ทำไม Eco watch รุ่นใหม่ของ G-Shock ถึงสร้างกระแส ตั้งแต่วันเปิดตัว

ทำไม Eco watch รุ่นใหม่ของ G-Shock ถึงสร้างกระแส ตั้งแต่วันเปิดตัว

G-Shock X ลงทุนแมน
ถ้ามีคนมาทักเราว่า “นาฬิกาข้อมือ” ของเราช่างสวยเท่ เหมาะกับตัวเรามากเลย
แน่นอนว่า เราย่อมรู้สึกภูมิใจ ในการครอบครองนาฬิกาเรือนนั้น
และหากเรายังบอกข้อมูลเพิ่มเติมอีกว่า นาฬิกาเรือนนี้ ใช้พลังงานแสงอาทิตย์
ก็อาจทำให้คนถามรู้สึก Wow ขึ้นไปอีก เพราะนอกจากดีไซน์ที่สวยสะกดตาแล้วนั้น
ยังมีเทคโนโลยีสุดล้ำ ที่เป็นเทรนด์ของโลก ด้วยการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ขับเคลื่อนการทำงานของนาฬิกา
ที่น่าสนใจก็คือ นาฬิการุ่นนี้ ยังใช้เทคโนโลยีการผลิตที่ทำให้นาฬิกาเบาที่สุด และบางที่สุด
แต่กลับมีความทนทานสูงเพิ่มขึ้นกว่ารุ่นก่อน
นาฬิกาที่เราพูดถึงอยู่นั้นคือ G-Shock รุ่น GST-B500 ของบริษัท Casio บริษัทญี่ปุ่นที่มีอายุ 76 ปี
โดยนาฬิการุ่นนี้ เป็นหนึ่งในคอลเล็กชัน G-Steel ที่ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ ทั่วโลก
และเมื่อมีรุ่นใหม่ออกสู่ตลาด จึงถูกจับตามองจากสาวก G-Shock มากเป็นพิเศษ
ทำไม GST-B500 ถึงเป็นนาฬิกาที่สร้างความน่าสนใจ จนเกิดเป็นกระแสตั้งแต่วันที่เปิดตัว ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากทำความรู้จัก Tough Solar ที่เป็นระบบการทำงานของนาฬิการุ่นนี้
ตัวนาฬิกานั้น จะมีระบบที่จับพลังงานแสงอาทิตย์ มาแปลงเป็นพลังงานไฟฟ้ากักเก็บไว้
เพื่อใช้เป็นพลังงานที่จะทำงานควบคู่ไปพร้อม ๆ กับแบตเตอรี่
นั่นหมายความว่า GST-B500 จะเป็นนาฬิกาที่ไม่ต้องเปลี่ยนแบตเตอรี่
ซึ่งเป็นเทรนด์ของสินค้าเทคโนโลยีในยุคนี้ ที่ต้องรักษ์โลก และต้องมอบประโยชน์ให้แก่ลูกค้า
ขณะเดียวกัน ก็ยังใช้บลูทูทเชื่อมต่อกับระบบพลังงานแสงอาทิตย์
ทำให้นาฬิกามีความแม่นยำในการบอกเวลาในระดับที่สูงมาก เลยทีเดียว
ทีนี้หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า นาฬิการุ่นนี้เป็นหนึ่งในคอลเล็กชัน G-Steel ที่ได้รับความนิยมจากแฟน ๆ
ของ G-Shock ทั่วโลก
โดยรุ่นที่ใช้รหัส GST จะได้รับความนิยมอย่างสูง จนทำให้เปิดตัวออกมาเป็นเจเนอเรชันที่ 5 นั่นก็คือรุ่น GST-B500 ที่มีการเปลี่ยนดีไซน์ใหม่หมดทั้งเรือน
จนถึงการขัดแต่งตัวเรือนแบบขัดเงาสลับกับขัดด้าน ทำให้ดีไซน์นาฬิกามองดูมีมิติ
ตรงจุดนี้เองที่น่าสนใจ เพราะไม่ใช่แค่ดีไซน์ที่สวยหรู และดูเท่ขึ้นกว่าเดิม
แต่ด้วย GST-B500 คือรุ่นที่อยู่ในคอลเล็กชัน G-Steel ที่ขึ้นชื่อในการออกแบบนาฬิกาโลหะเหล็ก
ด้วยการใช้เทคโนโลยี และกระบวนการผลิตที่พิถีพิถัน
จนทำให้ตัวเรือนมีน้ำหนักแค่ 143 กรัม ซึ่งเบามาก ส่วนขนาดตัวเรือนมีความหนาเพียง 12.8 มิลลิเมตรเท่านั้น
น้ำหนักที่เบาและขนาดที่เล็ก แต่กลับเต็มไปด้วยความแข็งแกร่งและทนทาน
เพราะเป็นการใช้โครงสร้างป้องกันแกนกลางแบบคาร์บอน ที่ช่วยดูดซับแรงกระแทกจากภายนอก
ทำให้ตัวเรือนนาฬิกาทนรับต่อทุกแรงกระแทกที่อาจเกิดขึ้น
ตรงนี้สะท้อนถึง DNA แนวคิดของบริษัท Casio เจ้าของสินค้าที่ไม่เคยอ่อนข้อต่อกระบวนการผลิต
เพื่อสร้างนาฬิกาที่คุ้มค่ากับเงินทุกบาทที่ลูกค้าจ่าย
อีกทั้ง นาฬิการุ่นนี้ ยังอัดแน่นด้วยสารพัดเทคโนโลยี
เช่น ฟังก์ชันเรืองแสง ที่ทำให้เราสามารถมองเห็นเข็มนาฬิกาได้อย่างสบาย ๆ ในที่มืด
อีกทั้งยังมีสารพัดฟังก์ชันอื่น ๆ ที่จัดเต็มอีกมากมาย
โดย GST-B500 มีให้เลือกถึง 5 รุ่นย่อย ประกอบไปด้วย
รุ่นโลหะสีเงิน 3 เรือน ที่จะมีดีไซน์หน้าปัดแตกต่างกันออกไป
ส่วนอีก 2 เรือน จะมีการเคลือบไอพีสีดำและไอพีสีทอง ที่จะทำให้ตัวเรือนนาฬิกาดูหรูหราขึ้นกว่าเดิม
ทั้งหมดนี้ มีราคาขายเริ่มต้นที่ 13,000-16,000 บาท
โดยในประเทศไทยนั้น จะขายผ่านตัวแทนจำหน่ายอย่างบริษัท Central Marketing Group หรือ CMG
ที่เป็นผู้นำเข้าสินค้าของบริษัท Casio มาอย่างยาวนาน

โดยจะจำหน่ายผ่านร้าน CASIO G-Shock ทั่วประเทศ
และในงาน Robinson The Ultimate Watch Fair ที่โรบินสัน พระราม 9 ตั้งแต่วันนี้จนถึง 5 มิถุนายน 2565
หรือจะสั่งซื้อผ่านทางออนไลน์อย่าง Robinson Chat & Shop ได้ที่ http://bit.ly/309pIsf
หรือ Personal Shopper โทร. 1425

มาถึงตรงนี้ หลายคนอาจมองว่าก็เป็นแค่การเปิดตัวนาฬิกาเรือนใหม่
แต่จริง ๆ แล้วการเคลื่อนไหวของ G-Shock ครั้งนี้ สอดคล้องกับหลายบริษัทเทคโนโลยี
ที่กำลังต้องการลดใช้พลังงานในรูปแบบเดิม ๆ แล้วหันมาใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น

โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่เป็นฐานแฟนคลับของแบรนด์ G-Shock ที่กำลังหลงรักแบรนด์ที่ใส่ใจกับสุขภาพสิ่งแวดล้อม

พูดได้ว่า การผลิตนาฬิกาพลังงานแสงอาทิตย์ เพื่อเป็นอีกหนึ่งทางเลือกให้แก่ลูกค้า
จึงเป็นเส้นทางการตลาดที่ G-Shock เดินมาถูกทาง..

References
- เอกสารข้อมูล Central Marketing Group
- https://www.ana-digi.com/casio-g-shock-gst-b500/

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon