เงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อ สินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างไร

เงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อ สินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างไร

เงินเฟ้อและดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้น ส่งผลต่อ สินทรัพย์ต่าง ๆ อย่างไร /โดย ลงทุนแมน
อัตราเงินเฟ้อ เป็นหนึ่งในข้อมูลสำคัญทางเศรษฐกิจที่นักลงทุนหลายคนจับตา
เพราะการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อนั้นมีผลกระทบโดยตรงต่อการลงทุน
คำถามที่หลายคนสงสัยคือ
ในช่วงที่เศรษฐกิจโลกกำลังเข้าสู่ช่วงภาวะเงินเฟ้อ
และตามมาด้วยการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนั้น
สินทรัพย์หลัก ๆ อย่างตราสารหนี้ ทองคำ และหุ้น
จะได้รับผลกระทบอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
เป็นที่รู้ ๆ กันอยู่แล้วว่า ในภาพรวม เงินเฟ้อไม่ใช่เรื่องไม่ดีเสมอไป
เพราะถ้าหากว่าเป็นเงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสม
ก็จะเป็นตัวแปรสำคัญ ให้เศรษฐกิจเจริญเติบโตได้ดี
แต่ในเชิงทฤษฎีการเงินและการลงทุนนั้น
เงินเฟ้อจะทำให้ผลตอบแทนจากการลงทุนนั้นลดลง
ที่เป็นแบบนี้เพราะ ผลตอบแทน “ที่แท้จริง” จากการลงทุน จะเกิดจาก อัตราผลตอบแทนจากการลงทุน หักด้วย อัตราเงินเฟ้อ
ยกตัวอย่างให้เข้าใจง่าย ๆ เช่น ถ้าเราฝากเงินกับธนาคารแล้วได้อัตราดอกเบี้ย 2% ต่อปี และอัตราเงินเฟ้อในปีนั้นเท่ากับ 1% หมายความว่า ผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนในปีนั้น จะเท่ากับ 1%
นอกจากนั้น ถ้าอัตราเงินเฟ้อยิ่งปรับตัวมากขึ้น จนมากกว่าอัตราผลตอบแทนจากการลงทุนในสินทรัพย์นั้น
ก็จะทำให้ผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนของนักลงทุน “ติดลบ”
ถ้าสถานการณ์นี้ดำเนินไปต่อเนื่องยาวนาน ก็อาจทำให้คนนำเงินไปเก็งกำไรในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูง เพื่อหวังได้ผลตอบแทนชนะเงินเฟ้อ ซึ่งอาจนำไปสู่ วิกฤติฟองสบู่สินทรัพย์ต่าง ๆ ได้เช่นกัน
ขณะที่การเร่งตัวของอัตราเงินเฟ้อ มักตามมาด้วยการปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ย
ที่เป็นแบบนี้ ก็เนื่องจากเมื่อเงินเฟ้อ ราคาสินค้าและบริการปรับสูงขึ้น
ธนาคารกลางก็จำเป็นต้องหาวิธีชะลอความร้อนแรงของเศรษฐกิจ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาใหญ่ ๆ ตามมา เช่น Hyperinflation หรือเงินเฟ้อขั้นรุนแรง
ซึ่งวิธีที่ธนาคารกลางนิยมเอามาใช้ ก็คือการปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงขึ้น
โดยมีเป้าหมายเพื่อ “เพิ่มต้นทุนการกู้ยืม” ในภาพรวม
ลดการกู้ยืมไปบริโภค ไปขยายธุรกิจ รวมถึงไปเก็งกำไร
ซึ่งจะส่งผลให้ เศรษฐกิจภาพรวม ชะลอความร้อนแรงของการเติบโตลงได้
ประเด็นต่อมาก็คือ แล้วตราสารหนี้ ทองคำ และหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นสินทรัพย์หลัก ๆ ที่นักลงทุนคุ้นเคย จะมีแนวโน้มเป็นอย่างไร ?
- หุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล
หุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาลหรือตราสารหนี้ เป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนเป็นดอกเบี้ยคงที่ หรือส่วนลดตราสาร แก่นักลงทุนที่ถือครองตราสารจนครบกำหนด
ประเด็นสำคัญคือ เมื่ออัตราเงินเฟ้อเริ่มปรับขึ้น และส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยมีทิศทางที่จะปรับตัวสูงขึ้น ในทางทฤษฎี ราคาของหุ้นกู้และพันธบัตรรัฐบาล จะปรับตัวลดลง
ที่เป็นแบบนี้เนื่องจาก ตราสารหนี้ชุดเดิมที่นักลงทุนถืออยู่นั้น จะเริ่มมีความน่าสนใจลดลง เพราะอัตราดอกเบี้ยหน้าตั๋วนั้น กำลังจะต่ำกว่าอัตราดอกเบี้ยหน้าของตราสารหนี้ชุดใหม่ที่กำลังออกมา
ซึ่งตราสารหนี้ สามารถซื้อขายเปลี่ยนมือกันในตลาดรองได้
ดังนั้น หากนักลงทุนต้องการที่จะขายตราสารหนี้ชุดเดิมออกมา เพื่อไปซื้อตราสารหนี้ชุดใหม่ที่อัตราดอกเบี้ยจูงใจกว่า เขาก็ต้องลดราคาขายลง เพื่อจูงใจให้นักลงทุนรายใหม่มาซื้อต่อ
ซึ่งจะทำให้นักลงทุนที่ยังถือตราสารหนี้ชุดเดิมที่ราคาลดลงเรื่อย ๆ นั้น ขาดทุนได้
ทั้งนี้ นักลงทุนที่ต้องการลงทุนในตราสารหนี้ ในช่วงอัตราดอกเบี้ยปรับตัวขึ้นนั้น ควรมุ่งเน้นไปที่การลงทุนในตราสารหนี้ระยะสั้น ซึ่งจะได้รับผลกระทบน้อยกว่า ตราสารหนี้ระยะยาว
หรืออาจจะเน้นลงทุนในตราสารหนี้ที่มีอัตราดอกเบี้ยลอยตัว ก็จะช่วยลดผลกระทบจากความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยได้พอสมควร
- ทองคำ
เวลาเงินเฟ้อมากขึ้นในประเทศ หมายความว่า ค่าเงินสกุลนั้นลดลง
ซึ่งเรื่องนี้ทำให้นักลงทุน มักมองหาสินทรัพย์ที่สามารถป้องกันอำนาจซื้อที่ลดลงของค่าเงินที่ลดลงได้
โดย “ทองคำ” เป็นสินทรัพย์ที่นักลงทุนจำนวนมากเชื่อว่ามีคุณสมบัตินั้น
ข้อมูลจาก Statista ระบุว่า ในช่วงปี 1971-2019
ทองคำให้ผลตอบแทนเฉลี่ยปีละ 10.9%
ขณะที่อัตราเงินเฟ้อของสหรัฐอเมริกาในช่วงเวลาดังกล่าว เฉลี่ยอยู่ที่ปีละ 3.9%
พอเรื่องเป็นแบบนี้ เราน่าจะพอบอกได้ว่า ทองคำเป็นสินทรัพย์ที่สามารถใช้ป้องกันเงินเฟ้อได้ดีพอสมควร
แต่เนื่องจากการถือครองทองคำ นักลงทุนจะไม่ได้ดอกเบี้ย หรือเงินปันผล เพราะฉะนั้น นักลงทุนก็ต้องบริหารจัดการในเรื่องกระแสเงินสดที่จะได้รับในขณะที่ถือครองทองคำให้ดี
- หุ้นสามัญ
โดยทั่วไปแล้ว เมื่ออัตราดอกเบี้ยปรับสูงขึ้น มักจะส่งผลเสียต่อตลาดหุ้น เนื่องจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนหลายแห่งมีแนวโน้มลดลง จากต้นทุนทางการเงินที่ปรับเพิ่มขึ้น
หรือในมุมของการคำนวณ Valuation ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดในอนาคตของบริษัท
หากอัตราดอกเบี้ยเพิ่มสูงขึ้น อัตราคิดลดก็จะสูงขึ้นตาม
ซึ่งจะเป็นผลให้นักลงทุน ปรับลด Valuation ของบริษัทลงจากช่วงอัตราดอกเบี้ยต่ำ ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม การปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่เป็นผลมาจากการปรับขึ้นของเงินเฟ้อ โดยเฉพาะเงินเฟ้ออย่างอ่อน ๆ ที่ประมาณ 2-3% อาจไม่ได้ส่งผลเสียหายอย่างที่เราเชื่อกันก็ได้
ที่เป็นแบบนี้เพราะ เงินเฟ้อในลักษณะนี้ มักจะทำให้ผู้ผลิตสินค้าและบริการเกิดแรงจูงใจในการลงทุน การจ้างงาน ซึ่งจะส่งผลดีต่อระบบเศรษฐกิจ
ขณะที่ราคาสินค้าและบริการที่ปรับตัวสูงขึ้นจากเงินเฟ้อในระดับที่เหมาะสม ส่วนใหญ่แล้ว ก็จะส่งผลดีต่อรายได้และผลประกอบการ ของบริษัทจดทะเบียนด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ หุ้นในแต่ละอุตสาหรรมก็ได้รับผลกระทบที่แตกต่างกัน
ตัวอย่างเช่น หุ้นในกลุ่มสินค้าโภคภัณฑ์
มักถูกมองว่าเป็นหุ้นที่สามารถป้องกันความเสี่ยงจากเงินเฟ้อได้
เนื่องจาก เงินเฟ้อมักเกิดขึ้นในช่วงที่เศรษฐกิจขยายตัว ทำให้ความต้องการวัตถุดิบ ซึ่งเป็นสินค้าโภคภัณฑ์ ในการนำไปใช้ผลิตสินค้าและบริการต่าง ๆ จึงเพิ่มสูงขึ้น
ซึ่งมันก็ส่งผลให้ ราคาสินค้าโภคภัณฑ์หลายอย่างปรับตัวขึ้น
ขณะที่หุ้นในกลุ่มสถาบันการเงินอย่างธนาคาร ก็จะได้รับประโยชน์ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยขึ้น
เพราะสามารถขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ให้สูงขึ้นได้เร็วและยืดหยุ่นกว่า การปรับขึ้นของอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ทำให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ย ซึ่งเป็นแหล่งรายได้สำคัญของธนาคารนั้น ปรับตัวเพิ่มขึ้น
ดังนั้น สำหรับหุ้นแล้ว การเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย ก็จะส่งผลกระทบกับหุ้นในอุตสาหกรรมต่าง ๆ แตกต่างกันไป
อ่านมาถึงตรงนี้ เราน่าจะพอเข้าใจว่า
ช่วงที่โลกกำลังเข้าสู่วงจรขาขึ้นของเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ย
สินทรัพย์แต่ละประเภทจะได้รับผลกระทบ ที่แตกต่างกันออกไป
ซึ่งถ้าเราทำความเข้าใจ รายละเอียด และกลไกเรื่องเหล่านี้ให้ดี
ก็น่าจะช่วยให้เราเข้าใจการเปลี่ยนแปลงในโลกการลงทุน ได้ดีมากขึ้น..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
References:
-https://www.bot.or.th/App/FinancialLiteracy/ExchangeRate/01_01_contentdownload_inflation.pdf
-https://en.wikipedia.org/wiki/Hyperinflation_in_Venezuela
-https://www.xe.com/currencycharts/?from=USD&to=VEF&view=10Y
-https://www.statista.com/statistics/1061434/gold-other-assets-average-annual-returns-global/
-https://www.in2013dollars.com/us/inflation/1971?endYear=2019&amount=1
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon