MicroStrategy บริษัทที่กำไร แสนล้าน จากการลงทุนในบิตคอยน์

MicroStrategy บริษัทที่กำไร แสนล้าน จากการลงทุนในบิตคอยน์

MicroStrategy บริษัทที่กำไร แสนล้าน จากการลงทุนในบิตคอยน์ /โดย ลงทุนแมน
หลังจากมูลค่าของบิตคอยน์ ได้ขึ้นไปทะลุ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อหนึ่งบิตคอยน์
หลายคนก็ได้เริ่มพูดถึงนักลงทุนสถาบันอย่าง Tesla ที่ได้นำเงินสด
มูลค่าราว 4.6 หมื่นล้านบาท เข้าไปลงทุนในบิตคอยน์
แต่รู้หรือไม่ว่า ยังมีอีกบริษัทที่ได้เข้าไปลงทุนในบิตคอยน์ก่อน Tesla
และได้สร้างผลตอบแทนจากการลงทุนในบิตคอยน์คิดเป็นมูลค่าราวแสนล้านบาท
แล้วบริษัทที่ว่านี้คือใคร และทำธุรกิจอะไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
╚═══════════╝
บริษัทแห่งนั้นชื่อว่า “MicroStrategy” ก่อตั้งขึ้นโดย Michael Saylor
กับเพื่อนอีก 2 คน ในปี 1989 หรือราว 32 ปีก่อน
ทั้ง 3 คนนี้เป็นเพื่อนที่เรียนจบมาด้วยกัน
จากมหาวิทยาลัย Massachusetts Institute of Technology (MIT)
แรกเริ่มเดิมที เป้าหมายหลักของบริษัท MicroStrategy
ก็คือ “การเป็นบริษัทอันดับหนึ่ง” ในด้านผู้ผลิตและพัฒนาซอฟต์แวร์
สำหรับการวิเคราะห์ในทางธุรกิจ ดำเนิน 2 ธุรกิจหลัก แบ่งออกเป็น
- บริการที่ปรึกษาทางด้านการวิเคราะห์ข้อมูลเชิงลึกทางธุรกิจ และคลาวด์
- บริการเสริมอื่น ๆ เช่น การจัดคอร์สอบรมฝึกสอน การใช้งานซอฟต์แวร์ และการวิเคราะห์ข้อมูล
ในช่วงแรกก็ดูเหมือนว่า MicroStrategy จะเริ่มต้นได้ดี เพราะหลังจากที่ทำธุรกิจได้เพียง 3 ปี บริษัทก็สามารถสร้างความน่าเชื่อถือ และสามารถปิดดีลกับบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง McDonald's ได้สำเร็จ
ในที่สุด บริษัทก็ได้จดทะเบียนเข้าตลาดหลักทรัพย์ได้สำเร็จ
แล้วอะไรทำให้บริษัทแห่งนี้ เข้าไปลงทุนในบิตคอยน์ ?
จริง ๆ แล้ว MicroStrategy ได้เริ่มเข้ามาลงทุนในบิตคอยน์
ตั้งแต่ช่วงเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา หรือก่อนหน้า Tesla ราวครึ่งปี
โดยมีเหตุผลสำคัญที่เข้าไปลงทุนก็เพราะว่า
ธุรกิจหลักของบริษัทได้รับผลกระทบจากโรคระบาดอย่างหนัก
ซึ่งตัวเจ้าของบริษัทอย่าง คุณ Michael Saylor ก็ยังได้ระบุว่า
ธุรกิจของเขาจะฟื้นตัวได้ช้า เพราะเหล่าลูกค้าองค์กรของบริษัท ไม่ยอมต่ออายุผลิตภัณฑ์
และลูกค้าหลายรายมองว่าบริการของ MicroStrategy กลายมาเป็นค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
เรื่องดังกล่าวจึงทำให้ คุณ Michael Saylor คาดการณ์ว่า
แม้โลกกำลังได้รับวัคซีน และสถานการณ์ดูเหมือนกำลังจะดีขึ้น
ธุรกิจหลักของบริษัทก็จะยังไม่ฟื้นตัว และหาทางเติบโตได้ลำบาก
ทั้งหมดนี้จึงทำให้เขาตัดสินใจนำเงินสดของบริษัท เข้าไปลงทุนในบิตคอยน์
โดยเขายังได้ให้ความเห็นอีกว่า บิตคอยน์จะเป็นสินทรัพย์ที่หายากที่สุดในโลก
และคุณสมบัติที่มีอยู่อย่างจำกัดของบิตคอยน์ จะทำให้มันมีมูลค่าเพิ่มสูงขึ้น
ทั้งนี้ MicroStrategy เริ่มลงทุนในบิตคอยน์เป็นครั้งแรกเมื่อเดือนสิงหาคม ปีที่ผ่านมา
ณ ตอนนั้น บิตคอยน์มีมูลค่า 11,700 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อ 1 เหรียญบิตคอยน์
ซึ่งพอเรามาดูมูลค่าของบิตคอยน์ในงบดุลของ MicroStrategy ปี 2020
(สิ้นสุด ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2020)
สินทรัพย์ 45,000 ล้านบาท
หนี้สิน 28,000 ล้านบาท
ส่วนของผู้ถือหุ้น 17,000 ล้านบาท
ถ้าถามว่าบริษัทลงบัญชีบิตคอยน์เป็นอะไรในงบการเงิน
คำตอบก็คือบริษัท MicroStrategy ได้จัดบิตคอยน์ เป็นสินทรัพย์ระยะยาว
ในรายการ “Digital Assets” หรือแปลเป็นไทยว่า “สินทรัพย์ดิจิทัล” มีมูลค่าราว 32,400 ล้านบาท
คิดเป็นมากถึง 72% ของสินทรัพย์ทั้งหมดของบริษัท..
ในขณะเดียวกัน เงินทุนที่ MicroStrategy ใช้ในการเข้าซื้อบิตคอยน์ซึ่งนอกจากจะใช้เงินสดแล้ว
ทางบริษัทก็ยังได้ออกหุ้นกู้เพื่อระดมทุนมาเข้าซื้อบิตคอยน์เพิ่มเติม จนทำให้หนี้สินของบริษัทเพิ่มขึ้นเป็นเท่าตัว เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า
ทั้งนี้ MicroStrategy ก็ยังได้เข้าซื้อบิตคอยน์ตลอดช่วงต้นปีนี้
โดยปัจจุบัน บริษัทถือครองบิตคอยน์อยู่ทั้งสิ้น 91,064 เหรียญ
ปัจจุบัน บิตคอยน์มีมูลค่าประมาณ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเหรียญ
โดยที่ทุนเฉลี่ยการลงทุนในบิตคอยน์ของ MicroStrategy อยู่ที่ 24,115 ดอลลาร์สหรัฐ ต่อเหรียญ
แปลว่า MicroStrategy สร้างผลตอบแทนคิดเป็นมูลค่าทั้งหมด สูงถึง 3,268 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 100,400 ล้านบาท..
ด้วยมูลค่าดังกล่าว จึงทำให้ MicroStrategy ถือเป็นบริษัทมหาชน
ที่ถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลมากถึง 168,000 ล้านบาท
ซึ่งถือเป็นมูลค่าการถือครองสินทรัพย์ดิจิทัลที่มากที่สุดในโลก
ในขณะที่บริษัทมีมูลค่าราว 2.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้นเป็น 10 เท่าภายในปีเดียว..
ถึงตรงนี้ เราก็คงสรุปได้ว่า MicroStrategy เป็นบริษัทที่แทบจะทิ้งธุรกิจหลักไปแล้ว
และหันไปโฟกัสกับการเป็นบริษัท ที่ผูกอนาคตไว้กับมูลค่าของบิตคอยน์ไปแล้วเรียบร้อย
ด้วยความที่บิตคอยน์ ยังคงความร้อนแรง และมีมูลค่าเพิ่มขึ้นแบบก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง
บวกกับความสนใจจากทั้งบริษัทยักษ์ใหญ่ และสถาบันทางการเงิน
ก็ทำให้อดคิดไม่ได้ว่าบิตคอยน์อาจจะกลายมาเป็นสินทรัพย์ที่มาแทน “ทองคำ”
ในรูปแบบของสินทรัพย์ ที่มีความสามารถในการกักเก็บความมั่งคั่งเอาไว้ได้
สำหรับในประเทศไทย ก็น่าคิดเหมือนกันว่า
ใครจะเป็นเจ้าแรกที่ริเริ่มการนำเงินสดของบริษัท
มาเข้าซื้อบิตคอยน์เป็นสินทรัพย์
แต่ก็อย่าลืมว่า เหรียญมี 2 ด้านเสมอ
และวันนี้ก็เหมือนว่าทั้งโลกกำลังพูดถึงการก้าวกระโดด
ในด้านแรกเพียงเท่านั้น เพราะหากย้อนกลับไปไม่กี่ปีก่อน
มูลค่าของบิตคอยน์เคยปรับตัวลดลงจากจุดสูงสุดไปมากถึง 80%
แน่นอนว่า คริปโทเคอร์เรนซีและบล็อกเชน จะเป็นอนาคตของโลก
แต่ก็ไม่มีใครบอกได้ว่า “บิตคอยน์” จะมีจุดหมายปลายทางเป็นอย่างไร
ทั้งหมดนี้ ยังไม่มีใครรู้ และเวลา จะเป็นผู้ให้คำตอบ..
คำเตือน: บทความนี้ไม่ได้ชี้นำให้ซื้อหรือขายสินทรัพย์ที่กล่าวถึง การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี มีความผันผวนสูง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
----------------------
Blockdit เป็นแพลตฟอร์ม สำหรับนักอ่านและนักเขียน
ที่มีผู้ใช้งาน 1 ล้านคน ลองใช้แพลตฟอร์มนี้เพื่อได้ไอเดียใหม่ๆ
แล้วอาจพบว่าสังคมนี้เหมาะกับคนเช่นคุณ
Blockdit. Ideas Happen. Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงท-นแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon