รู้จัก Codex Leicester หนังสือที่ บิลล์ เกตส์ ซื้อมาด้วยเงิน 960 ล้านบาท
รู้จัก Codex Leicester หนังสือที่ บิลล์ เกตส์ ซื้อมาด้วยเงิน 960 ล้านบาท | THE BRIEFCASE
นอกจาก บิลล์ เกตส์ จะเป็นที่รู้จักในนามผู้ร่วมก่อตั้ง Microsoft แล้ว
เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักอ่านตัวยง โดยเขาได้ลงทุนสร้างห้องสมุดในบ้านของเขาเอง เพื่อเอาไว้เก็บหนังสือหายากจำนวนมาก
เขายังเป็นที่รู้จักในฐานะนักอ่านตัวยง โดยเขาได้ลงทุนสร้างห้องสมุดในบ้านของเขาเอง เพื่อเอาไว้เก็บหนังสือหายากจำนวนมาก
ซึ่งหนึ่งในหนังสือที่หายากเหล่านั้นก็คือ หนังสือที่มีชื่อว่า “The Codex Leicester”
ซึ่งนอกจากจะหายากแล้ว ราคาของหนังสือเล่มนี้ ยังมีมูลค่าที่สูงมากอีกด้วย
โดย บิลล์ เกตส์ ได้หนังสือเล่มนี้มาในราคาสูงถึง 30.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 960 ล้านบาท จากการประมูลในปี 1994
โดย บิลล์ เกตส์ ได้หนังสือเล่มนี้มาในราคาสูงถึง 30.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 960 ล้านบาท จากการประมูลในปี 1994
หนังสือเล่มนี้ใครเป็นคนเขียน และมีความน่าสนใจอย่างไร ทำไมมีราคาเกือบพันล้าน ?
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
THE BRIEFCASE จะสรุปให้ฟัง..
The Codex Leicester เป็นบันทึกที่เขียนด้วยลายมือของ “เลโอนาร์โด ดา วินชี”
ซึ่งถูกเขียนในช่วงปี 1506-1510 มีทั้งหมด 72 หน้า
และถูกนำมาเผยแพร่หลังจากที่ ดา วินชี เสียชีวิตไปแล้ว 200 ปี
ซึ่งถูกเขียนในช่วงปี 1506-1510 มีทั้งหมด 72 หน้า
และถูกนำมาเผยแพร่หลังจากที่ ดา วินชี เสียชีวิตไปแล้ว 200 ปี
โดยคำว่า Codex หมายถึง หนังสือโบราณที่เขียนด้วยลายมือ
ส่วนคำว่า Leicester มาจาก ชื่อตำแหน่งของผู้ครอบครองหนังสือเล่มนี้คนก่อนหน้า ที่มีตำแหน่งเป็น “Earl of Leicester” หรือ ขุนนางที่ครองดินแดนเมืองเลสเตอร์ ในอังกฤษ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18
ส่วนคำว่า Leicester มาจาก ชื่อตำแหน่งของผู้ครอบครองหนังสือเล่มนี้คนก่อนหน้า ที่มีตำแหน่งเป็น “Earl of Leicester” หรือ ขุนนางที่ครองดินแดนเมืองเลสเตอร์ ในอังกฤษ ในช่วงต้นศตวรรษที่ 18
ความน่าสนใจของหนังสือเล่มนี้คือ ตัวหนังสือทั้งหมดในเล่มนี้
จะถูกเขียนแบบ “Mirror Writing” หรือการเขียนกลับด้าน สลับขวาไปซ้าย
เพื่อป้องกันการถูกแอบอ่าน หรือถ้าได้อ่านก็จะต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนานในการแปล เพราะเขียนด้วยภาษาอิตาลีโบราณ
จะถูกเขียนแบบ “Mirror Writing” หรือการเขียนกลับด้าน สลับขวาไปซ้าย
เพื่อป้องกันการถูกแอบอ่าน หรือถ้าได้อ่านก็จะต้องใช้เวลาที่ค่อนข้างนานในการแปล เพราะเขียนด้วยภาษาอิตาลีโบราณ
สำหรับเนื้อหาในหนังสือเล่มนี้เป็นการจดบันทึก การร่างภาพสเกตช์ เขียนวิธีการคำนวณ
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของเรื่องราวต่าง ๆ ที่ ดา วินชี สังเกตและตั้งคำถาม
ซึ่งทุกครั้งที่ ดา วินชี สังเกตเห็นเรื่องอะไรใหม่ ๆ เขาก็จะตั้งคำถามขึ้นมาใหม่
และเขียนวิธีแก้โจทย์เอาไว้ในเล่มนี้
เกี่ยวกับความเป็นไปได้ของเรื่องราวต่าง ๆ ที่ ดา วินชี สังเกตและตั้งคำถาม
ซึ่งทุกครั้งที่ ดา วินชี สังเกตเห็นเรื่องอะไรใหม่ ๆ เขาก็จะตั้งคำถามขึ้นมาใหม่
และเขียนวิธีแก้โจทย์เอาไว้ในเล่มนี้
ซึ่งเนื้อหาจะเกี่ยวข้องกับวิทยาศาสตร์ ตั้งแต่เรื่องฟอสซิล การเคลื่อนไหวของน้ำ ไปจนถึงการเคลื่อนที่ของดวงดาว
ตัวอย่างเช่น
- น้ำ ขึ้นไปอยู่บนยอดเขาได้อย่างไร ?
เขาบันทึกคำตอบจากความรู้และสมมติฐานของตัวเองลงไปว่า
ความเชื่อที่ว่าดวงอาทิตย์ดึงน้ำให้ไหลย้อนขึ้นไปเป็นสิ่งที่ผิด
ความจริงแล้ว น้ำมีกระบวนการไหลเวียนผ่านการระเหย จากนั้นกลายเป็นเมฆ
แล้วจึงกลายเป็นน้ำฝนที่ตกลงมา และขังอยู่บนยอดเขา
ความเชื่อที่ว่าดวงอาทิตย์ดึงน้ำให้ไหลย้อนขึ้นไปเป็นสิ่งที่ผิด
ความจริงแล้ว น้ำมีกระบวนการไหลเวียนผ่านการระเหย จากนั้นกลายเป็นเมฆ
แล้วจึงกลายเป็นน้ำฝนที่ตกลงมา และขังอยู่บนยอดเขา
- รูปกายวิภาคมนุษย์ (Anatomy)
โดย ดา วินชี ได้ฝ่าฝืนกฎของคริสตจักร
แอบไปผ่าศพมนุษย์กว่า 30 ศพ จึงทำให้เขาสามารถวาดภาพกล้ามเนื้อทุกส่วนได้อย่างถูกต้อง
และเขียนอธิบายวิธีการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้
แอบไปผ่าศพมนุษย์กว่า 30 ศพ จึงทำให้เขาสามารถวาดภาพกล้ามเนื้อทุกส่วนได้อย่างถูกต้อง
และเขียนอธิบายวิธีการทำงานของกล้ามเนื้อส่วนต่าง ๆ ได้
ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อหาเหล่านี้ ไม่สามารถเผยแพร่ในตอนที่เขามีชีวิตอยู่
มิเช่นนั้นเขาจะต้องถูกประหารชีวิต
มิเช่นนั้นเขาจะต้องถูกประหารชีวิต
แต่หลังจากที่หนังสือเล่มนี้ได้ถูกเผยแพร่ ก็ได้มีคนนำไปทดลอง
และพิสูจน์สมมติฐานของ ดา วินชี และมีการนำเอาสมมติฐานนั้นมาพัฒนาจนถึงปัจจุบัน
เช่น การออกแบบพลังงานหมุนเวียนทางน้ำ, การร่างภาพสเกตช์ ที่เลียนแบบการบินของนก
มาเป็นต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์ในปัจจุบัน
และพิสูจน์สมมติฐานของ ดา วินชี และมีการนำเอาสมมติฐานนั้นมาพัฒนาจนถึงปัจจุบัน
เช่น การออกแบบพลังงานหมุนเวียนทางน้ำ, การร่างภาพสเกตช์ ที่เลียนแบบการบินของนก
มาเป็นต้นแบบของเฮลิคอปเตอร์ในปัจจุบัน
และเมื่อหนังสือเล่มนี้ ได้ไปอยู่ในมือมหาเศรษฐีผู้รักษ์โลกและชอบการแบ่งปันความรู้อย่าง บิลล์ เกตส์
ทำให้ในทุก ๆ ปี บิลล์ เกตส์ จะจัดแสดงหนังสือเล่มนี้ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยเขาได้แปลงเนื้อหาในหนังสือให้เป็นไฟล์ดิจิทัล และจัดวางในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปชม
ทำให้ในทุก ๆ ปี บิลล์ เกตส์ จะจัดแสดงหนังสือเล่มนี้ ในประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
โดยเขาได้แปลงเนื้อหาในหนังสือให้เป็นไฟล์ดิจิทัล และจัดวางในพิพิธภัณฑ์ เพื่อให้ผู้ที่สนใจได้เข้าไปชม
จากเรื่องราวทั้งหมดนี้ จึงไม่น่าแปลกใจที่หนังสือเล่มนี้จะสามารถดึงดูดความสนใจ จากชายผู้ร่ำรวยและรักการอ่านอย่าง บิลล์ เกตส์
และความพิเศษทั้งหมดของหนังสือเล่มนี้ ก็คงตอบคำถามในใจของใครหลายคนได้แล้วว่า ทำไมหนังสือเล่มนี้ต้องมีราคาสูงถึง 960 ล้านบาท..