MG EP PLUS รถไฟฟ้า 100% ที่สร้างปรากฏการณ์ ความคุ้มค่า

MG EP PLUS รถไฟฟ้า 100% ที่สร้างปรากฏการณ์ ความคุ้มค่า

MG X ลงทุนแมน
เชื่อหรือไม่ว่า ในระยะเวลา 2 ปี MG ขายรถยนต์ไฟฟ้าในเมืองไทยไปแล้วกว่า 3,000 คัน
และครองส่วนแบ่งทางการตลาดสูงกว่า 90%
โดยที่ผ่านมาทาง MG แนะนำรถยนต์ไฟฟ้าออกสู่ตลาดมาแล้ว 2 รุ่น
คือ MG ZS EV ในปี 2019 และ MG EP ในช่วงปลายปี 2020
ความน่าสนใจมันอยู่ที่ตอนนี้ทาง MG ต้องการให้ MG EP
เป็นรถไฟฟ้าที่รองรับการใช้งานของทุกคน
อีกทั้งรถรุ่นนี้จากที่ขายดีอยู่แล้ว MG ก็ต้องการให้ขายดีขึ้นไปอีก
และวิธีที่ดีที่สุดก็คือ การเพิ่มฟังก์ชันให้ครอบคลุมการใช้งานมากขึ้น
จึงเป็นที่มาของการเปิดตัวรถรุ่น MG EP PLUS ในราคาขายเพียง 998,000 บาท
คำถามต่อมาคือ แล้ว MG EP PLUS จะตอบโจทย์การเป็นรถไฟฟ้า 100% ได้สมบูรณ์แบบแค่ไหน ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
หากใครเคยลองขับรถไฟฟ้า จะรู้ดีว่าประสบการณ์การขับขี่รถยนต์ไฟฟ้า
จะแตกต่างกับรถเครื่องยนต์สันดาป อย่างสิ้นเชิง
เพราะเราจะสัมผัสถึงการออกตัวที่แรงและเร็ว เครื่องยนต์เงียบ ขับสนุกและสบาย
ไร้ควันพิษมาทำลายสิ่งแวดล้อม
โดยที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ ก็จะถูกบรรจุอยู่ในรถรุ่น MG EP PLUS ในราคาไม่ถึงล้านบาท
ทีนี้ หลายคนคงถามต่อว่า ด้วยราคารถยนต์ไม่ถึงล้านบาท
สมรรถนะการขับขี่เป็นอย่างไร ?
รู้หรือไม่ว่า MG EP PLUS เร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
โดยใช้เวลาแค่ 8.8 วินาทีและสามารถทำความเร็วสูงสุด 185 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ที่น่าสนใจก็คือ หากเราชาร์จไฟฟ้าเต็ม 1 ครั้ง
รถจะวิ่งได้ไกลถึง 380 กิโลเมตร หรือสามารถวิ่งไปกลับ กรุงเทพฯ-พัทยา ได้สบาย ๆ
ทั้งหมดนี้คงต้องยกความดีความชอบให้แก่ แบตเตอรี่ขับเคลื่อนขนาดใหญ่ 50.3 kWh
และมอเตอร์ไฟฟ้าประสิทธิภาพสูงที่มีเทคโนโลยี Hairpin Winding Design ทำงานควบคู่กัน ส่งผลให้วิ่งได้ระยะไกล พร้อมมีกำลังแรงม้าและแรงบิดสูง นั่นเอง
ขณะเดียวกัน แบตเตอรี่ก็จะมี Liquid Cooling System ที่ช่วยระบายความร้อน
ปรับอุณหภูมิให้อยู่ระดับที่เหมาะสม ทำให้แบตเตอรี่ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ
และใช้งานได้นานคงทน
ส่วนอีกเรื่องที่ไม่พูดถึงคงไม่ได้ก็คือ MG EP PLUS
เป็นรถไฟฟ้าที่ประหยัดมาก หากเทียบกับรถใช้เครื่องยนต์สันดาป
เพราะหากเราชาร์จไฟฟ้าตั้งแต่ 0-100% จะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 200 บาท
หรือเฉลี่ยไม่ถึง 1 บาทต่อกิโลเมตร เมื่อนำไปเทียบกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน
จะประหยัดกว่า 2 - 3 เท่าเลยทีเดียว
ทีนี้ หากถามว่าสิ่งที่ทำให้คนตัดสินใจซื้อรถ MG EP PLUS
นอกจากเรื่องสมรรถนะการขับขี่ และราคาที่เข้าถึงง่ายแล้วนั้น
ยังมีเหตุผลอื่นๆ อีกไหม ?
คำตอบคือ การเป็นรถที่มีห้องโดยสารที่นั่งได้ถึง 5 คน
พร้อมติดตั้งระบบกรองอากาศ PM2.5 และเทคโนโลยีความปลอดภัยครบครัน
ทั้งในรูปแบบ Active และ Passive Safety
จนถึงการเป็นรถ Station Wagon ทำให้มีพื้นที่กว้างขวางเก็บสัมภาระความจุสูงสุด 1,456 ลิตร
อีกทั้งในรุ่นนี้ยังมี ราวหลังคาเพิ่มเข้ามา ที่สามารถรับน้ำหนักได้ 75 กิโลกรัม
ตรงนี้เองที่ทำให้ MG EP PLUS เป็นรถไฟฟ้าที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์การใช้งาน
ทั้งการขับไปทำงาน ไปเที่ยวกับเพื่อนฝูง หรือครอบครัว จนถึงขับขนสัมภาระต่าง ๆ
หากใครที่ติดตามแวดวงตลาดรถยนต์ คงเคยได้ยินมาแล้วว่า MG คือผู้บุกเบิกตลาดรถยนต์ไฟฟ้า
และแน่นอนว่า MG คือผู้นำอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าเมืองไทย
อีกทั้งทุกวันนี้ MG ยังเป็นมากกว่าผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า
เพราะใครจะไปคิดว่า ณ วันนี้ MG จะมีสถานีชาร์จไฟฟ้าเป็นของตัวเอง
ที่ใช้ชื่อว่า MG SUPER CHARGE ที่มีอยู่กว่า 120 แห่งทั่วประเทศ
และมีแผนขยายเพิ่มเติมอีกกว่า 500 แห่งในอนาคตอันใกล้
ทั้งรูปแบบร่วมมือกับบริษัทอื่น ๆ และลงทุนเอง
พอได้ยินแบบนี้ ก็น่าจะหมดความกังวลใจ
ในการใช้รถไฟฟ้า MG EP PLUS ในการเดินทางระยะไกล
ขณะเดียวกัน MG เองก็ขยายโชว์รูม และศูนย์บริการมาตรฐานกว่า 150 แห่งทั่วประเทศ
เพื่อรองรับจำนวนรถของตัวเองที่ในแต่ละปี ก็มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นบนท้องถนน
ทั้งหมดนี้ คือเหตุผลที่ทำให้ลูกค้ามั่นใจเลือกรถไฟฟ้าของ MG
และทำให้ยอดขายรถไฟฟ้าของ MG เติบโตต่อเนื่องในทุก ๆ ปี
ท้ายนี้ แน่นอนว่า MG EP PLUS ที่เพิ่งเปิดตัวได้ไม่นาน
ก็จะเป็นรถอีกหนึ่งรุ่น ที่จะทำให้ยอดขายรถไฟฟ้าของ MG ทิ้งห่างคู่แข่งในตลาด
ด้วยจุดขาย “รถที่มีเทคโนโลยีเหนือชั้น มาพร้อมความทันสมัย และมีความคุ้มค่า” นั่นเอง..

Reference
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จํากัด

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon