Matsumoto Kiyoshi จากร้านยาเล็ก ๆ ในชิบะ สู่แบรนด์ร้านยา 200,000 ล้าน /โดย ลงทุนแมน
หากพูดถึงแบรนด์ร้านขายยา ร้านเพื่อสุขภาพและความงาม หลายคนคงนึกถึง Boots หรือ Watsons

แต่หลายปีมานี้ ก็มีแบรนด์จากประเทศญี่ปุ่น ได้เข้ามาทำตลาดในไทยเหมือนกัน

โดยแบรนด์ที่เรากำลังพูดถึงนั้น มีการตกแต่งร้าน ด้วยโทนสีเหลือง-น้ำเงิน มีชื่อร้านว่า “Matsumoto Kiyoshi”

วันนี้เรามาดูกันว่า Matsumoto Kiyoshi มีความเป็นมาอย่างไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปในปี 1932 หรือเมื่อ 91 ปีที่แล้ว คุณ Matsumoto Kiyoshi ได้ตัดสินใจเปิดร้านขายยาเล็ก ๆ ในจังหวัดชิบะ

ซึ่งที่มาของไอเดียนี้ ก็มาจากการที่เขามองเห็นโอกาสทางธุรกิจว่าตามบริเวณแนวเส้นทางรถไฟ จะมีผู้คนสัญจรไปมาพลุกพล่าน แต่แทบไม่มีร้านขายยาตั้งอยู่เลย

คุณ Matsumoto Kiyoshi จึงได้นำหลักการบริหารร้านขายยา ที่เขาประทับใจเมื่อครั้งเดินทางไปสหรัฐอเมริกา มาลองประยุกต์ใช้กับตลาดประเทศญี่ปุ่น

โดยเขาได้วางรากฐานไว้ 2 เรื่องหลัก คือ

- การเอาใจใส่ลูกค้า
- การจำหน่ายสินค้าคุณภาพดี

โดยจะมีการตั้งราคาไม่แพงจนเกินไป หรือในบางครั้งก็จะมีโปรโมชันส่วนลดพิเศษ

ในช่วงแรก หากลูกค้าเข้ามาในร้าน แต่ไม่มีสินค้าตามที่ลูกค้าต้องการ คุณ Matsumoto Kiyoshi ก็จะรีบออกไปหาซื้อจากร้านอื่น

นั่นก็เป็นจุดที่ทำให้ร้านเริ่มมีชื่อเสียงในเรื่องการบริการขึ้นเรื่อย ๆ จนร้านของเขาสามารถขยายสาขา และก่อตั้งเป็นบริษัท Matsumoto Kiyoshi ได้ในที่สุด

ต่อมาในปี 1987 คุณ Matsumoto Kiyoshi ตัดสินใจเปลี่ยนการตกแต่งหน้าร้านขึ้นใหม่

เพราะก่อนหน้านี้ ร้านขายยาในญี่ปุ่นมักถูกมองว่ามีบรรยากาศมืด ๆ ไม่น่าเดินเข้าไป

โดยคุณ Matsumoto Kiyoshi ได้ใช้โทนสีเหลือง-น้ำเงิน บวกกับการจัดแสงไฟให้สว่างสดใส เพื่อให้ร้านดูน่าดึงดูดมากขึ้น

อีกทั้งยังเพิ่มผลิตภัณฑ์ประเภทอื่น ๆ เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในด้านสุขภาพ และความงามแบบครบวงจร

และยังเป็นหนึ่งในร้านที่บุกเบิกการบริการให้มีพนักงานคอยแนะนำ พร้อมวางสินค้าตัวอย่างไว้ให้ทดลองใช้

จากกลยุทธ์การบริหารกิจการที่แตกต่าง Matsumoto Kiyoshi ก็ได้ก้าวขึ้นมาเป็นร้านขายยา และร้านเพื่อสุขภาพและความงาม ชั้นนำของญี่ปุ่น

โดยมียอดขายทะลุ 100,000 ล้านเยน หรือราว 25,000 ล้านบาท ได้สำเร็จในปี 1995

หลังจากนั้น พอเข้าสู่ทศวรรษ 2000 บริษัทได้หันมาเน้นกลยุทธ์ขยายธุรกิจผ่านโมเดลแฟรนไชส์

ทำให้มีจำนวนสาขาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในภูมิภาคต่าง ๆ ของญี่ปุ่น

รวมไปถึงการขยายธุรกิจในตลาดต่างประเทศ ซึ่งแห่งแรกก็คือ “กรุงเทพมหานคร” ในบ้านเราอีกด้วย

แล้ว Matsumoto Kiyoshi เข้ามารุกตลาดประเทศไทย ตั้งแต่เมื่อไร ?

Matsumoto Kiyoshi ได้เข้ามาร่วมทุนกับบริษัท เซ็นทรัล ฟู้ด รีเทล จำกัด เจ้าของกิจการ Tops Supermarket จัดตั้งบริษัท เซ็นทรัล และ มัทสึโมโตะ คิโยชิ จำกัด ตั้งแต่ปี 2015 หรือราว 8 ปีก่อน

จึงไม่แปลก ที่เรามักจะเห็นร้านสัญชาติญี่ปุ่นแบรนด์นี้ ตามห้างเซ็นทรัล

โดย Matsumoto Kiyoshi ได้เปิดสาขาแรกที่ศูนย์การค้าเซ็นทรัล ลาดพร้าว

ก่อนที่จะขยายไปอีกหลายพื้นที่ จนปัจจุบันมีสาขาในไทยทั้งหมด 32 แห่ง

หลังจากรุกตลาดประเทศไทยแล้ว Matsumoto Kiyoshi ก็ได้ขยายสาขาไปในประเทศเวียดนาม ไต้หวัน และฮ่องกง อีกด้วย

และในปี 2021 อีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญของบริษัทก็ได้เกิดขึ้น เมื่อ Matsumoto Kiyoshi ได้เจรจาควบรวมกิจการกับคู่แข่ง ชื่อว่า Cocokara Fine กลายเป็นบริษัทใหม่ชื่อว่า “MatsukiyoCocokara & Co.”

โดยก่อนหน้านี้ ในอุตสาหกรรมร้านขายยา และร้านเพื่อสุขภาพและความงาม ของญี่ปุ่น

- Matsumoto Kiyoshi มียอดขายสูงเป็นอันดับ 5
- Cocokara Fine มียอดขายสูงเป็นอันดับ 7

พอทั้งคู่ควบรวมกิจการกัน MatsukiyoCocokara & Co. จึงขึ้นมาเป็นแบรนด์ ที่มียอดขายสูงสุดในอุตสาหกรรมทันที และมีจำนวนสาขารวมกันทั้งหมด 3,325 แห่ง

ในขณะที่ผู้เล่นรายอื่น อย่างเช่น Welcia, Tsuruha, Cosmos, Sundrug มีสาขาอยู่ รายละ 1,000 ถึง 2,000 แห่งเท่านั้น

ปัจจุบัน MatsukiyoCocokara & Co. จดทะเบียนอยู่ในตลาดหลักทรัพย์โตเกียว มีมูลค่าบริษัทราว 227,000 ล้านบาท มีสาขาทั้งหมด 3,393 แห่ง

ผลประกอบการที่ผ่านมาของบริษัท

ปี 2019 รายได้ 150,000 ล้านบาท กำไร 6,600 ล้านบาท
ปี 2020 รายได้ 141,000 ล้านบาท กำไร 5,400 ล้านบาท
ปี 2021 รายได้ 185,000 ล้านบาท กำไร 8,800 ล้านบาท

โดยหลังจากการควบรวมกิจการ บริษัทก็มีทั้งรายได้และกำไรเติบโตสูงขึ้นในทันที และคาดว่าในปี 2022 รายได้จะเพิ่มขึ้นเป็น 240,000 ล้านบาท เลยทีเดียว

จากเรื่องราวนี้จะเห็นได้ว่า แม้ธุรกิจของ Matsumoto Kiyoshi เริ่มต้นมาจากการเป็นร้านขายยา เหมือนกับผู้เล่นรายอื่น ๆ ที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปในท้องตลาด

แต่สิ่งที่ทำให้ Matsumoto Kiyoshi แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่นได้ ก็จะเป็นเรื่องของการบริการ และความชัดเจนของแบรนด์

อย่างในกรณีนี้ ก็คือฉีกกฎออกไปเลย จากเดิมร้านขายยาทั้งหมดจะมืดและทึบ แต่ Matsumoto Kiyoshi กล้าพอที่จะนำเสนอว่าสีโทนเหลือง-น้ำเงิน และร้านที่สว่างสดใส ก็เป็นแบรนด์ร้านขายยาได้เหมือนกัน

สะท้อนให้เห็นว่าในบางครั้ง นอกจากเราจะให้ความสำคัญกับคุณภาพของสินค้าแล้ว การบริการ และความชัดเจนของแบรนด์ ก็ถือเป็นอาวุธสำคัญไม่แพ้กัน

ซึ่ง Matsumoto Kiyoshi ที่ได้เน้นในจุดนี้ ก็ได้สร้างการเติบโตให้ร้านขายยาเล็ก ๆ กลายมาเป็นแบรนด์ร้านขายยา ที่ทำธุรกิจมาเกือบ 100 ปี และมีมูลค่า ระดับแสนล้านบาท..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://www.matsukiyococokara.com/en/sustainability/integrated_report/archive/matsukiyo/pdf/info/info_20e.pdf
-https://ssl4.eir-parts.net/doc/3088/ir_material_for_fiscal_ym4/118240/00.pdf
-https://www.ryt9.com/en/prg/173565
-https://www.reuters.com/article/cocokara-fine-ma-matsumotokiyoshi-idUKL4N25A12C
-http://www.abe-law.com/wp/wp-content/uploads/2021/03/Drugstores-March-26PW.pdf
-https://finance.yahoo.com/quote/3088.T/