AWS ระบบคลาวด์ของ Amazon ที่เป็นกระดูกสันหลัง องค์กรทั่วโลก

AWS ระบบคลาวด์ของ Amazon ที่เป็นกระดูกสันหลัง องค์กรทั่วโลก

AWS ระบบคลาวด์ของ Amazon ที่เป็นกระดูกสันหลัง องค์กรทั่วโลก /โดย ลงทุนแมน
ในปัจจุบัน Amazon นับเป็น 1 ใน 5 บริษัท ที่มีมูลค่าเกิน 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 36 ล้านล้านบาท ซึ่งหลายคนคงมองว่าความสำเร็จของ Amazon เกิดมาจากการเป็นผู้นำในตลาดแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซของโลก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว Amazon ยังมีอีกธุรกิจหนึ่งที่กำลังเติบโตอย่างรวดเร็ว
และยังเป็นธุรกิจเครื่องจักรผลิตกำไร ที่สามารถทำกำไรได้มากกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซเสียอีก
นั่นก็คือ ธุรกิจคลาวด์ ที่ชื่อว่า Amazon Web Services หรือ “AWS”
รู้ไหมว่า ถ้าเราแยก AWS ออกมาเป็นอีกบริษัทหนึ่ง
บริษัทนี้อาจมีศักยภาพที่จะเติบโต จนมีมูลค่าไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ได้เช่นกัน
แล้วมันเพราะอะไร
AWS ถึงมีมูลค่ามหาศาลซ่อนอยู่ ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ย้อนกลับไปเมื่อต้นทศวรรษ 2000s บริษัท Amazon.com ที่อยู่ในช่วงการขยายธุรกิจอีคอมเมิร์ซ ได้ประสบปัญหาเรื่องระบบฐานข้อมูล สำหรับรองรับปริมาณการซื้อขายสินค้า และจำนวนผู้ประกอบการบนเว็บไซต์ ที่เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
บริษัทจึงตัดสินใจ หันมาพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน ที่ใช้ในการประมวลผล และจัดเก็บข้อมูลบนอินเทอร์เน็ต หรือ ระบบคลาวด์ ขึ้นมาเอง เพื่อรองรับการเติบโตของธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
แต่ต่อมา Amazon เล็งเห็นว่าระบบคลาวด์น่าจะมีศักยภาพ สามารถนำมาให้บริการกับธุรกิจออนไลน์ประเภทอื่น ๆ ได้อีกมากมาย นอกเหนือจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซ
จึงนำไปสู่การก่อตั้งหน่วยธุรกิจ “Amazon Web Services” เปิดให้บริการในปี 2006 หรือราว 16 ปีก่อน โดยมีคุณ Andy Jassy ซีอีโอของ Amazon คนปัจจุบัน เป็นผู้บริหารธุรกิจคลาวด์มาตั้งแต่ยุคบุกเบิก
เมื่อเวลาผ่านไป การเติบโตของโลกออนไลน์ ก็ทำให้ความต้องการใช้บริการคลาวด์ของ AWS เพิ่มขึ้นตามไปด้วย
เพราะลูกค้าสามารถเข้าถึงระบบจัดเก็บข้อมูลได้โดยไม่ต้องลงทุนเอง เพียงแค่จ่ายค่าบริการให้แก่ AWS เท่านั้น
ทำให้ AWS เป็นรากฐานสำคัญของธุรกิจอินเทอร์เน็ต และมีแพลตฟอร์มหลายรายสมัครเข้าใช้บริการ
ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Netflix, Twitter, Twitch, LinkedIn, Adobe, Airbnb, Spotify, Slack และ Xiaomi
ในปัจจุบัน อุตสาหกรรมคลาวด์ทั่วโลก มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 6.5 ล้านล้านบาท ซึ่งการที่ AWS บุกเบิกธุรกิจคลาวด์มาก่อน ทำให้สามารถครองส่วนแบ่งในตลาดเหนือกว่าคู่แข่งอย่าง Microsoft และ Google รวมกันเสียอีก
ส่วนแบ่งในตลาดบริการคลาวด์
อันดับ 1 Amazon Web Services ส่วนแบ่ง 33%
อันดับ 2 Microsoft Azure ส่วนแบ่ง 21%
อันดับ 3 Google Cloud ส่วนแบ่ง 10%
ทีนี้ เรามาลองดูผลประกอบการของธุรกิจ AWS กันบ้าง ?
ในปี 2021 บริษัท Amazon มีรายได้รวมอยู่ที่ 17.0 ล้านล้านบาท ซึ่งมาจาก
- ธุรกิจในอเมริกาเหนือ รายได้ 10.1 ล้านล้านบาท
- ธุรกิจในต่างประเทศ รายได้ 4.6 ล้านล้านบาท
- ธุรกิจ AWS รายได้ 2.2 ล้านล้านบาท
ส่วนผลกำไรและขาดทุนจากการดำเนินงาน รวมอยู่ที่ 9.6 แสนล้านบาท แบ่งเป็น
- ธุรกิจในอเมริกาเหนือ กำไร 2.6 แสนล้านบาท
- ธุรกิจในต่างประเทศ ขาดทุน 0.3 แสนล้านบาท
- ธุรกิจ AWS กำไร 6.7 แสนล้านบาท
จะเห็นได้อย่างชัดเจนว่า แม้ธุรกิจอีคอมเมิร์ซทั้งในอเมริกาเหนือและต่างประเทศ ยังเป็นสัดส่วนรายได้หลักกว่า 87% ของบริษัท แต่จากการที่มีคู่แข่งเข้ามาสู่ตลาดมากขึ้น ทำให้อัตรากำไรค่อนข้างต่ำ หรือกระทั่งขาดทุน
ในขณะที่ธุรกิจ AWS ซึ่งมีสัดส่วนรายได้แค่ราว 13%
แต่กลับสามารถทำกำไรได้สูงมาก จนคิดเป็นสัดส่วน 3 ใน 4 ของกำไรทั้งบริษัท เลยทีเดียว
เมื่อเป็นเช่นนี้ คำถามต่อมาคือ ธุรกิจ AWS ควรมีมูลค่าเท่าไร ?
ถ้าสมมติให้ธุรกิจ AWS แยกตัวออกมาเป็นบริษัท
โดยคาดการณ์อัตราส่วนมูลค่าบริษัทต่อกำไร หรือ P/E ไว้ที่ประมาณ 20 เท่า
ซึ่งไม่มากไม่น้อยจนเกินไป สำหรับธุรกิจที่เติบโตถึง 37% ในปีที่ผ่านมา และยังเป็นเมกะเทรนด์สำคัญของโลก
เท่ากับว่าบริษัท AWS แห่งนี้ จะมีมูลค่ามากถึง 3.7 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือราว 13.4 ล้านล้านบาท
ซึ่งนับเป็นบริษัทขนาดใหญ่อันดับที่ 16 ของโลก เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม ทาง Amazon ยังไม่ได้มีแผนที่จะแยกธุรกิจ AWS ออกมาเป็นบริษัทในเร็ว ๆ นี้
แต่ด้วยพื้นฐานอันแข็งแกร่งของบริการคลาวด์ ก็น่าจะก้าวขึ้นมามีความสำคัญต่อผลประกอบการ และมูลค่าของบริษัท Amazon มากขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าธุรกิจอีคอมเมิร์ซเลย
ในตอนนี้เมื่อพูดถึงชื่อของ Amazon คนส่วนใหญ่อาจมีภาพจำเป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซรายใหญ่
แต่สำหรับลงทุนแมนแล้ว
ภาพจำของ Amazon คือมีกำไรหลักมาจากธุรกิจคลาวด์ และมีอีคอมเมิร์ซเป็นธุรกิจเสริม นั่นเอง..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References
-https://seekingalpha.com/article/4450657-next-1-trillion-company-lies-surprise-inside-amazons-cloud
-https://www.marketwatch.com/story/how-amazon-created-aws-and-changed-technology-forever-2019-12-03
-https://s2.q4cdn.com/299287126/files/doc_financials/2022/ar/Amazon-2021-Annual-Report.pdf
-https://ir.aboutamazon.com/quarterly-results/default.aspx
-https://www.statista.com/chart/18819/worldwide-market-share-of-leading-cloud-infrastructure-service-providers/
-https://www.contino.io/insights/whos-using-aws
-https://investorplace.com/2019/11/amazon-stock-if-aws-were-spun-off/

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon