จากคาราบาวแดง สู่ “คาราบาว คัพ” กลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังไทย ก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อมุ่งสู่ระดับโลก
จากคาราบาวแดง สู่ “คาราบาว คัพ” กลยุทธ์ที่ทำให้แบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังไทย ก้าวข้ามขีดจำกัด เพื่อมุ่งสู่ระดับโลก
คาราบาว X ลงทุนแมน
คาราบาว X ลงทุนแมน
ย้อนกลับไป พ.ศ. 2545 หรือเกือบ 20 ปีที่แล้ว
เครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อ คาราบาวแดง ได้เริ่มออกจำหน่ายในตู้แช่ร้านค้าทั่วประเทศ
เครื่องดื่มชูกำลัง ยี่ห้อ คาราบาวแดง ได้เริ่มออกจำหน่ายในตู้แช่ร้านค้าทั่วประเทศ
ณ วันนั้นได้เกิดคำถามมากมาย ว่าตลาดเครื่องดื่มชูกำลังเมืองไทยที่ถูกยึดครองด้วยแบรนด์ยักษ์ใหญ่ระดับประเทศอย่าง M-150 ของโอสถสภา และกระทิงแดง ของ TCP จะยังมีพื้นที่เหลือให้ คาราบาวแดง สอดแทรกได้หรือไม่ ?
ข้อสงสัยเรื่องนี้ ได้ถูกพิสูจน์แล้วเมื่อ คาราบาวแดง มียอดขายเติบโตรวดเร็วจนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์ โดยปัจจุบันบริษัทมีมูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดทะยานขึ้นสู่ระดับกว่า 100,000 ล้านบาท
อีกทั้งข้อมูลล่าสุดในปี พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา คาราบาวแดง มีส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 หรืออยู่ที่ร้อยละ 20 ของตลาดเครื่องดื่มชูกำลังในประเทศที่มีมูลค่า 20,000 ล้านบาท
จุดพีกของเรื่องนี้ กลับไม่ใช่ตลาดในประเทศ เพราะใครจะคิดว่า ณ เวลานี้ คาราบาวแดง จะวางขายกว่า 50 ประเทศทั่วโลก พร้อมกับยอดส่งออกที่มีทิศทางขยายตัวต่อเนื่อง
แม้จะมีสารพัดเหตุผลที่ทำให้ประสบความสำเร็จ
แต่ที่สร้าง Impact ให้คนทั่วโลกรู้จักแบรนด์นี้ คือการเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุน EFL Cup หรือ “ลีกคัพ” รายการแข่งขันฟุตบอล ชิงถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษที่มีอายุ 60 ปี โดยทาง คาราบาวกรุ๊ป ลงทุนเสียค่าลิขสิทธิ์ปีละ 6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 260 ล้านบาท พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ”
แต่ที่สร้าง Impact ให้คนทั่วโลกรู้จักแบรนด์นี้ คือการเซ็นสัญญาเป็นผู้สนับสนุน EFL Cup หรือ “ลีกคัพ” รายการแข่งขันฟุตบอล ชิงถ้วยเก่าแก่ของอังกฤษที่มีอายุ 60 ปี โดยทาง คาราบาวกรุ๊ป ลงทุนเสียค่าลิขสิทธิ์ปีละ 6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 260 ล้านบาท พร้อมกับเปลี่ยนชื่อเป็น “คาราบาว คัพ”
การเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันรายการนี้ ทำให้ คาราบาวแดง ก้าวไปสู่การเป็นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับโลก ได้อย่างไร ?
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
ลงทุนแมนจะวิเคราะห์ให้ฟัง
หากใครที่เป็นแฟนบอล พรีเมียร์ลีก อังกฤษ คงจะจำกันได้ว่า คาราบาวกรุ๊ปเคยลงทุนเป็นผู้สนับสนุนให้แก่สโมสรเชลซีในฤดูกาลการแข่งขันปี 2016-2019 โดยระหว่างที่อยู่ในสัญญานั้น เชลซีสามารถคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ ในฤดูกาล 2016-2017
และการเป็นผู้สนับสนุนให้แก่ทีมเชลซี ก็ได้ทำให้ทางบริษัทเห็นปรากฏการณ์ที่น่าสนใจ เมื่อแบรนด์ คาราบาว เริ่มเป็นที่รู้จักในตลาดต่างประเทศมากขึ้น ผ่านทั้งการแข่งขันในสนาม และการถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมทั่วโลก
ทีนี้หากอยากจะเพิ่มกระแสรับรู้ในตลาดโลกให้มากขึ้นกว่าเดิม ก็ต้องเปลี่ยนสถานะจากผู้สนับสนุนสโมสรฟุตบอล มาเป็นผู้สนับสนุนหลักการแข่งขัน
แล้วการเซ็นสัญญา เป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันฟุตบอลรายการไหน ที่จะตอบโจทย์การสร้างภาพลักษณ์การเป็นแบรนด์ระดับโลกมากที่สุด ในขณะเดียวกัน ต้องเป็นการสนับสนุนที่ยังคงตอกย้ำ DNA ของแบรนด์ คือ “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” อีกด้วย
คำตอบก็คือ EFL Cup หรือ ลีกคัพ
แม้การแข่งขันนี้ จะได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 รองจากพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ แต่หากดูค่าลิขสิทธิ์ปีละ 6 ล้านปอนด์ หรือ 260 ล้านบาท คาราบาวกรุ๊ป มองว่า นี่คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง
แม้การแข่งขันนี้ จะได้รับความนิยมเป็นอันดับ 3 รองจากพรีเมียร์ลีก และเอฟเอคัพ แต่หากดูค่าลิขสิทธิ์ปีละ 6 ล้านปอนด์ หรือ 260 ล้านบาท คาราบาวกรุ๊ป มองว่า นี่คือตัวเลือกที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับตัวเอง
โดยในช่วงแรก ตัดสินใจเป็นผู้สนับสนุนในปี 2017-2020 พร้อมเปลี่ยนชื่อจาก “ลีกคัพ” มาเป็น “คาราบาว คัพ” จากนั้นก็มีการขยายสัญญา เป็นผู้สนับสนุนหลักต่ออีก 2 ปี คือปี 2021 และปี 2022
ความน่าสนใจคือ แม้การแข่งขันรายการนี้ จะมีชื่อเล่นคือ มิกกี้เมาส์ คัพ ที่ในอดีตสโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ ไม่ค่อยให้ความสำคัญ และมักจะส่งผู้เล่นตัวสำรองลงแข่งขัน
แต่หากสังเกตดี ๆ ช่วง 4-5 ปีที่ผ่านมา สโมสรฟุตบอลยักษ์ใหญ่ เริ่มจริงจังกับรายการนี้ และเริ่มส่งผู้เล่นตัวจริงลงสนามมากขึ้นกว่าในอดีตอย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่เป็นจุดขายและเป็นเสน่ห์ในเชิงลูกหนัง ก็คือการแข่งขันรายการนี้ มักจะมีเหตุการณ์ “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์”
รู้หรือไม่ การแข่งขันรายการนี้จะมีสโมสร 92 ทีมเข้าร่วมแข่งขัน
โดยแบ่งเป็นทีมในพรีเมียร์ลีก 20 ทีม ที่เป็นลีกสูงสุดในอังกฤษ ที่เหลืออีก 72 ทีม จะอยู่ในลีกอื่น ๆ ที่ต่ำกว่า
โดยแบ่งเป็นทีมในพรีเมียร์ลีก 20 ทีม ที่เป็นลีกสูงสุดในอังกฤษ ที่เหลืออีก 72 ทีม จะอยู่ในลีกอื่น ๆ ที่ต่ำกว่า
บางครั้งทีมใหญ่ ที่ไม่เคยเจอทีมเล็ก ๆ ก็อาจไม่รู้ทางบอล หรือวางแทกติกส์การแข่งขัน ประมาทคู่แข่งทีมเล็กมากเกินไป
ขณะที่สโมสรทีมเล็ก ๆ นาน ๆ จะได้แข่งกับทีมสโมสรยักษ์ใหญ่ นักเตะทุกคนก็สู้ยิบตา ทำให้หลายครั้งทีมเล็ก ๆ ก็กลายเป็น “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” ชนะทีมใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ
ขณะที่สโมสรทีมเล็ก ๆ นาน ๆ จะได้แข่งกับทีมสโมสรยักษ์ใหญ่ นักเตะทุกคนก็สู้ยิบตา ทำให้หลายครั้งทีมเล็ก ๆ ก็กลายเป็น “แจ็คผู้ฆ่ายักษ์” ชนะทีมใหญ่อย่างน่าเหลือเชื่อ
เรื่องนี้ทำให้หวนนึกถึงจุดเริ่มต้นของ คาราบาวแดง ที่เวลานั้นคงไม่มีใครคิดว่าจากแบรนด์เล็ก ๆ จะค่อย ๆ อัปเกรด แย่งชิงยอดขายจากแบรนด์ยักษ์ใหญ่ จนกลายเป็นแบรนด์เครื่องดื่มชูกำลังระดับประเทศและมีเป้าหมายสู่ระดับโลก
การแข่งขันที่หักมุมตรงนี้เองที่ทำให้ “คาราบาว คัพ” ได้รับความนิยมขึ้นเรื่อย ๆ โดยในปี 2019 มีการเปิดเผยข้อมูลว่า ตลอดการแข่งขันในรายการนี้ มีผู้ชมเข้าสนามกว่า 1.2 ล้านคน
เข้าถึงผู้ชมฟุตบอลในอังกฤษ มากกว่า 27 ล้านคน
และตลอดการแข่งขัน มีผู้ชมผ่านการถ่ายทอดสดกว่า 700 ล้านคน
เข้าถึงผู้ชมฟุตบอลในอังกฤษ มากกว่า 27 ล้านคน
และตลอดการแข่งขัน มีผู้ชมผ่านการถ่ายทอดสดกว่า 700 ล้านคน
แน่นอนว่าผู้ชมจำนวนมหาศาลขนาดนี้ ทุกคนต้องได้ยินและเคยพูดถึง “คาราบาว คัพ” ซึ่งทำให้คนทั่วโลก รู้จักแบรนด์ คาราบาวแดง เพิ่มขึ้นอัตโนมัติ
อ้างอิงจากผลสำรวจ ผ่านแพลตฟอร์มฟุตบอลรายการนี้ระบุว่า ช่วงเดือนมีนาคม ในฤดูกาล 2017-2018 อัตราการรับรู้แบรนด์คาราบาว เพิ่มขึ้น 106% หากเทียบกับฤดูกาลจากปีก่อน
ขณะเดียวกัน คาราบาวแดง ก็ขยายตลาดต่างประเทศเพิ่มขึ้นในทุก ๆ ทวีปของโลกซึ่งเป็นเรื่องน่าสนใจหากมองกลยุทธ์ผ่านตัวเลขผลการดำเนินงานในอดีตนั้น รายได้จากตลาดต่างประเทศมีสัดส่วนต่อรายได้รวมเพิ่มขึ้นอย่างก้าวกระโดดจากร้อยละ 29 มาอยู่ที่ร้อยละ 47 ในช่วงปี 2015-2020 โดยสะท้อนอัตราการเติบโตเฉลี่ยต่อปี (CAGR) สูงถึงร้อยละ 30
พอเห็นตัวเลขนี้ น่าจะพอเดาเป้าหมายของ คาราบาวกรุ๊ป กันออกว่า ต้องการผลักดันให้ คาราบาว เป็นเครื่องดื่มชูกำลังแถวหน้าของโลกให้ได้ในอนาคต และหากทำสำเร็จ ก็จะทำให้รายได้จากต่างประเทศ มากกว่าในประเทศหลายสิบเท่า เหมือนอย่างหลายบริษัทระดับโลก ที่ทำสำเร็จมาแล้ว
คงต้องติดตามดูกันต่อไปว่าภารกิจนี้ คาราบาวกรุ๊ป จะผลักดันให้เติบโตได้อีกแค่ไหนในอนาคต ?
แต่ที่แน่ ๆ เส้นทางของ คาราบาวแดง เป็นอะไรที่เหลือเชื่อ
แต่ที่แน่ ๆ เส้นทางของ คาราบาวแดง เป็นอะไรที่เหลือเชื่อ
หากย้อนกลับไป 20 ปีที่แล้ว มีคนบอกว่า คาราบาวแดงจะกลายเป็นเครื่องดื่มชูกำลัง แบรนด์ไทย ที่วางขายในกว่า 50 ประเทศทั่วโลก คงไม่มีใครเชื่อว่าจะเป็นเรื่องจริง
แต่ในความคิดของผู้สร้างแบรนด์อย่าง “คุณเสถียร เศรษฐสิทธิ์” CEO คาราบาวกรุ๊ป อาจไม่ได้คิดเช่นนั้น
“เมื่อในโลกของธุรกิจจริง ๆ แล้ว อาจไม่มีหรอกคนขี้แพ้ มันมีแต่นักสู้ ที่รอวันชนะเท่านั้น”
“เมื่อในโลกของธุรกิจจริง ๆ แล้ว อาจไม่มีหรอกคนขี้แพ้ มันมีแต่นักสู้ ที่รอวันชนะเท่านั้น”
ตรงนี้มันคือหัวใจของ “นักสู้ผู้ยิ่งใหญ่” ที่สอดคล้องกับ DNA ของแบรนด์คาราบาวแดง นั่นเอง
References
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
-งบการเงิน 9 เดือนแรก ปี 2564
-https://www.bangkokbiznews.com/business/942911
-https://th.wikipedia.org/
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท คาราบาวกรุ๊ป จำกัด (มหาชน)
-งบการเงิน 9 เดือนแรก ปี 2564
-https://www.bangkokbiznews.com/business/942911
-https://th.wikipedia.org/