โทฟุซัง น้ำเต้าหู้ 200 ล้าน
โทฟุซัง น้ำเต้าหู้ 200 ล้าน / โดย เพจลงทุนแมน
รู้ไหมว่าเจ้าของโทฟุซัง อายุ 30 ต้นๆ
เริ่มจากความชอบส่วนตัว
จนกลายมาเป็นอาณาจักรน้ำเต้าหู้สดที่ใหญ่สุดในประเทศภายในไม่กี่ปี
คนนี้เขาเป็นใคร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มจากความชอบส่วนตัว
จนกลายมาเป็นอาณาจักรน้ำเต้าหู้สดที่ใหญ่สุดในประเทศภายในไม่กี่ปี
คนนี้เขาเป็นใคร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
จากความชอบทานน้ำเต้าหู้ใส่ถุงที่ขายผ่านรถเข็นของคุณสุรนาม พานิชการ ผู้ก่อตั้งน้ำเต้าหู้โทฟุซัง มาสู่การทำน้ำเต้าหู้บรรจุขวดที่ขายผ่านร้าน 7-11 รวมไปถึงใน Supermarket ชื่อดังต่างๆ หลายแห่ง
มาวันนี้น้ำเต้าหู้โทฟุซัง มีรายได้มากกว่า 200 ล้านบาท แต่กว่า จะมีวันนี้เส้นทางของโทฟุซังเป็นอย่างไร
คุณสุรนามเล่าว่า ตนเองเป็นคนชอบดื่มน้ำเต้าหู้แท้ๆ ที่ไม่ผสมครีมเทียม น้ำมันพืช โดยร้านเจ้าประจำที่ชอบไปซื้อนั้นขายเฉพาะตอนเช้า และบางครั้งก็ไม่สะดวกในการเดินทางไปซื้อ
เนื่องจากความชอบทานน้ำเต้าหู้เป็นทุนเดิม เขาจึงมีความคิดที่จะทำธุรกิจน้ำเต้าหู้ขายเพราะมองว่า หลายๆ คนก็คงไม่สะดวกเวลาไปหาซื้อทานแบบเขา
ทำให้เขาได้ไปติดต่อกับสำนักงานกองทุนสนับสนุนการวิจัย (สกว.) และ Innovative House เพื่อพัฒนาการผลิตน้ำเต้าหู้ ทำให้พบว่า จริงๆ แล้ววิธีทำน้ำเต้าหู้มี Know-How หลากหลายวิธี
เช่น บางวิธีทำน้ำเต้าหู้ได้อร่อยแต่เก็บได้ไม่นาน บางวิธีเก็บได้นานขึ้นแต่ความอร่อยจะลดลง ซึ่งการที่เขารู้ว่ามีวิธีทำหลายแบบทำให้สามารถเลือกวิธีที่เหมาะกับโทฟุซังในที่สุด
คุณสุรนามยังพบว่า เครื่องเคียงที่หาทานยากที่สุดกับน้ำเต้าหู้ คือ ฟองเต้าหู้ สิ่งนี้ ทำให้สินค้าตัวแรกของโทฟุซังที่ออกสู่ตลาดในปี 2554 คือ “นมถั่วเหลืองผสมฟองเต้าหู้”
ในช่วงแรกของการผลิต โทฟุซังจะเป็นธุรกิจลักษณะ SMEs ไม่มีโรงงานเป็นของตนเอง ทำให้ต้องว่าจ้างโรงงานภายนอกผลิตให้
มีอยู่วันหนึ่ง ขณะที่เขาไปออกงานแสดงสินค้ามีลูกค้าจากสิงคโปร์สนใจจะซื้อน้ำเต้าหู้ของเขาไปขาย หลังจากตกลงราคากับลูกค้าแล้ว ไม่นานโรงงานที่รับจ้างผลิตกลับมาขอขึ้นราคาผลิตกับคุณสุรนาม ส่งผลให้ต้นทุนแพงกว่าราคาขายที่ตกลงกับลูกค้าไปแล้ว
สุดท้ายจึงถูกลูกค้ารายนี้ cancel order ทั้งหมด ทำให้เขาต้องคิดหาทางแก้ปัญหาต่างๆ จนในที่สุด เขาก็คิดว่าโทฟุซังต้องมีโรงงานผลิตเป็นของตนเอง
เริ่มต้นนั้น โทฟุซังเน้นวางขายใน Supermarket ที่เจาะกลุ่มผู้บริโภคระดับกลาง-บน เช่น MaxValu และ Villa Market เป็นหลัก
แต่จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของน้ำเต้าหู้โทฟุซังคือ การเข้าไปเสนอขายสินค้าใน 7-11 แต่อย่างที่หลายๆ คนทราบ การเข้าไปขายใน 7-11 ไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะต้องให้ความสำคัญกับ Package Size ที่สินค้าจะเน้นไปที่ขนาดเล็ก-กลาง ในราคาที่หลายๆ คนเข้าถึงง่าย
โจทย์ตัวนี้ ทำให้เขาต้องปรับ Packaging โดยเปลี่ยนจากขวดแก้วเป็นขวดพลาสติกและลดขนาดของสินค้าลง ส่งผลให้ราคาลดลงและลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น ซึ่งการเข้าไปวางขายใน 7-11 ทำให้ผู้บริโภครู้จักโทฟุซังมากยิ่งขึ้น
ปัจจุบัน สัดส่วนยอดขายของโทฟุซัง 40% มาจาก 7-11 และอีก 60% มาจาก Supermarket กับร้านสะดวกซื้ออื่นๆ
ในตลาดน้ำเต้าหู้พร้อมดื่มแบบขวดโทฟุซังถือว่ามีส่วนแบ่งการตลาดลำดับ 1 ที่ 54% เทียบกับผู้เล่นรายใหญ่อื่นๆ เช่น OHAYO (20%), SHINPO (20%) และ FongFong (6%)
รายได้และกำไรของ บริษัท โทฟุซัง จำกัด
ปี 2557 รายได้ 65 ล้านบาท ขาดทุน 1.6 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 169 ล้านบาท กำไร 6.1 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 266 ล้านบาท กำไร 18 ล้านบาท
ปี 2557 รายได้ 65 ล้านบาท ขาดทุน 1.6 ล้านบาท
ปี 2558 รายได้ 169 ล้านบาท กำไร 6.1 ล้านบาท
ปี 2559 รายได้ 266 ล้านบาท กำไร 18 ล้านบาท
จุดเด่นของสินค้าโทฟุซังอีกอย่างนึงคือ ไม่เคยมีโฆษณาจริงๆ จังๆ แต่ยอดขายก็เติบโตทุกปี ด้วยการเน้นใช้ของดีมาผลิตสินค้า ทำให้คนทั่วไปชอบ เช่น ไม่ผสมน้ำมัน เพื่อเพิ่มเข้มข้น แต่ใช้ถั่วเหลือง EU certified organic ที่โปรตีนสูงมาเป็นจุดขายหลัก
รวมทั้งส่งเสริมให้เกษตรกรปลูก และ รับซื้อถั่วเหลือง organic ที่ผ่านการตรวจสอบมาตรฐาน ในราคา 40 บาท ซึ่งราคาประกันของกระทรวงการเกษตร คือ 18.5 บาทเท่านั้น
ปัจจุบัน โทฟุซังไม่เพียงแต่จำหน่ายในประเทศไทยแต่มีการส่งออกต่างประเทศด้วย โดยมีกำลังการผลิต 100,000 ขวดต่อวันและจะเพิ่มเป็น 200,000 ขวดต่อวัน เพื่อรองรับการเติบโตของตลาดในประเทศและต่างประเทศ
ความท้าทายของโทฟุซังคงเป็นเรื่องการกระจายสินค้า เพราะว่าสินค้าบัจจุบันทั้งหมดเป็นของสดต้องแช่เย็นตลอดเวลา จึงแต่งตั้ง DKSH เป็นผู้กระจายสินค้าในช่องทางต่างๆ เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล โรงแรม ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีโอกาสสูงในการเติบโต
ส่วนชื่อของโทฟุซัง ก็มีที่มาที่ไปแสนเรียบง่าย โทฟุ ก็คือ “เต้าหู้” ส่วนซังในภาษาญี่ปุ่นก็แปลว่า “นาย” ดังนั้น โทฟุซังก็แปลว่า “นายเต้าหู้” นั่นเอง
โทฟุซัง เป็นอีกกรณีที่บอกว่า ทุกๆ ความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ทุกคนสามารถรับรู้ได้ เพราะเป็นสิ่งที่อยู่เบื้องหน้า แต่เบื้องหลังของความสำเร็จ คนเหล่านั้นต้องอดทน ฟันฝ่าอุปสรรคต่างๆ มามากมาย มีความตั้งใจแน่วแน่ ไม่ล้มเลิกอะไรง่ายๆ
แล้วถ้าวันนี้เราอยากประสบความสำเร็จแบบนี้บ้าง ลองถามตัวเราว่า เรามีลักษณะนิสัยแบบไหนที่เหมือนคนเหล่านั้นหรือยัง…
----------------------
<ad> หิวจนตาลาย ต้องกินโทฟุซัง แต่ถ้าอิ่มแล้วยังตาลายอยู่ สายตาเราอาจมีปัญหา เชิญมาเช็คสายตาที่ร้าน opticana สีลม ร้านนี้เน้นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ให้บริการด้วยบุคลากรที่มีความชำนาญในทุกขั้นตอน fb.com/opticanathailand
----------------------
----------------------
<ad> หิวจนตาลาย ต้องกินโทฟุซัง แต่ถ้าอิ่มแล้วยังตาลายอยู่ สายตาเราอาจมีปัญหา เชิญมาเช็คสายตาที่ร้าน opticana สีลม ร้านนี้เน้นสินค้าที่มีคุณภาพสูง ให้บริการด้วยบุคลากรที่มีความชำนาญในทุกขั้นตอน fb.com/opticanathailand
----------------------
Source