จับตา! 'SINO' ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจรรายใหญ่ ที่กำลังจะ IPO
จับตา! 'SINO' ผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจรรายใหญ่ ที่กำลังจะ IPO
SINO x ลงทุนแมน
SINO x ลงทุนแมน
ไทย ถือเป็นประเทศที่มีการส่งออกสินค้ามากที่สุดเป็นอันดับต้น ๆ ของอาเซียน
จากการมี Open Economy หรือระบบเศรษฐกิจแบบเปิด ที่มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศสูง เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ภาคการส่งออกและโลจิสติกส์เป็นเซคเตอร์ที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งเป็นรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
จากการมี Open Economy หรือระบบเศรษฐกิจแบบเปิด ที่มีมูลค่าการซื้อขายสินค้าระหว่างประเทศสูง เมื่อเทียบกับเศรษฐกิจในภาพรวม ทำให้ภาคการส่งออกและโลจิสติกส์เป็นเซคเตอร์ที่มีส่วนสำคัญต่อเศรษฐกิจไทย โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าทางทะเล ซึ่งเป็นรูปแบบการขนส่งระหว่างประเทศที่ได้รับความนิยมมากที่สุด
เร็ว ๆ นี้ ก็กำลังจะมีผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจรรายใหญ่ เข้า IPO ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นบริษัทสัญชาติไทยที่มีปริมาณการขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางไทย-สหรัฐอเมริกา สูงสุดเป็นอันดับ 1 และอยู่ในอันดับ TOP 5 ของโลก จากการจัดอันดับของ Datamyne
บริษัทนี้ มีความน่าสนใจอย่างไร ธุรกิจโลจิสติกส์ระหว่างประเทศยังมีโอกาสเติบโตหรือไม่?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
บมจ.ไซโน โลจิสติกส์ คอร์ปอเรชั่น (SINO) เป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์ระหว่างประเทศอย่างครบวงจร
ครอบคลุมตั้งแต่การให้บริการจัดการขนส่งสินค้า (Freight Forwarder) ทั้งทางทะเล ทางอากาศ และทางบก รวมถึงบริการให้เช่าคลังสินค้า การให้บริการด้านพิธีศุลกากร และบริการสนับสนุนอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง
ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก (End-to-End Global Logistics) ภายใต้วิชันที่มุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ดีที่สุด และมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้านการบริการด้านโลจิสติกส์ระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)
ตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางทั่วโลก (End-to-End Global Logistics) ภายใต้วิชันที่มุ่งมั่นในการเป็นผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ที่ดีที่สุด และมุ่งสู่เป้าหมายในการเป็นผู้นำทางด้านการบริการด้านโลจิสติกส์ระดับเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ (ASEAN)
โดยการทำธุรกิจเป็น Freight Forwarder หรือตัวแทนที่ให้บริการจัดการขนส่งสินค้านั้นเท่ากับว่า SINO ไม่ต้องถือครองสินทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นเรือขนส่งสินค้า หรือเครื่องบิน ทำให้บริษัทฯ สามารถลงทุนกับบุคลากรและเทคโนโลยีได้อย่างเต็มที่ เห็นได้จากการนำเทคโนโลยีเข้ามาเพิ่มประสิทธิภาพในห่วงโซ่อุปทานอย่างต่อเนื่อง อาทิ ระบบ WMS (Warehouse Management System) ซึ่งเป็นโปรแกรมเกี่ยวกับกระบวนการในคลังสินค้า ที่ช่วยเรื่องความรวดเร็ว ความถูกต้อง และทำให้ตรวจสอบข้อมูลสินค้าได้อย่างแม่นยำ
ปัจจุบัน SINO มีเครือข่ายและพันธมิตรที่เป็นตัวแทนของบริษัทฯ ในกว่า 165 ประเทศ ทั้งบริษัทเดินเรือ สายการบิน และตัวแทนการจัดการขนส่งในประเทศต่าง ๆ ให้บริการขนส่งสินค้าในเส้นทางกว่า 100 ประเทศทั่วโลก
โดยมีเส้นทางไทย-อเมริกาเหนือ ไทย-เอเชีย และไทย-ยุโรป เป็นตลาดหลัก ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นเส้นทางการส่งออกและนำเข้าสินค้าหลักของการค้าโลก ทั้งในรูปแบบการขนส่งแบบเต็มตู้ (Full Container Load: FCL) และแบบไม่เต็มตู้ (Less Than Container Load: LCL)
โดยเฉพาะโซนอเมริกาเหนือ ซึ่งบริษัทฯ ได้รับ OTI License (Ocean Transport Intermediary) หรือใบอนุญาตในการจัดส่งสินค้า จาก Federal Maritime Commission (FMC) หน่วยงานที่ดูแลการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศของสหรัฐอเมริกา และได้วางหลักประกัน FMC Bond ซึ่งเป็นข้อกำหนดของผู้ให้บริการที่จะขนส่งสินค้าทางทะเลไปยังสหรัฐอเมริกา ทำให้บริษัทฯ สามารถทำสัญญากับพันธมิตรสายเดินเรือ ในการขนส่งสินค้าไปยังกลุ่มประเทศโซนดังกล่าวได้ด้วยตนเอง
ขณะเดียวกัน ยังเข้าร่วมเป็นสมาชิกของเครือข่ายเกี่ยวกับการขนส่งทางทะเล ทั้ง PPL Network, WCA Inter Global และ X2 Logistics รวมทั้งเป็นสมาชิกสมาคมต่าง ๆ เช่น สมาคมผู้รับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศ (TIFFA) ส่งผลให้ SINO สามารถรับจัดการขนส่งสินค้าได้ครอบคลุมทั่วโลก และมีข้อได้เปรียบที่เหนือกว่าคู่แข่งหลายราย
อย่างไรก็ตาม ไม่เพียงการมีพันธมิตรทางธุรกิจ แต่การรับจัดการขนส่งนั้น ต้องอาศัยความเข้าใจและความชำนาญเป็นอย่างมาก
ซึ่งด้วยประสบการณ์ของทีมผู้บริหารที่อยู่ในวงการโลจิสติกส์มากว่า 25 ปี ทำให้เข้าใจภาพรวมและรายละเอียดในทุกกระบวนการของห่วงโซ่อุปทานการขนส่ง และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ SINO ตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้เป็นอย่างดีตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา
สำหรับผลการดำเนินงานของ SINO
ปี 2563 มีรายได้รวม 840.22 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้รวม 4,684.88 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้รวม 5,930.59 ล้านบาท
และล่าสุด ในงวดไตรมาส 1 ของปีนี้ มีรายได้รวม 435.94 ล้านบาท
ปี 2563 มีรายได้รวม 840.22 ล้านบาท
ปี 2564 มีรายได้รวม 4,684.88 ล้านบาท
ปี 2565 มีรายได้รวม 5,930.59 ล้านบาท
และล่าสุด ในงวดไตรมาส 1 ของปีนี้ มีรายได้รวม 435.94 ล้านบาท
โดยส่วนใหญ่ก็เป็นรายได้จากการให้บริการรับจัดการขนส่งสินค้าระหว่างประเทศทางทะเล
ซึ่งการเติบโตของรายได้ในแต่ละปีนั้น มาจากการเติบโตของอุปทานในการขนส่งระหว่างประเทศ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้าขาออก ที่มีฐานลูกค้าและปริมาณการขนส่งขยายตัว สอดคล้องกับข้อมูลกระทรวงพาณิชย์ที่ระบุว่า การส่งออกของไทย ยังคงขยายตัวอย่างต่อเนื่อง จากการนำเข้าของประเทศคู่ค้า และอุปสงค์ของสินค้าประเภทต่าง ๆ รวมถึงการเติบโตของการค้าบนแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่ทำให้ผู้ประกอบการไทยมีโอกาสในการขยายตลาดไปยังต่างประเทศอีกด้วย
อ่านมาถึงตรงนี้ คงพอเห็นภาพว่า การทำธุรกิจให้บริการโลจิสติกส์นั้น เต็มไปด้วยรายละเอียด และขั้นตอนระหว่างทาง โดยเฉพาะการขนส่งระหว่างประเทศ ที่ต้องอยู่ภายใต้กฎระเบียบและข้อบังคับที่แตกต่างกัน
ซึ่ง SINO ก็สามารถก้าวผ่านความท้าทาย จนกระทั่ง เป็นหนึ่งในบริษัทโลจิสติกส์รายใหญ่ของเส้นทางหลักระดับโลก และกำลังจะเข้ามาเป็นหุ้นโลจิสติกส์ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย
โดยนักลงทุนที่สนใจสามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=463705
https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSEQ01.aspx?TransID=463705
คำเตือน การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
Reference:
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ SINO ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th
- ร่างแบบแสดงรายการข้อมูลการเสนอขายหลักทรัพย์และหนังสือชี้ชวนฉบับเต็มของ SINO ซึ่งได้ยื่นต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ที่ www.sec.or.th