เนเธอร์แลนด์ ประเทศที่เกษตรกร เป็นคนรวย

เนเธอร์แลนด์ ประเทศที่เกษตรกร เป็นคนรวย

เนเธอร์แลนด์ ประเทศที่เกษตรกร เป็นคนรวย /โดย ลงทุนแมน
“ทำเกษตรกรรม ไม่มีวันรวย” คำพูดแบบนี้ เราคงได้ยินอยู่บ่อยครั้ง เพราะการทำเกษตรกรรม ต้องเจอกับความเสี่ยงและความไม่แน่นอนสูง
ตรงข้ามกับ เนเธอร์แลนด์ ที่มีคนมีทรัพย์สินมากกว่า 34 ล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 20% ของประเทศ มาจากภาคเกษตรกรรม
ทั้งที่มีพื้นที่กว่า 1 ใน 3 อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล และมีพื้นที่ใหญ่กว่านครราชสีมา ซึ่งเป็นจังหวัดใหญ่สุดของไทยแค่ 2 เท่า
ที่น่าตกใจกว่าคือ ก่อนจะมาถึงจุดนี้ได้ เนเธอร์แลนด์เคยอดอยาก และไม่มีอะไรจะกินในช่วงเวลาหนึ่งเลยทีเดียว..
แล้วเพราะอะไรกัน คนดัตช์ ถึงสร้างความมั่งคั่งจากเกษตรกรรมได้ ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ในช่วงแรก การทำเกษตรกรรมของเนเธอร์แลนด์ ยังเป็นฟาร์มที่ทำทุกอย่างในที่เดียว
ตั้งแต่เลี้ยงสัตว์ไปจนถึงปลูกพืชต่าง ๆ ซึ่งเพียงพอสำหรับการบริโภคภายในประเทศเท่านั้น
อีกทั้งยังเป็นฟาร์มขนาดเล็ก ที่กระจัดกระจายกันทั่วประเทศ ทำให้เทคโนโลยีและนวัตกรรมการทำเกษตรกรรมยังไม่คุ้มค่าในการลงทุน
เวลาผ่านไป จนกระทั่งเกิดสงครามโลกครั้งที่สอง..
เนเธอร์แลนด์เสียหายอย่างหนัก จากการเป็นสมรภูมิรบในช่วงสงคราม
ผลกระทบหนักที่สุดก็คือ การขาดแคลนอาหาร จนมีคนเสียชีวิตมากถึง 20,000 กว่าคน
เรื่องนี้ เลยทำให้เนเธอร์แลนด์ให้ความสำคัญกับปัญหานี้มากขึ้น ซึ่งผู้นำในการปฏิวัติวงการอาหาร ก็คือชายที่มีชื่อว่า Sicco Mansholt
Sicco เป็นรัฐมนตรีกระทรวงเกษตรของเนเธอร์แลนด์ ในช่วงปี 1946 ซึ่งเขาได้ทำหลายอย่าง เพื่อให้มั่นใจได้ว่า เนเธอร์แลนด์จะไม่เจอกับปัญหาความอดอยากอีกต่อไป
ตัวอย่างนโยบาย ก็เช่น “การเพิ่มขนาดพื้นที่ในการทำเกษตรกรรม”
Sicco รู้ดีว่า ปัญหาพื้นที่เกษตรกรรมที่เล็ก ทำให้แต่ละฟาร์มไม่สามารถผลิตได้เป็นจำนวนมาก และการลงทุนผลิตแต่ละครั้ง ก็ใช้ต้นทุนที่สูงมากเกินไป
รัฐบาลเนเธอร์แลนด์ จึงออกนโยบายปรับปรุงการใช้ที่ดิน เช่น การรวมพื้นที่สำหรับทำการเกษตรที่กระจัดกระจาย ให้อยู่ในโซนเดียวกัน
อีกนโยบายหนึ่ง คือ “กระตุ้นให้เกษตรกรคิดค้นนวัตกรรมใหม่ ๆ”
ในปี 1951 มีการออกกองทุนรับประกันเงินกู้เกษตรกร เพื่อสนับสนุนให้เกษตรกรรุ่นใหม่กล้าลงทุน เพื่อเพิ่มผลผลิตต่อไร่ให้สูงขึ้น
เงินทุนที่ว่านี้ จะมาจากธนาคารที่เข้าร่วมในโครงการ จากนั้นกองทุนจะนำเงินมาให้เกษตรกรอีกทอดหนึ่ง ซึ่งก็จะมีการคัดเลือก และติดตามผลงานของเกษตรกรเหล่านี้อย่างต่อเนื่อง
จากทั้งสองนโยบายนี้ ทำให้เกษตรกรในประเทศสามารถลงทุนและต่อยอดผลผลิตของตัวเองได้ โดยไม่ต้องกังวลเรื่องความเสี่ยงที่จะขาดทุน
แต่ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีอีกสามเรื่อง ที่ทำให้เกษตรกรในเนเธอร์แลนด์ สามารถสร้างความมั่งคั่งของตัวเองได้อย่างต่อเนื่อง
เรื่องแรกเลย คือ “การรวมกลุ่มของเกษตรกรในประเทศ”
ต้องบอกอย่างนี้ว่า เกษตรกรของเนเธอร์แลนด์มีการรวมกลุ่มเป็นสหกรณ์มานานแล้ว เพื่อแลกเปลี่ยนความรู้ และเพิ่มอำนาจต่อรองให้กับตัวเองเวลาขายผลผลิต
พอเป็นแบบนี้ เลยทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีมาตรฐานเดียวกันในทุกสินค้า และหากมีปัญหา ก็มีอำนาจต่อรองกับภาครัฐที่สูงอีกด้วย
นอกจากนี้ ยังสามารถคิดค้นระบบเครดิตให้กู้ยืมสำหรับทำการเกษตร จนเกิดมาเป็น Rabobank ซึ่งเป็นธนาคารที่เป็นแหล่งเงินสำคัญของเกษตรกรในประเทศ
เรื่องต่อมา คือ “มีท่าเรือที่ใหญ่สุดของยุโรป”
เนเธอร์แลนด์ มีท่าเรือรอตเตอร์ดัม ซึ่งเป็นท่าเรือสำคัญของยุโรป เพราะเป็นแหล่งระบายทั้งสินค้าส่งออกและนำเข้า อันดับ 1 ของยุโรป
เรื่องนี้เอง ทำให้เกษตรกรของเนเธอร์แลนด์ สามารถส่งผลผลิตออกสู่ตลาดโลกได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสามารถส่งออกผลผลิตทางการเกษตรไปยังประเทศอื่น ๆ ในยุโรปได้อีกด้วย
และเรื่องสุดท้าย คือ “การมีนิคมอุตสาหกรรมอาหาร”
รู้ไหมว่า เนเธอร์แลนด์มีการก่อตั้ง Food Valley หรือนิคมอุตสาหกรรมอาหาร ซึ่งมีทั้งโรงงาน บริษัท และศูนย์วิจัยด้านวิทยาศาสตร์อยู่ในที่เดียวกัน
โดยเฉพาะมหาวิทยาลัย Wageningen ที่โดดเด่นด้านการวิจัยเกษตรกรรม อันดับ 1 ของโลก
ยิ่งทำให้นวัตกรรมด้านการเกษตรของเนเธอร์แลนด์พัฒนาอย่างต่อเนื่อง และมีความได้เปรียบเหนือประเทศอื่น
พูดให้เห็นภาพ เช่น เพื่อให้ได้มะเขือเทศ 1 กิโลกรัม เกษตรกรของเนเธอร์แลนด์ ใช้น้ำเพียง 4 ลิตร แต่เกษตรกรทั่วโลก ใช้น้ำมากถึง 214 ลิตร
เรียกได้ว่า เนเธอร์แลนด์ทำน้อย แต่ได้มาก
เพราะสามารถใช้ทรัพยากรได้อย่างคุ้มค่า
อ่านมาถึงตรงนี้ คงไม่แปลกใจว่า ทำไมคนรวยที่มีทรัพย์สินมากกว่า 34 ล้านบาท ส่วนใหญ่กว่า 20% ของประเทศ มาจากภาคเกษตรกรรม
ซึ่งก็มาจากการส่งเสริมของภาครัฐ เกษตรกรมีอำนาจต่อรองสูง และการต่อยอดด้านวิทยาศาสตร์ เพื่อพัฒนาเทคนิคให้ได้ผลผลิตที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ซึ่งจุดตั้งต้นของเรื่องนี้ ก็เพื่อผลิตอาหารให้พอเลี้ยงคนในประเทศเท่านั้น
แต่ปัจจุบัน เนเธอร์แลนด์ ได้กลายเป็นผู้ส่งออกสินค้าเกษตร มูลค่ามากเป็นอันดับต้น ๆ ของโลก
จนสามารถสร้างคนให้ร่ำรวยได้ จากการขายผลผลิตทางการเกษตร..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://medium.com/the-global-millennial/how-the-netherlands-is-the-worlds-second-largest-food-exporter
-https://qrius.com/agriculture-boom-netherland
-https://www.washingtonpost.com/business/interactive/2022/netherlands-agriculture-technolog
-https://www.nationalgeographic.com/magazine/article/holland-agriculture-sustainable-farming
-https://www.britannica.com/place/Netherlands/Dutch-civilization-in-the-Golden-Age
-https://www.youtube.com/watch
-https://www.statista.com/statistics/761722/distribution-of-millionaires-in-the-netherlands
-https://edepot.wur.nl/400417
-https://en.wikipedia.org/wiki/Economy_of_the_Netherlands
-https://www.cbs.nl/en-gb/figures/detail/7425eng?dl=6C56E
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon