Siamese Asset x ลงทุนแมน

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา หลายคนอาจรู้สึกว่าเศรษฐกิจของประเทศไทยเราแทบไม่ขยับไปไหน
ซึ่งต้องบอกว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง โดยเราสามารถดูได้จากตัวเลข GDP ของประเทศไทย

ปี 2019 GDP ของประเทศไทยอยู่ที่ 18.7 ล้านล้านบาท
ปี 2023 GDP ของประเทศไทยอยู่ที่ 17.7 ล้านล้านบาท

โดยส่วนหนึ่งเป็นเพราะว่า ในช่วง 2 ปีที่ผ่านมานี้
ธนาคารแห่งประเทศไทย ปรับดอกเบี้ยให้อยู่ในขาขึ้น เพื่อชะลอความร้อนแรงของอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งแรงทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม เมื่อเดือนตุลาคมที่ผ่านมา ธนาคารแห่งประเทศไทย
เริ่มปรับลดดอกเบี้ยลง เป็นครั้งแรกในรอบ 2 ปี

แล้วการปรับลดดอกเบี้ยลง หมายถึงอะไร ?

ในทางเศรษฐศาสตร์ การที่ธนาคารกลางปรับดอกเบี้ยลง เป็นหนึ่งในสัญญาณ ที่กำลังบอกเราว่า ธนาคารกลางมีนโยบาย ที่จะกลับมากระตุ้นเศรษฐกิจอีกครั้ง

ในมุมของนักลงทุน จุดนี้ เรียกได้ว่าเป็นจุดที่น่าสนใจ ในการเริ่มกลับมาลงทุน

แล้วทำไมนักลงทุนถึงเริ่มสนใจที่จะเข้ามาลงทุนในช่วงนี้ ?

คำตอบคือ ราคาทรัพย์สินประเภทต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น หุ้น ตราสารหนี้ หรืออสังหาฯ ยังไม่สูงมากนัก

โดยสาเหตุมาจากการที่เศรษฐกิจซบเซามาเป็นเวลานาน ซึ่งเราสามารถดูได้จากตัวเลข GDP ที่แทบจะไม่ขยับไปไหนมาหลายปี

อย่างไรก็ตาม หลังจากมีนโยบายการกระตุ้นเศรษฐกิจต่าง ๆ จากทางธนาคารกลาง หรือรัฐบาลโดยทั่วไปแล้ว ราคาสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ รวมถึงเศรษฐกิจ จะมีการปรับตัวไปในทิศทางที่ดีขึ้น

ดังนั้นการเลือกลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพ หรือมีมูลค่าในช่วงนี้ จึงเป็นช่วงที่น่าสนใจไม่น้อย

แต่การลงทุนที่ดีนั้น จำเป็นต้องลงทุนในทรัพย์สินที่ดี
ถ้าในมุมของหุ้นอาจหมายถึง หุ้นที่มีโอกาสเติบโต มีปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง

สำหรับในมุมของอสังหาริมทรัพย์ อาจหมายถึง คอนโดมิเนียม บ้าน ทาวน์เฮาส์ ที่ตัวโครงการหรือห้องเช่ามีคุณภาพ มีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญต้องตั้งอยู่ในทำเลที่มีศักยภาพ

โดยหนึ่งในจุดเด่นของการลงทุนในอสังหาฯ คือ กระแสเงินสด ที่ได้รับมาในรูปแบบของค่าเช่ารายเดือน มีความสม่ำเสมอกว่าการลงทุนในสินทรัพย์ประเภทอื่น ๆ

นอกจากนี้ สำหรับนักลงทุนที่มีเครดิตทางการเงินที่ดี ก็อาจจะไม่จำเป็นที่จะต้องใช้เงินของตัวเองทั้งหมดในการลงทุน โดยอาศัยประโยชน์จากการขอสินเชื่อจากธนาคารพาณิชย์ แต่ก็ต้องยอมรับภาระดอกเบี้ยจ่ายที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนในสินทรัพย์ประเภทต่าง ๆ มีความเสี่ยงที่ต่างกัน นักลงทุนควรศึกษาและทำความเข้าใจให้ดีก่อนตัดสินใจ

มาถึงคำถามที่ว่า แล้วโครงการอสังหาฯ โครงการไหน ที่น่าสนใจในตอนนี้ ?

หนึ่งในโครงการที่น่าสนใจในตอนนี้ คือ Cassia Rama 9 Bangkok โครงการแบบ Branded Residence ที่มีเชนโรงแรม Cassia มาให้บริการ

หลายคนอาจไม่คุ้นกับชื่อ Cassia เท่าไรนัก..

แต่ถ้าบอกว่า Cassia เป็นหนึ่งในเชนโรงแรมภายใต้เครือของ Banyan Group เจ้าของโรงแรมหรู Banyan Tree สิ่งที่เรานึกถึงคงหนีไม่พ้น คุณภาพการจัดการ และมาตรฐานโรงแรมระดับโลก อย่างแน่นอน

แล้วทำไม Cassia Rama 9 Bangkok ถึงน่าสนใจ สำหรับนักลงทุน ?

เราสามารถแบ่งคำตอบออกได้เป็น 3 ข้อหลัก ๆ ด้วยกัน

1. ตั้งอยู่บนทำเลที่มีศักยภาพสูง

โดย Cassia Rama 9 Bangkok ตั้งอยู่ติดกับถนนพระราม 9 ซึ่งนับเป็น New CBD หรือศูนย์กลางธุรกิจแห่งใหม่ ที่กำลังมีการพัฒนาอย่างรวดเร็ว รวมไปถึงมีการคมนาคมที่ดี
ทำให้ง่ายต่อการเดินทาง โครงการอยู่ใกล้ทางด่วนศรีรัช เพียง 5 นาที และใกล้รถไฟฟ้าเพียง 1 นาที

นอกจากนี้พื้นที่รอบ ๆ ยังเต็มไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน เช่น

- เซ็นทรัล พระราม 9, Fortune Town, ห่างจากย่านทองหล่อเพียง 7 นาที
- โรงพยาบาลปิยะเวท, โรงพยาบาลกรุงเทพ และโรงพยาบาลพระราม 9
- ใกล้ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพียง 6 นาที

2. เอกลักษณ์ของห้องไม่เหมือนใคร ตอบโจทย์การใช้งานของผู้อยู่อาศัย

โดยจุดเด่นสำคัญของโครงการนี้ คือ ห้อง 2 ชั้น ซึ่งทำให้เพดานของห้องสูงมากถึง 4.4 เมตร ให้ความรู้สึกโปร่ง โล่งสบาย

นอกจากนี้ Cassia Rama 9 Bangkok ถูกพัฒนาขึ้นโดยบริษัท Siamese Asset ซึ่งเป็นบริษัทที่มีชื่อเสียง และมีความเชี่ยวชาญด้านงานก่อสร้าง และการพัฒนาคอนโดมิเนียม มาอย่างยาวนาน

3. ไฮไลต์สำคัญของโครงการนี้คือ Hotel Investment Program ซึ่งเป็นโปรแกรมที่จัดขึ้นเพื่อนักลงทุนโดยเฉพาะ

ถ้าให้สรุปง่าย ๆ คือ สำหรับนักลงทุนที่ลงทุนผ่านโปรแกรม Hotel Investment Program จะได้รับการบริหารจัดการห้องชุดที่ซื้อ โดยมาตรฐาน Cassia

เพื่อให้เห็นภาพมากขึ้น เราลองมาดูรายละเอียดเพิ่มเติมกัน

สำหรับการลงทุนใน Hotel Investment Program จะเป็นการลงทุนระยะยาวผ่านสัญญาอายุ 15 ปี
โดยผู้ซื้อจะได้รับกรรมสิทธิ์เป็นเจ้าของห้องชุดนั้น ๆ แบบถาวร หรือที่เราเรียกกันว่า Freehold

สำหรับผลตอบแทนที่ โครงการ Cassia Rama 9 Bangkok การันตีว่านักลงทุนจะได้รับ สามารถแบ่งออกได้เป็น

- ปีที่ 1-5 นักลงทุนจะได้รับการการันตีผลตอบแทน 5% โดยคำนวณจากเงินลงทุนทั้งหมด

- ปีที่ 6-15 นักลงทุนจะได้รับผลตอบแทนตามจริง แบบ Profit Sharing หรือแชร์กับนักลงทุนท่านอื่นที่ร่วมโครงการนี้ ซึ่งจากโครงการที่ผ่าน ๆ มา เฉลี่ยแล้วผลตอบแทนจะอยู่ที่ประมาณ 6-8%

อีกหนึ่งจุดที่น่าสนใจไปกว่าผลตอบแทน คือ นักลงทุนไม่จำเป็นต้องหาผู้เช่าเอง
ซึ่งคนที่เข้ามารับผิดชอบในส่วนนี้ คือทาง Cassia ที่จะเป็นผู้ดูแลตั้งแต่ หาลูกค้า ต้อนรับ ดูแลลูกค้า รวมไปถึงทำความสะอาด จัดการห้องให้ทั้งหมด

ทีนี้ ถ้านำข้อดีของตัวโครงการ มาบวกกับจุดเด่นของโปรแกรมการลงทุนแล้ว จะแบ่งจุดที่น่าสนใจในการลงทุนครั้งนี้ออกได้เป็น 5 ข้อด้วยกัน

1. ได้ห้องตกแต่งครบ ในราคาเริ่มต้น 5 ล้านบาท โครงการตั้งอยู่ในทำเล New CBD ที่มีมูลค่าเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

2. โครงการตั้งอยู่ในทำเล New CBD ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางแหล่งทำงาน และยังเป็นหนึ่งในพื้นที่ยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติด้วย

3. สำหรับนักลงทุนที่ยังไม่เคยใช้สิทธิ์บ้านหลังแรก สามารถกู้ได้ 100% ซึ่งหากนำมาหักลบกับผลตอบแทน 5% ที่โครงการเคลมไว้ก่อนหน้านี้ ทำให้ในช่วง 5 ปีแรก ผลตอบแทนที่ได้จะครอบคลุมค่าผ่อน

4. ในกรณีที่ผลตอบแทนหลังจาก 5 ปี เป็นไปตามที่โครงการประมาณการไว้ ทำให้เมื่อหมดระยะเวลาผ่อน นักลงทุนมีโอกาสได้ทรัพย์สินมาโดยแทบไม่ต้องใช้เงินสดของตัวเองเลย

5. มีโอกาสได้กำไรจากมูลค่าอสังหาฯ ที่เพิ่มขึ้น (Capital Gain) จากสถิติในอดีตแล้ว อสังหาฯ ในย่านพระราม 9 จะมีมูลค่าเพิ่มขึ้นเฉลี่ย 5% ต่อปี

อ่านมาถึงตรงนี้ เราคงพอได้คำตอบกันแล้วว่า ทำไมการลงทุนในอสังหาฯ ในช่วงนี้ถึงเป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจ

โดยเฉพาะโครงการ Cassia Rama 9 Bangkok ที่มีความน่าสนใจในมุมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นทำเลที่ตั้ง รูปแบบโครงการที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร

ยิ่งไปกว่านั้นยังมี Hotel Investment Program ที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อแก้ Pain Point หลัก ๆ ของนักลงทุน

สำหรับใครที่กำลังมองหา การลงทุนในอสังหาฯ อยู่ ก็คงไม่เกินไป ถ้าบอกว่า Cassia Rama 9 Bangkok นับเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่มองข้ามไม่ได้เลยทีเดียว..

คำเตือน : การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไข ผลตอบแทน และความเสี่ยง ก่อนตัดสินใจลงทุน

References
- เอกสารประชาสัมพันธ์ Siamese Asset
- https://tradingeconomics.com/thailand/interest-rate