Walmart และ Target ค้าปลีกดั้งเดิม เติบโตไม่แพ้ Amazon

Walmart และ Target ค้าปลีกดั้งเดิม เติบโตไม่แพ้ Amazon

Walmart และ Target ค้าปลีกดั้งเดิม เติบโตไม่แพ้ Amazon / โดย ลงทุนแมน
แม้ว่ายอดขายจากช่องทางค้าปลีกทั้งหมด
ในสหรัฐอเมริกาจะมาจากทางออนไลน์เพียง 14%
แต่การเติบโตอย่างรวดเร็วของอีคอมเมิร์ซก็ได้
เข้ามาแย่งชิงส่วนแบ่งธุรกรรมค้าปลีกมาโดยตลอด
ยิ่งในช่วงโรคระบาด ที่คล้ายกับบังคับให้คนหันมาซื้อของทางออนไลน์มากขึ้น
ทำให้หลายคนอาจจะคิดว่าผู้ที่ได้ประโยชน์จากเรื่องนี้ ก็น่าจะเป็นบริษัท Amazon
ที่เป็นผู้ให้บริการอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐอเมริกาและของโลก
แต่จริง ๆ แล้ว ร้านค้าปลีกดั้งเดิม โดยเฉพาะ Target และ Walmart
กลับได้รับผลประโยชน์จากวิกฤติโรคระบาดไม่แพ้กัน
เพราะอะไร ? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ทุกวันนี้คงไม่มีใครไม่รู้จักอีคอมเมิร์ซที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง Amazon
ผู้นำแห่งวงการอีคอมเมิร์ซ ที่รายได้เติบโตอย่างรวดเร็ว
เฉลี่ยราว 20% ต่อปีมาอย่างยาวนาน
เมื่อเทียบกับร้านค้าปลีกดั้งเดิม
อย่างเช่น Walmart และ Target ที่คล้าย Lotus’s ในบ้านเรา
มีการเติบโตของยอดขายต่อสาขาอยู่ในระดับคงที่ราว 2% ต่อปี
เป็นระยะเวลายาวนานมาหลายสิบปีแล้ว
ในปี 2015 Amazon ที่ก่อตั้งมาได้ 21 ปี ได้กลายเป็นบริษัทค้าปลีกที่มีมูลค่ามากที่สุดในโลก
โดยสามารถเอาชนะ Walmart ร้านค้าปลีกยักษ์ใหญ่แบบดั้งเดิม ที่มีอายุกว่า 50 ปี
ซึ่งแน่นอนว่าร้านค้าปลีกดั้งเดิมก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ
ผู้ที่ไหวตัวทันอย่าง Walmart และ Target ก็ได้เริ่มพัฒนาช่องทางขายแบบออนไลน์มาสู้
จนในไตรมาส 3 ปี 2019 ยอดขายทางออนไลน์ของทั้ง 2 บริษัทก็มีอัตราการเติบโต
ที่สูงกว่าการเติบโตของ Amazon ได้เป็นครั้งแรก
ต่อเนื่องมาถึงปี 2020 ที่เกิดวิกฤติโควิด 19
แม้ว่าผู้ค้าปลีกทั้งกลุ่ม จะได้ผลบวกจากนโยบายเงินเยียวยาของประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา
และผู้ขายที่มีช่องทางออนไลน์ ก็ยังได้เปรียบจากการค้าขายในช่วงโรคระบาด
แต่ใช่ว่าผู้ประกอบการทุกคน จะเติบโตได้อย่างสดใส
เพราะมีอยู่เพียง 3 บริษัท ที่มีส่วนแบ่งตลาดในช่องทางอีคอมเมิร์ซเพิ่มขึ้น
โดยเทียบข้อมูลส่วนแบ่งตลาดในช่องทางอีคอมเมิร์ซต้นปี 2021 กับต้นปี 2020
อันดับ 1 Amazon ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ 40.4% เพิ่มขึ้นจาก 38.7% ในปีก่อนหน้า
อันดับ 2 Walmart ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ 7.1% เพิ่มขึ้นจาก 5.3% ในปีก่อนหน้า
อันดับ 6 Target ส่วนแบ่งตลาดอีคอมเมิร์ซ 2.2% เพิ่มขึ้นจาก 1.2% ในปีก่อนหน้า
ซึ่งยอดขายออนไลน์ของ Walmart ก็สามารถแซง eBay
ขึ้นมาเป็นอันดับที่ 2 ได้เป็นครั้งแรกในปี 2020 และยังรักษาตำแหน่งไว้ได้
ส่วน Target ที่ล่าสุดอยู่ในอันดับที่ 6 ก็ขยับขึ้นมา
จากอันดับ 8 ในปี 2020 และอันดับ 11 ในปี 2019
นอกจากเรื่องที่ใครครองส่วนแบ่งมากกว่ากันแล้ว
อีกหนึ่งสิ่งที่นักลงทุนให้ความสำคัญ นั่นก็คือตัวเลขการเติบโต
โดยอัตราการเติบโตของยอดขายอีคอมเมิร์ซในปี 2020 ของแต่ละบริษัท เป็นดังนี้
Amazon เติบโต 44% เพิ่มขึ้นจาก 21% ในปีก่อนหน้า
Walmart เติบโต 37% เพิ่มขึ้นเท่ากับปีก่อนหน้า
Target เติบโต 145% เพิ่มขึ้นจาก 20% ในปีก่อนหน้า
แม้ยอดขายของ Amazon จะถือว่าเติบโตสูงเมื่อเทียบกับขนาดส่วนแบ่งตลาด
แต่ที่น่าจับตามองมากกว่าก็คือ อัตราการเติบโตในช่องทางออนไลน์ของค้าปลีกดั้งเดิม
ที่ถือได้ว่าเป็นการเติบโตแบบก้าวกระโดดโดยเฉพาะ Target
และการเติบโตของยอดขายจากช่องทางออนไลน์ของค้าปลีกดั้งเดิมเหล่านี้
ไม่ได้มาจากเพียงแค่เรื่องฐานยอดขายเดิมที่ยังน้อยกว่า Amazon มาก
แต่ร้านค้าเหล่านี้ ยังมีจุดได้เปรียบที่สำคัญ
นั่นก็คือการมีหน้าร้านอยู่หลายสาขา
ที่ได้กลายเป็นปัจจัยส่งเสริมช่องทางออนไลน์ได้อย่างแข็งแกร่ง
ในช่วงที่โควิด 19 เพิ่งเริ่มแพร่ระบาดเป็นวงกว้าง
ชาวอเมริกันต่างรีบซื้อหาสินค้าจำเป็น
โดยเน้นไปที่การสั่งซื้อทางออนไลน์
แต่กลายเป็นว่า ความต้องการสินค้าที่เข้ามาพร้อมกันอย่างล้นหลาม
ก็ได้ทำให้อีคอมเมิร์ซยักษ์ใหญ่อย่าง Amazon ประสบปัญหา
ในการจัดการห่วงโซ่อุปทานอยู่นานหลายเดือน
ทั้งในเรื่องของสินค้าหมดสต็อก โดยเฉพาะสินค้าที่จำเป็นในช่วงการแพร่ระบาด
อย่างกระดาษชำระ ถุงมือยาง หน้ากากอนามัย และแอลกอฮอล์ล้างมือ
แต่ร้านค้าปลีกแบบดั้งเดิม ไม่มีปัญหาในเรื่องนี้
เพราะด้วยสาขาจำนวนมาก จึงมีพื้นที่ให้สต็อกสินค้ามากตามไปด้วย
แล้วค้าปลีกแต่ละรายมีสาขามากขนาดไหน ?
Amazon มีร้านค้า 589 สาขา และศูนย์กระจายสินค้า 110 สาขา
Walmart มี 4,756 สาขา
Target มี 1,897 สาขา
จะเห็นได้ว่าจำนวนสาขาของทั้ง Walmart และ Target มีมากกว่าสาขาของ Amazon หลายเท่า
และแม้ว่า Amazon จะแก้เกมด้วยการเร่งเปิดศูนย์กระจายสินค้าขนาดเล็กให้ทั่วถึงมากขึ้น
แต่สาขาจำนวนมากที่มีอยู่เดิมของร้านค้าปลีก ก็เปรียบเสมือนศูนย์กระจายสินค้าแบบที่ไม่ต้องลงทุนก่อสร้างใหม่ และเป็นจำนวนที่กระจายเข้าสู่ลูกค้าอย่างทั่วถึง
และเรื่องนี้จึงนำมาซึ่งจุดได้เปรียบอีกหนึ่งอย่าง
ของช่องทางออนไลน์ของร้านค้าปลีกดั้งเดิม
นั่นก็คือสินค้าสามารถถึงมือลูกค้าได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากปัญหาสินค้าหมดแล้ว
Amazon ยังไม่สามารถส่งสินค้าได้ตามเวลา
และกลายเป็นว่าสมาชิกที่จ่ายค่า Amazon Prime
กลับไม่ได้ของภายใน 2 วัน ตามเงื่อนไขของการเป็นสมาชิก
แต่ร้านค้าปลีกที่มีหน้าร้านบางเจ้า ลูกค้าสามารถสั่งซื้อทางออนไลน์
แล้วไปรับสินค้าที่สาขาที่สะดวกได้ภายในวันที่สั่งซื้อ โดยจะลงจากรถไปรับสินค้าเอง
หรือจะใช้บริการขับรถไปรับแบบ Drive Through ที่ไร้การสัมผัสกับพนักงานก็ได้
และวิธีนี้ก็เป็นที่นิยมอย่างมาก อย่าง Target เองก็มียอดขายที่เติบโตจากช่องทางนี้เกือบ 10 เท่า
นอกจากนี้ Walmart ยังมีบริการส่งสินค้าภายในวันถัดไป
หรืออย่าง Target ก็มีบริการส่งสินค้าภายในวันที่สั่งซื้อเลย โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มเติม
ซึ่งบริการนี้ของ Target จากเดิมก็เป็นที่นิยมอยู่แล้ว
ในช่วงวิกฤติก็ยิ่งได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นไปอีก
จนเติบโตขึ้นกว่า 2.4 เท่า และคิดเป็นมากกว่าครึ่งหนึ่งของรายได้ออนไลน์ทั้งหมด
มาถึงตรงนี้ ก็อาจคิดได้ว่าการเพิ่มขึ้นของยอดขายออนไลน์ในกลุ่มร้านค้าปลีกดั้งเดิม เกิดจากการดึงยอดขายจากหน้าร้านมาสู่ออนไลน์ เพราะลูกค้าแค่เปลี่ยนช่องทางซื้อสินค้าหรือเปล่า
คำตอบก็คือ “ไม่ใช่” เพราะเมื่อดูจากยอดขายจากหน้าร้านต่อสาขาเดิม
ของ Walmart ยังเติบโตได้ในระดับเดิมที่ 2.8%
ขณะที่ Target มีอัตราการเติบโตพุ่งขึ้นมาที่ 7.2% เมื่อเทียบค่าเฉลี่ยเดิมที่ 2.3%
และจากการเติบโตควบคู่กันของทั้งยอดขายหน้าร้านและทางออนไลน์นี้
จึงทำให้ในภาพรวมของปี 2020 ร้านค้าปลีกเหล่านี้มีอัตราการเติบโต
ที่กลับมาฟื้นตัว เมื่อเทียบกับการเติบโตที่ระดับ 2% ตลอดหลายปีที่ผ่านมา
โดยเฉพาะ Target ที่มีการเติบโตเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัดกว่า 19.3%
ถึงแม้ว่าตอนนี้ ส่วนแบ่งตลาดของร้านค้าปลีกดั้งเดิม
จะยังเป็นเพียงแค่เศษเสี้ยวในตลาดอีคอมเมิร์ซที่มี Amazon เป็นผู้นำ
แต่เมื่อมองเทียบกับตัวบริษัทเองในอดีต
ก็น่าสนใจว่าช่องทางออนไลน์
ที่เริ่มเห็นผลมาตั้งแต่ครึ่งหลังของปี 2019
และมีปัจจัยโควิด 19 ช่วยเป็นตัวเร่งในปี 2020
และนี่อาจเป็นสัญญาณว่า ยักษ์ใหญ่ในธุรกิจค้าปลีกดั้งเดิมอย่าง Walmart และ Target จะกลับมาท้าชนกับเจ้าตลาดค้าปลีกออนไลน์สมัยใหม่อย่าง Amazon ได้อย่างสูสีหรือไม่ เรื่องนี้จะได้เห็นกัน เร็ว ๆ นี้..
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่าน และนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - ลงทุนแมน
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman

เรื่องที่คุณอาจสนใจ

SPONSORED
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon