด้วย ดังนั้น เทรนด์การใช้อินฟลูฯ ที่มียอดติดตามไม่เยอะจึงได้รับความนิยมมากขึ้น เพราะช่วยให้การขายของมีความเป็นธรรมชาติ
3. Affiliate Marketing เติบโตต่อเนื่อง
ด้วยกระแสของตลาด E-commerce ที่ยังคงมาแรง บวกกับแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ที่มีผู้ใช้เพิ่มขึ้นทุกวัน ทำให้ Affiliate Marketing กำลังเป็นเทรนด์ที่กำลังเติบโตขึ้นเรื่อย ๆ โดย Affiliate คือการตลาดรูปแบบที่ให้อินฟลูเอนเซอร์และนักรีวิวมาช่วยขายสินค้าและแบ่งรายได้จากค่าคอมมิชชัน ซึ่งนอกจากจะเป็นประโยชน์ต่อทั้งแบรนด์และตัวแทนช่วยขายแล้ว นี่ยังเป็นเทรนด์ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์และพฤติกรรมผู้บริโภคยุคใหม่ที่เชื่อรีวิวจากอินฟลูฯ และนักรีวิวมากกว่าด้วย
4. Video Marketing จะเฟื่องฟูมากขึ้น
เทรนด์ Video Marketing มีแนวโน้มจะเฟื่องฟูอย่างมากในปี 2024 โดยนักการตลาดจะใช้วิดีโอเป็นเครื่องมือหลัก ทั้งการทำโฆษณา เล่าเรื่องราวที่น่าสนใจของแบรนด์ โชว์ผลิตภัณฑ์ รวมไปถึงการสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับกลุ่มเป้าหมายผ่านการรับชมวิดีโอ
นอกจากนี้ ยังมีการคาดการณ์ว่าในปี 2024 วิดีโอสั้นจะยังคงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอสั้นในแพลตฟอร์ม TikTok, Instagram Reels, Facebook Reels และ Youtube Shorts โดยคอนเทนต์ส่วนใหญ่จะเน้นเล่าเนื้อหาสั้น กระชับ เพื่อดึงดูดความสนใจ เพื่อให้ตอบโจทย์ผู้ชมสมัยใหม่ที่ไม่ชอบจดจ่อกับอะไรนาน ๆ
พร้อมกันนั้น เทรนด์การไลฟ์สดหรือสตรีมมิงยังคงโดดเด่นในปีหน้าเช่นกัน ทั้งในแง่ของการที่หลาย ๆ แบรนด์จะหันมาจัดอีเวนต์พร้อมกับการไลฟ์สดเพื่อเพิ่มการเข้าถึงของผู้ชม รวมถึงไลฟ์เปิดตัวผลิตภัณฑ์ หรือแม้แต่ไลฟ์ให้เห็นเบื้องหลังการทำงาน เพื่อเพิ่มโอกาสปฏิสัมพันธ์กับลูกค้าแบบเรียลไทม์ และทำให้ลูกค้ารู้สึกใกล้ชิดกับแบรนด์มากขึ้น
5. Social Commerce กำลังจะกลายเป็นกระแสหลัก
แม้วิกฤตโควิดจะผ่านพ้นไปแล้ว แต่การชอปปิงออนไลน์ก็ยังเป็นเทรนด์ที่ได้รับความนิยมอย่างไม่เปลี่ยนแปลง แถมตอนนี้ยังมีการพัฒนาต่อยอดไปอยู่ในรูปแบบ Social Commerce หรือการทำให้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียกลายเป็นแหล่งชอปปิงสำหรับผู้บริโภคยุคใหม่ และดูเหมือนว่าในปี 2024 นี้ เทรนด์ Social Commerce จะกลายเป็นเทรนด์การซื้อขายกระแสหลักที่โดดเด่นไม่แพ้ E-Commerce ด้วย
โดยโซเชียลมีเดียต่าง ๆ ก็มีการออกแบบฟังก์ชันเพื่อตอบโจทย์เทรนด์นี้เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น Instagram Shop หรือ TikTok Shop เพื่อให้ผู้บริโภคสามารถซื้อสินค้าได้โดยตรงตามฟีดโซเชียลมีเดียของตนเอง โดยมีการคาดการณ์ว่า ปี 2024 จะเป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น เพราะการค้าขายใน Social Commerce จะเติบโตสูงไปจนถึงปี 2027 เลยทีเดียว
อย่างไรก็ดี การจะทำอีคอมเมิร์ซบนแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย ความง่ายและสะดวกคือสิ่งที่ลูกค้าต้องการมากที่สุด ดังนั้น แบรนด์จึงควรโฟกัสในการสร้างประสบการณ์การซื้อขายที่ดีให้กับลูกค้า ทั้งการสร้างสรรค์คอนเทนต์เพื่อกระตุ้นการซื้อและใช้ประโยชน์จากฟีเจอร์ต่าง ๆ ของแต่ละแพลตฟอร์ม ก็จะทำให้การนำเทรนด์นี้มาปรับใช้มีประสิทธิภาพมากขึ้น
6. Privacy คือเรื่องสำคัญ (Privacy-Centric Marketing)
หลังกฎหมาย PDPA (Personal Data Protection Act) ถูกบังคับใช้ทั่วโลก เทรนด์การให้ความสำคัญเรื่องความเป็นส่วนตัวหรือ Privacy ของลูกค้าก็เติบโตสูงขึ้น ซึ่งเทรนด์นี้สร้างการเปลี่ยนแปลงด้านการเก็บข้อมูลลูกค้าต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2023
ที่เห็นได้ชัดเจนก็คือ Google ได้ออกมายกเลิกการเก็บข้อมูลแบบ Third-party Cookies หรือข้อมูลที่รวบรวมมาจากบุคคลที่สาม สิ่งนี้เองทำให้ในปี 2024 Data ที่แบรนด์เป็นเจ้าของเอง ทั้ง First-party Data และ Zero-party Data มีแนวโน้มจะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
ดังนั้น การจะลงทุนหรือทำการตลาดใด ๆ ในปีที่จะถึงนี้ ผู้ประกอบการจึงควรระมัดระวังการใช้ข้อมูลลูกค้าให้มาก อาจจะต้องมีการระบุอย่างชัดเจนถึงวัตถุประสงค์ในการใช้ประโยชน์จากข้อมูลส่วนบุคคล มีระบบจัดเก็บข้อมูลลูกค้าที่รัดกุม รวมถึงแจ้งให้ลูกค้าทราบอย่างชัดเจนว่าแบรนด์ตระหนักถึงเรื่อง Privacy ก็จะช่วยให้แนวทางการตลาดของแบรนด์ดูทันสมัยและตอบโจทย์ลูกค้ายุคใหม่ได้มากขึ้น
7. เงินเฟ้อกับเทรนด์การจับจ่ายของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป
ด้วยอัตราเงินเฟ้อที่ปรับตัวขึ้นในปี 2023 และมีแนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก ส่งผลต่อพฤติกรรมการจับจ่ายของผู้บริโภคอย่างมากในปีที่จะถึงนี้
โดยผู้บริโภคจะมีเทรนด์การใช้จ่ายที่เปลี่ยนไป กล่าวคือ การใช้จ่ายเรื่องความบันเทิงนอกบ้านและการท่องเที่ยวต่างประเทศจะลดลง แต่จะหันไปท่องเที่ยวภายในประเทศกันมากขึ้น และเลือกที่จะออกไปใช้เวลาในสวนสาธารณะมากกว่าเดิม
นอกจากนี้ เงินเฟ้อยังมาพร้อมกับความเครียดและการฮีลใจ ทำให้เทรนด์การใช้เงินกับการดูแลตัวเองเพิ่มสูงขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทานอาหารมื้อดี ๆ การซื้อสกินแคร์ หรือแม้แต่การใช้จ่ายไปกับคลินิกเสริมความงาม
การปรับตัวในภาวะเงินเฟ้อยังนำมาสู่ความเหลื่อมล้ำทางชนชั้น ส่งผลให้ช่องว่างการจับจ่ายของผู้บริโภคชนชั้นกลางแคบลง ดังนั้น หากผู้บริโภคไม่มองสินค้าราคาถูกก็อาจจะเป็นสินค้าระดับพรีเมียมไปเลยมากกว่า
ดังนั้น ภาวะเงินเฟ้อจึงเป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อทิศทางการทำธุรกิจ นักลงทุนและผู้ประกอบการจึงควรติดตามข่าวสารในเรื่องนี้อย่างสม่ำเสมอ เพื่อนำมาปรับให้ธุรกิจอยู่รอดได้
SEO ยังคงเป็นหนทางเติบโตระยะยาว
อีกเทรนด์สำคัญที่ เอเจนซีรับทำ SEO และทุกธุรกิจจะขาดไปไม่ได้เลยคือการทำ SEO
SEO (Search Engine Optimization) คือกระบวนการที่ทำให้เว็บไซต์ของคุณติดอยู่ในหน้าค้นหาหน้าแรก โดย Google จะมีการอัปเดตอัลกอริทึมเกือบทุกไตรมาส จึงเป็นเรื่องสำคัญที่นักการตลาดต้องคอยอัปเดตเทรนด์ SEO อย่างสม่ำเสมอ
เครื่องมือทำ SEO อัปเดตฟีเจอร์ใหม่!
สำหรับในปี 2024 เครื่องมือในการทำ SEO ต่าง ๆ จะมีการอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ ๆ เพื่อให้เหมาะอัลกอริทึมของ Google ที่เปลี่ยนแปลงไป
โดยมีการคาดการณ์ว่าเครื่องมือยอดฮิตอย่าง Ahrefs มีแนวโน้มจะอัปเดตฟีเจอร์ใหม่ให้สอดคล้องกับการทำ SEO มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็น
• AI-Driven Content Optimization ฟีเจอร์ให้ AI ช่วยแนะนำเพื่อปรับปรุงให้คอนเทนต์ติดอันดับสูงขึ้น
• Voice Search SEO Analysis ฟีเจอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ใน Voice Search
• Local SEO Toolkit ฟีเจอร์ช่วยทำ Local SEO พร้อมมอบข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนา Google My Business ให้ติดอันดับดีกว่าเดิม
• Mobile SEO Insights ฟีเจอร์แนะนำวิธีเพิ่ม Traffic SEO สำหรับการเปิดเว็บฯ บนอุปกรณ์มือถือ
• Algorithm Update Alerts ฟีเจอร์แจ้งเตือนการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมของหน้า Search Engine แบบเรียลไทม์!
• Video SEO Analysis ฟีเจอร์ที่ปรับปรุงการทำวิดีโอ SEO ให้ดีขึ้น พร้อมกันนั้นยังสามารถ Track อันดับและปรับปรุงประสิทธิภาพของข้อมูล Metadata ของวิดีโอได้ด้วย
• Competitor AI Analysis ฟีเจอร์ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของเว็บฯ คู่แข่ง ซึ่งรวมไปถึงการทำ Content Gap และวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง
• Voice Search SEO Analysis ฟีเจอร์ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำ SEO ใน Voice Search
• Local SEO Toolkit ฟีเจอร์ช่วยทำ Local SEO พร้อมมอบข้อมูลเชิงลึกเพื่อพัฒนา Google My Business ให้ติดอันดับดีกว่าเดิม
• Mobile SEO Insights ฟีเจอร์แนะนำวิธีเพิ่ม Traffic SEO สำหรับการเปิดเว็บฯ บนอุปกรณ์มือถือ
• Algorithm Update Alerts ฟีเจอร์แจ้งเตือนการปรับเปลี่ยนอัลกอริทึมของหน้า Search Engine แบบเรียลไทม์!
• Video SEO Analysis ฟีเจอร์ที่ปรับปรุงการทำวิดีโอ SEO ให้ดีขึ้น พร้อมกันนั้นยังสามารถ Track อันดับและปรับปรุงประสิทธิภาพของข้อมูล Metadata ของวิดีโอได้ด้วย
• Competitor AI Analysis ฟีเจอร์ที่ใช้ AI วิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกของเว็บฯ คู่แข่ง ซึ่งรวมไปถึงการทำ Content Gap และวิเคราะห์คีย์เวิร์ดของคู่แข่ง
อีกทั้ง หนึ่งในโปรแกรมที่ใช้ทำ SEO ของเว็บไซต์อย่าง Screaming Frog ก็มีแนวโน้มว่าจะเปิดตัวเวอร์ชันใหม่ ทั้งในแง่การรวบรวม Insight และปรับปรุงแก้ไข SEO ให้มีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม แต่จะออกมาในรูปแบบไหนนั้นคงต้องติดตามกันต่อไป
นอกจากนี้ ยังคาดการณ์ว่า Search Generative Experience (SGE) ซึ่งเป็นฟีเจอร์ใหม่ของ Google Search จะเข้ามามีบทบาทสำคัญต่อการทำ SEO ในปีหน้าด้วยเช่นกัน โดยจุดเด่นของฟีเจอร์นี้คือการผสมผสานระหว่างการ Search กับ Generative AI โดย Google’s SGE จะช่วยตอบคำถามเวลาที่ผู้ใช้ค้นหาข้อมูล โดยที่คำตอบจะแสดงผลบริเวณด้านล่างของกล่องค้นหาให้ผู้ใช้เห็นเป็นลำดับแรก ก่อนที่จะตามมาด้วยเว็บไซต์ในลำดับถัด ๆ ไป นั่นจึงเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมธุรกิจต่าง ๆ รวมถึงเอเจนซีทำ SEO จึงควรเตรียมตัวให้พร้อม ทั้งในแง่ของการปรับปรุงคุณภาพเนื้อหา ประสิทธิภาพเว็บไซต์ หรือแม้แต่ความน่าเชื่อถือของข้อมูล เพื่อให้ยังสามารถดึงดูดยอด Traffic จากผู้ใช้งาน แม้เว็บไซต์จะแสดงผลถัดจากคำตอบของ Google’s SGE อีกทีก็ตาม
อย่างไรก็ดี ถึงแม้จะดูเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ แต่ถ้าหากคุณเป็นนักทำ SEO หรือ เอเจนซีรับทำ SEO ก็ไม่ต้องกังวลจนเกินไปนัก เนื่องจาก Google’s SGE ยังไม่ได้เปิดตัวอย่างเป็นทางการและจำกัดการใช้งานอยู่แค่ในสหรัฐอเมริกา อีกทั้งความสามารถในการให้คำตอบกับผู้ใช้งานก็ยังไม่ครบถ้วน และยังไม่สามารถตอบคำถามที่ซับซ้อนและลึกซึ้งได้ ทำให้การทำ SEO ยังคงมีบทบาทสำคัญและเป็นหนทางเติบโตของธุรกิจในระยะยาวในปีที่จะถึงนี้อยู่
ทั้งนี้ การทำ SEO ไม่ใช่ว่าใครทำแล้วก็ได้ผลเสมอไป เพราะหลาย ๆ กระบวนการต้องอาศัยความเชี่ยวชาญจากผู้ที่มีประสบการณ์โดยตรง ดังนั้น ธุรกิจจำนวนมากจึงนิยมใช้บริการจากเอเจนซีรับทำ SEO เนื่องจากการันตีผลลัพธ์ได้มากกว่า ทั้งยังประหยัดต้นทุนและเวลา มากกว่าการทำเองอีกด้วย
สรุป
จะเห็นได้เลยว่า ในวงการตลาดดิจิทัลมีอะไรใหม่ ๆ ออกมาให้ได้ติดตามอยู่เสมอ หากคุณต้องการลงทุนกับเทรนด์ใหม่ ๆ หรือปรับแผนธุรกิจให้ตอบโจทย์ตลาดในปี 2024 การมองหาเอเจนซีเพื่อให้คำแนะนำ ก็เป็นทางเลือกที่ดีไม่น้อย แต่ก็ควรเลือกเอเจนซีที่มีชื่อเสียงและเชื่อถือได้ในวงการ มีผลตอบรับเชิงบวกจากลูกค้า และที่สำคัญมีผลลัพธ์การทำงานที่สามารถพิสูจน์ได้ เช่น หากจะทำ SEO ก็ควรเลือกเอเจนซีรับทำ SEO ที่เว็บไซต์บริษัทติดอันดับในคีย์เวิร์ดเกี่ยวกับ SEO มีรางวัลจากสถาบันการันตี และมีทีม In-House ที่เชี่ยวชาญเฉพาะด้าน เพียงเท่านี้ ก็จะช่วยผลักดันให้ธุรกิจของเราไปถึงจุดมุ่งหมายที่วางไว้ได้แล้ว