บริษัทมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท ที่เกิดจากพระราชวังแวร์ซาย
บริษัทมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท ที่เกิดจากพระราชวังแวร์ซาย /โดย ลงทุนแมน
พระราชวังแวร์ซาย สิ่งก่อสร้างอันหรูหราอลังการของฝรั่งเศส
ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
พระราชวังแห่งนี้ เป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า
ทั้งในรูปแบบสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน และผลงานศิลปะนับไม่ถ้วน
ถูกสร้างขึ้นในศตวรรษที่ 17 ซึ่งเป็นยุคสมัยของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14
พระราชวังแห่งนี้ เป็นมรดกโลกอันทรงคุณค่า
ทั้งในรูปแบบสถาปัตยกรรม การตกแต่งภายใน และผลงานศิลปะนับไม่ถ้วน
แม้ว่าความหรูหราของพระราชวังแห่งนี้ จะกลายเป็นสัญลักษณ์ของความไม่เท่าเทียม
จนนำมาสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในอีกศตวรรษต่อมา
แต่ล่วงเลยมาจนถึงยุคปัจจุบัน ในปี 2019 ช่วงก่อนวิกฤติโควิด พระราชวังแวร์ซายก็ดึงดูดผู้เข้าชมจากทั่วโลกถึงปีละ 8 ล้านคน และนำรายได้มหาศาลเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส
จนนำมาสู่การปฏิวัติฝรั่งเศสในอีกศตวรรษต่อมา
แต่ล่วงเลยมาจนถึงยุคปัจจุบัน ในปี 2019 ช่วงก่อนวิกฤติโควิด พระราชวังแวร์ซายก็ดึงดูดผู้เข้าชมจากทั่วโลกถึงปีละ 8 ล้านคน และนำรายได้มหาศาลเข้าสู่ประเทศฝรั่งเศส
นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว อีกหนึ่งมรดกตกทอดที่เกิดจากการก่อสร้างพระราชวังแห่งนี้
คือ บริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1.3 ล้านล้านบาท
ที่มีชื่อว่า “แซง-โกแบ็ง (Saint-Gobain)”
คือ บริษัทที่มีมูลค่ามากกว่า 1.3 ล้านล้านบาท
ที่มีชื่อว่า “แซง-โกแบ็ง (Saint-Gobain)”
แซง-โกแบ็ง ทำธุรกิจอะไร
และมีความเกี่ยวข้องกับพระราชวังแวร์ซายอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับเรื่องราวของพระราชวังแวร์ซาย และฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 17 กันสักนิด
และมีความเกี่ยวข้องกับพระราชวังแวร์ซายอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่น มาทำความรู้จักกับเรื่องราวของพระราชวังแวร์ซาย และฝรั่งเศสในช่วงศตวรรษที่ 17 กันสักนิด
พระราชวังแห่งนี้ใช้เงินทุนในการก่อสร้างกว่า 1,100,000 ลีฟวร์ หรือคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 10% ของงบประมาณแผ่นดินฝรั่งเศสในช่วงเวลานั้น โดยเริ่มก่อสร้างในปี 1661
จุดเริ่มต้นของการสร้างพระราชวังแห่งนี้
มาจากความประทับใจเมืองแวร์ซายเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 บวกกับการได้เห็นปราสาทของเสนาบดีคลังคนก่อน ที่หรูหรากว่าพระราชวังของตัวเอง
มาจากความประทับใจเมืองแวร์ซายเมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 บวกกับการได้เห็นปราสาทของเสนาบดีคลังคนก่อน ที่หรูหรากว่าพระราชวังของตัวเอง
ทำให้พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ต้องการสร้างพระราชวังแห่งใหม่ โดยให้ปลูกสร้างอยู่ที่แวร์ซาย มีพื้นที่ใหญ่โตมโหฬาร และต้องสวยงามหรูหราที่สุดในยุโรป
ผู้ที่มีบทบาทในการเนรมิตพระราชวังแห่งนี้ให้เป็นจริง ก็คือเสนาบดีคลังในสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ผู้มีชื่อว่า ฌ็อง-บัปติสต์ กอลแบร์
กอลแบร์ รับตำแหน่งเสนาบดีคลังในช่วงปี 1665-1683
โดยมีหน้าที่หลักก็คือ ทำให้พระราชวังแวร์ซายกลายเป็นศูนย์กลางการปกครองของฝรั่งเศส
และทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็น ประเทศมหาอำนาจของยุโรป..
โดยมีหน้าที่หลักก็คือ ทำให้พระราชวังแวร์ซายกลายเป็นศูนย์กลางการปกครองของฝรั่งเศส
และทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็น ประเทศมหาอำนาจของยุโรป..
ด้วยความที่การสร้างพระราชวังแห่งนี้ต้องใช้งบประมาณมหาศาล เพื่อให้มีเงินในคลังเพียงพอ
กอลแบร์จึงต้องดำเนินการปฏิรูปการคลังของฝรั่งเศสครั้งใหญ่
กอลแบร์จึงต้องดำเนินการปฏิรูปการคลังของฝรั่งเศสครั้งใหญ่
โดยกอลแบร์ มีแนวคิดว่า ฝรั่งเศสจะเป็นมหาอำนาจได้ ไม่ใช่เพียงการทหารเท่านั้น
แต่ต้องเป็นมหาอำนาจทางการค้าด้วย
แต่ต้องเป็นมหาอำนาจทางการค้าด้วย
จึงนำมาสู่การพัฒนาอุตสาหกรรมในประเทศ เพื่อไม่ต้องนำเข้าสินค้าจากประเทศอื่น
และทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าไปทั่วยุโรป
และมีการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์ Académie des sciences ในปี 1666
และทำให้ฝรั่งเศสกลายเป็นประเทศที่ส่งออกสินค้าไปทั่วยุโรป
และมีการพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์ ด้วยการจัดตั้งสถาบันวิทยาศาสตร์ Académie des sciences ในปี 1666
สำหรับก่อสร้างพระราชวังแวร์ซาย กอลแบร์ได้เชิญสถาปนิก วิศวกร และศิลปินทั่วฝรั่งเศส
เพื่อมาเนรมิตพระราชวังแห่งใหม่ให้หรูหราอลังการที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ความหรูหราทำให้พระราชวังแห่งนี้จำเป็นต้องใช้กระจกในปริมาณมหาศาล..
เพื่อมาเนรมิตพระราชวังแห่งใหม่ให้หรูหราอลังการที่สุด
แต่อย่างไรก็ตาม ความหรูหราทำให้พระราชวังแห่งนี้จำเป็นต้องใช้กระจกในปริมาณมหาศาล..
ในช่วงเวลานั้น ฝรั่งเศสยังไม่มีความสามารถในการผลิตกระจกด้วยตัวเอง ต้องนำเข้ากระจกทั้งหมดจากเกาะมูราโน ของสาธารณรัฐเวนิส ปัจจุบันคือเมืองเวนิส ในประเทศอิตาลี
เกาะมูราโน เป็นศูนย์กลางการผลิตเครื่องแก้วของยุโรปมาตั้งแต่ศตวรรษที่ 15
และเป็นเพียงแห่งเดียวในยุโรปที่มีองค์ความรู้ด้านการผลิตกระจก ซึ่ง ดอเจ หรือประมุขของนครเวนิส ก็ได้ออกกฎไม่ให้ช่างในโรงงานเหยียบย่างออกไปนอกเกาะมูราโนโดยเด็ดขาด
และเป็นเพียงแห่งเดียวในยุโรปที่มีองค์ความรู้ด้านการผลิตกระจก ซึ่ง ดอเจ หรือประมุขของนครเวนิส ก็ได้ออกกฎไม่ให้ช่างในโรงงานเหยียบย่างออกไปนอกเกาะมูราโนโดยเด็ดขาด
เนื่องด้วยการตกแต่งภายในของพระราชวังที่จะต้องใช้กระจกจำนวนมาก
ซึ่งหากต้องนำเข้ากระจกทั้งหมดจากมูราโน เท่ากับว่าฝรั่งเศสจะต้องขาดดุลการค้ากับเวนิสอย่างมหาศาล
ซึ่งขัดกับแผนการปฏิรูปการคลังของกอลแบร์
ซึ่งหากต้องนำเข้ากระจกทั้งหมดจากมูราโน เท่ากับว่าฝรั่งเศสจะต้องขาดดุลการค้ากับเวนิสอย่างมหาศาล
ซึ่งขัดกับแผนการปฏิรูปการคลังของกอลแบร์
เรื่องนี้จึงนำมาสู่การแอบซื้อตัวช่างมาจากมูราโน เพื่อมาถ่ายทอดความรู้ให้กับช่างของฝรั่งเศส
โดยกอลแบร์ ได้ก่อตั้งโรงงานในปี 1665 โดยใช้ชื่อว่า โรงงานผลิตกระจกหลวง หรือ Manufacture royale de glaces de miroirs
โดยกอลแบร์ ได้ก่อตั้งโรงงานในปี 1665 โดยใช้ชื่อว่า โรงงานผลิตกระจกหลวง หรือ Manufacture royale de glaces de miroirs
ซึ่งโรงงานแห่งนี้ ก็ได้รับเงินช่วยเหลือจากรัฐ และผูกขาดการผลิตกระจกและเครื่องแก้วในฝรั่งเศสแต่เพียงผู้เดียว
ช่างจากมูราโนอยู่ได้เพียง 2 ปี ก็เกิดข้อพิพาทจนต้องกลับไปเวนิส
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ซึ่งสถาบันวิทยาศาสตร์ของฝรั่งเศสที่เพิ่งก่อตั้งก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้เหล่านี้
แต่นั่นก็เพียงพอแล้วสำหรับการถ่ายทอดองค์ความรู้ ซึ่งสถาบันวิทยาศาสตร์ของฝรั่งเศสที่เพิ่งก่อตั้งก็มีส่วนสำคัญในการพัฒนาองค์ความรู้เหล่านี้
จนในที่สุดฝรั่งเศสก็สามารถผลิตกระจกได้ด้วยตัวเอง โดยในปี 1678 กระจกทั้งหมดก็ได้ถูกนำมาตกแต่งโถงแห่งกระจก หรือ Galerie des Glaces ซึ่งเป็นโซนที่หรูหราที่สุดในพระราชวังแวร์ซาย
ความงามของพระราชวังแวร์ซาย ทำให้ชื่อเสียงของโรงงานกระจกหลวง เริ่มโด่งดังไปทั่วยุโรป ทำให้ได้รับความเชื่อถือจากเหล่าขุนนางทั่วโลก
ราชสำนักหลายแห่ง ต่างสั่งกระจกจากโรงงานแห่งนี้ไปประดับตกแต่งปราสาทราชวังของตัวเอง ซึ่งก็รวมถึงคณะทูตจากกรุงศรีอยุธยา ที่มาเจริญสัมพันธไมตรีในช่วงปี 1686 ก็ได้ซื้อกระจกสีไปประดับพระนารายณ์ราชนิเวศน์ พระราชวังแห่งใหม่ที่ลพบุรี ของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชด้วย
แต่หลังจากการเสียชีวิตของกอลแบร์ในปี 1683 โรงงานกระจกหลวงก็ค่อย ๆ ประสบปัญหาทางการเงิน ในขณะที่ขุนนางคนอื่นได้ตั้งบริษัทขึ้นมาแข่ง
จนสุดท้าย โรงงานกระจกหลวงก็ต้องล้มละลาย ทำให้มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ และเปลี่ยนชื่อหลายต่อหลายครั้ง
จนสุดท้าย โรงงานกระจกหลวงก็ต้องล้มละลาย ทำให้มีการเปลี่ยนผู้ถือหุ้นใหญ่ และเปลี่ยนชื่อหลายต่อหลายครั้ง
โดยวิกฤติที่หนักหนาที่สุดคือ การปฏิวัติฝรั่งเศสในปี 1789 ที่ทำให้โรงงานแห่งนี้หมดสิทธิ์ในการผูกขาดการผลิตกระจกในฝรั่งเศส และเปลี่ยนชื่อเป็น “แซง-โกแบ็ง”
อย่างไรก็ตาม แซง-โกแบ็ง ก็ยังคงเป็นบริษัทที่ผลิตกระจกคุณภาพสูง โดยเน้นไปที่ลูกค้าระดับบนจากทั่วยุโรป จนบริษัทได้เปลี่ยนมาเป็นบริษัทมหาชนในปี 1830
ต่อมาเมื่อเข้าสู่ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรมในช่วงปี 1850-1900 เกิดการแข่งขันด้านกระจกจากหลายประเทศ โดยเฉพาะอังกฤษ และเบลเยียม
เพื่อความอยู่รอด แซง-โกแบ็ง จึงต้องขยายธุรกิจกระจกให้ใช้งานได้หลากหลาย พัฒนามาเป็นหลังคากระจก กระจกนูน และหน้าต่างกระจก
ซึ่งสถานที่สำคัญหลายแห่งของยุโรปก็ล้วนใช้กระจกจากแซง-โกแบ็ง เช่น
- คริสตัลพาเลซที่กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานนิทรรศการโลก หรือ World Exposition ครั้งแรกในปี 1851
- สถานีรถไฟกลางเมืองมิลานของอิตาลี
- กร็องปาแล หรือพระราชวังหลวงในกรุงปารีส
- คริสตัลพาเลซที่กรุงลอนดอน ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานนิทรรศการโลก หรือ World Exposition ครั้งแรกในปี 1851
- สถานีรถไฟกลางเมืองมิลานของอิตาลี
- กร็องปาแล หรือพระราชวังหลวงในกรุงปารีส
เมื่อเข้าสู่ศตวรรษที่ 20 แซง-โกแบ็ง ก็ขยายมาสู่การเป็นผู้ผลิตแก้ว และขวดแก้ว สำหรับสินค้าต่าง ๆ รวมถึงไฟเบอร์กลาสส์ หรือเส้นใยแก้ว
แต่อีกจุดเปลี่ยนที่สำคัญ ก็คือ การพัฒนาเทคนิคในการผลิตกระจก โดยเฉพาะการทำกระจกเทมเปอร์ และกระจกลามิเนต ที่ทำให้กระจกมีความแข็งแรงมากขึ้น และเมื่อกระจกแตก ก็จะแตกเป็นชิ้นเล็ก ๆ ไม่แหลมคม และไม่กระจาย
เทคนิคเหล่านี้ถูกนำมาทำเป็นกระจกรถยนต์
ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็ทำให้กระจกรถยนต์ กลายเป็นสัดส่วนรายได้ที่สำคัญของแซง-โกแบ็ง
ซึ่งอุตสาหกรรมยานยนต์ที่เติบโตในช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ก็ทำให้กระจกรถยนต์ กลายเป็นสัดส่วนรายได้ที่สำคัญของแซง-โกแบ็ง
จนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่า แซง-โกแบ็ง เป็นบริษัทกระจกชั้นนำระดับโลก มีสำนักงานอยู่ใน 70 ประเทศทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย
มีสินค้าที่หลากหลายและครอบคลุมเกี่ยวกับกระจก
ทั้งกระจกอาคารสำนักงาน กระจกรถยนต์ และใบตัดกระจก
ทั้งกระจกอาคารสำนักงาน กระจกรถยนต์ และใบตัดกระจก
นอกจากกระจกแล้ว ผลิตภัณฑ์ของแซง-โกแบ็ง ยังรวมไปถึงวัสดุก่อสร้าง เช่น แผ่นยิปซัมบอร์ด ปูนมอร์ตาร์ ท่อส่งน้ำ ไปจนถึงผลิตภัณฑ์พอลิเมอร์ต่าง ๆ
รายได้ของแซง-โกแบ็ง ในปี 2020 อยู่ที่ 1.5 ล้านล้านบาท
โดยสัดส่วนรายได้ ประกอบไปด้วย
- วัสดุก่อสร้าง ที่ใช้สำหรับการซ่อมแซม รีโนเวตอาคาร 54%
- วัสดุก่อสร้าง สำหรับการสร้างอาคารใหม่ 32%
- กระจกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ 7%
- อุตสาหกรรมอื่น ๆ 7%
โดยสัดส่วนรายได้ ประกอบไปด้วย
- วัสดุก่อสร้าง ที่ใช้สำหรับการซ่อมแซม รีโนเวตอาคาร 54%
- วัสดุก่อสร้าง สำหรับการสร้างอาคารใหม่ 32%
- กระจกสำหรับอุตสาหกรรมยานยนต์ 7%
- อุตสาหกรรมอื่น ๆ 7%
ด้วยรายได้จากการขายสินค้าไปทั่วโลก ทำให้ แซง-โกแบ็ง กลายเป็นบริษัทที่มีมูลค่า 1.3 ล้านล้านบาท และใหญ่เป็นอันดับที่ 20 ในตลาดหุ้นฝรั่งเศส
เรื่องราวของบริษัทกระจกแห่งนี้ นับว่าเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจ ของบริษัทที่ผ่านเหตุการณ์ต่าง ๆ มามากมาย แต่ยังคงดำเนินกิจการอยู่ได้จนถึงปัจจุบัน ซึ่งก็มีอายุกว่า 356 ปีแล้ว
สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับ แซง-โกแบ็ง นอกจากคุณภาพของสินค้าแล้ว
คือการต่อยอดจากองค์ความรู้ที่ตัวเองมี โดยเฉพาะการทำกระจก
และประยุกต์ให้เข้ากับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยนไปตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.saint-gobain.com/en/group/our-history
-https://www.saint-gobain.com/sites/saint-gobain.com/files/fy-2020-ang-a_0.pdf
-http://www.fundinguniverse.com/company-histories/compagnie-de-saint-gobain-history/
-https://en.chateauversailles.fr/public-establishment#our-missions
-https://www.uwyo.edu/numimage/currency.htm
-https://www.silpa-mag.com/history/article_24309
-https://www.saint-gobain.com/en/finance/le-groupe-en-chiffres/markets
-https://companiesmarketcap.com/france/largest-companies-in-france-by-market-cap/
คือการต่อยอดจากองค์ความรู้ที่ตัวเองมี โดยเฉพาะการทำกระจก
และประยุกต์ให้เข้ากับอุตสาหกรรมต่าง ๆ ที่ปรับเปลี่ยนไปตลอดช่วงเวลาหลายร้อยปี..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.saint-gobain.com/en/group/our-history
-https://www.saint-gobain.com/sites/saint-gobain.com/files/fy-2020-ang-a_0.pdf
-http://www.fundinguniverse.com/company-histories/compagnie-de-saint-gobain-history/
-https://en.chateauversailles.fr/public-establishment#our-missions
-https://www.uwyo.edu/numimage/currency.htm
-https://www.silpa-mag.com/history/article_24309
-https://www.saint-gobain.com/en/finance/le-groupe-en-chiffres/markets
-https://companiesmarketcap.com/france/largest-companies-in-france-by-market-cap/