UPDATE: กระทรวงการคลัง เตรียมเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐ

UPDATE: กระทรวงการคลัง เตรียมเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐ

UPDATE: กระทรวงการคลัง เตรียมเก็บภาษีขายหุ้น 0.1% เพื่อเพิ่มรายได้เข้ารัฐ /โดย ลงทุนแมน
นับตั้งแต่เดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา สำนักข่าว Reuters เคยรายงานว่า รัฐบาลไทยกำลังศึกษาการจัดเก็บภาษีการซื้อขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อย ที่มีการซื้อขายมากกว่า 1 ล้านบาทต่อเดือน ในอัตรา 0.11% ของยอดธุรกรรม
ในเวลาต่อมา กรมสรรพสามิต ออกมาชี้แจงว่า ยังอยู่ในขั้นตอนการศึกษาของกระทรวงการคลัง โดยเชื่อว่ายังต้องใช้เวลาในการศึกษาอย่างรอบด้าน และคงยังไม่นำมาบังคับใช้เร็ว ๆ นี้
อย่างไรก็ตาม ล่าสุด มีรายงานว่า กระทรวงการคลังเตรียมปฏิรูปโครงสร้างภาษี เพื่อเพิ่มการจัดเก็บรายได้ของภาครัฐ
ซึ่งหนึ่งในแผนคือ การจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ หรือ Financial Transaction Tax ในอัตรา 0.1% ของการขายหุ้นที่เกินกว่า 1 ล้านบาทขึ้นไปต่อเดือน โดยจะเริ่มในปี 2565 หลังจากภาษีดังกล่าวถูกยกเว้นมานานกว่า 30 ปี เพื่อส่งเสริมการลงทุนในตลาดหุ้น
แต่ทั้งนี้เพื่อไม่ให้กระทบกับผู้ซื้อขายหุ้นรายย่อย จะมีการหารือถึงอัตราการจัดเก็บที่ 0.1% หลังจากนี้
ทั้งนี้ ที่ผ่านมา ไทยมีการยกเว้นภาษี 2 ประเภท คือ
- ภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ (Financial Transaction Tax)
- ภาษีกำไรจากเงินลงทุน (Capital Gains Tax)
ในหลายประเทศมีการจัดเก็บภาษีทั้ง 2 ตัวนี้ บางประเทศก็เก็บตัวใดตัวหนึ่ง แต่ส่วนใหญ่มีการเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์
ด้าน อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความจำเป็นต้องเก็บภาษีดังกล่าวเพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับภาครัฐ หลังจากที่ได้มีการยกเว้นการจัดเก็บมาอย่างยาวนาน
“คิดว่าคงได้ภาษีเป็นกอบเป็นกำ แต่ไม่ถึงขนาดเป็นแสนล้าน การเก็บภาษีนี้เป็นการสร้างความเป็นธรรมที่การซื้อขายต้องจ่ายค่าธรรมเนียมแก่รัฐ ทั้งนี้ ถ้าดัชนีตลาดจะปรับลดลงก็ต้องยอมรับ”
โดยการเก็บภาษีนี้ จะให้โบรกเกอร์เป็นผู้หักภาษีธุรกิจเฉพาะ จากเงินที่ขาย และเป็นผู้ยื่นแบบแสดงรายการภาษีและชำระภาษีแทนผู้ขาย
จริง ๆ แล้วแผนการจัดเก็บภาษีจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์นี้ เดิมมีแผนจะดำเนินการจัดเก็บตั้งแต่ปี 2564 เป็นต้นไป แต่เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจไม่เอื้ออำนวย ทำให้แผนดังกล่าวล้มเลิกไป
อย่างไรก็ตาม ทางกระทรวงการคลังได้ตั้งเป้าว่า การจัดเก็บภาษีดังกล่าวจะสามารถเริ่มได้ในปี 2565 โดยจะดูจังหวะเศรษฐกิจที่เหมาะสม
และทางรัฐจะต้องร่วมกับเอกชน ในการพัฒนาระบบที่จะสามารถตรวจสอบได้ว่า นักลงทุนรายใดที่มีปริมาณการซื้อขายที่เข้าข่ายการเสียภาษีดังกล่าว
ทั้งนี้ ถ้าดูการจัดการรายได้รัฐบาลสุทธิ ปีงบประมาณ 2564 (ตุลาคม 2563 - กันยายน 2564)
พบว่า รัฐจัดเก็บรายได้สุทธิ 2,369,926 ล้านบาท ต่ำกว่าประมาณการตามเอกสารงบประมาณ 307,074 ล้านบาท หรือ 11.5% แต่ใกล้เคียงกับปีก่อน
โดยการจัดเก็บรายได้ของ
- กรมสรรพากร ต่ำกว่าประมาณการ 210,008 ล้านบาท หรือ 10.1%
- กรมสรรพสามิต ต่ำกว่าประมาณการ 102,394 ล้านบาท หรือ 16.2%
ซึ่งก็มีสาเหตุจากการแพร่ระบาดของโควิด 19 ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดลง
รวมถึงมีการดำเนินนโยบายการคลังและภาษี เพื่อช่วยเพิ่มสภาพคล่องและบรรเทาภาระแก่ประชาชน และผู้ประกอบการ ทำให้การจัดเก็บรายได้ของรัฐบาลต่ำกว่าที่ประมาณการไว้
พอเรื่องเป็นแบบนี้ จึงอาจเป็นเหตุผลหนึ่งที่ทางกระทรวงการคลัง จำเป็นต้องหาวิธีจัดเก็บภาษีเพิ่มเติม เพื่อเพิ่มเม็ดเงินรายได้เข้ารัฐ นั่นเอง..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 2 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon