HUBLOT นาฬิกาหรู ที่เกิดจาก ศิลปะแห่งการผสมผสาน
HUBLOT นาฬิกาหรู ที่เกิดจาก ศิลปะแห่งการผสมผสาน
ลงทุนแมน x HUBLOT
ลงทุนแมน x HUBLOT
นาฬิกาคือสิ่งประดิษฐ์ที่ทำให้เวลาของมนุษย์เป็นสิ่งมีค่า
และเวลาจะยิ่งกลายเป็นสิ่งมี “มูลค่า” เมื่อถูกมองผ่าน “นาฬิกาสวิส”
และเวลาจะยิ่งกลายเป็นสิ่งมี “มูลค่า” เมื่อถูกมองผ่าน “นาฬิกาสวิส”
ความโดดเด่นของนาฬิกาสวิส คือชื่อเสียงด้านความแม่นยำในการบอกเวลา
กรรมวิธีการผลิตที่ประณีต สะท้อนออกมาผ่านรูปลักษณ์ที่หรูหราไม่แพ้ใคร
กรรมวิธีการผลิตที่ประณีต สะท้อนออกมาผ่านรูปลักษณ์ที่หรูหราไม่แพ้ใคร
หนึ่งในนาฬิกาแบรนด์สวิสที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก
คือแบรนด์นาฬิกาที่สะท้อนเอกลักษณ์ผ่านคำว่า “Art of Fusion”
หรือการผสมผสานความหรูหราแบบดั้งเดิมกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
คือแบรนด์นาฬิกาที่สะท้อนเอกลักษณ์ผ่านคำว่า “Art of Fusion”
หรือการผสมผสานความหรูหราแบบดั้งเดิมกับความทันสมัยได้อย่างลงตัว
นาฬิกาแบรนด์นั้นคือ “HUBLOT”
นาฬิกาแบรนด์นี้มีความน่าสนใจอย่างไร?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
แม้จะเป็นนาฬิกาแบรนด์สวิส
แต่รู้ไหมว่า HUBLOT ถูกก่อตั้งขึ้นโดยคนอิตาลี..
แต่รู้ไหมว่า HUBLOT ถูกก่อตั้งขึ้นโดยคนอิตาลี..
ปี 1980 “Carlo Crocco” ชายชาวอิตาลีผู้เชี่ยวชาญในเรื่องนาฬิกา
ตัดสินใจลาออกจาก Binda Group บริษัทผลิตนาฬิกา และอัญมณีรายใหญ่ในอิตาลี
เพื่อมาก่อตั้งบริษัทผลิตนาฬิกาเป็นของตัวเอง โดยตั้งชื่อแบรนด์ว่า “HUBLOT”
ตัดสินใจลาออกจาก Binda Group บริษัทผลิตนาฬิกา และอัญมณีรายใหญ่ในอิตาลี
เพื่อมาก่อตั้งบริษัทผลิตนาฬิกาเป็นของตัวเอง โดยตั้งชื่อแบรนด์ว่า “HUBLOT”
ช่วงเวลานั้นภาพแห่งความหรูหราของนาฬิกาแบรนด์สวิส
คือตัวเรือนที่เป็นโลหะสีเงิน มีสายเป็นโลหะ หรือหนังแท้
คือตัวเรือนที่เป็นโลหะสีเงิน มีสายเป็นโลหะ หรือหนังแท้
แต่ HUBLOT กลับมีเอกลักษณ์แห่งความหรูหราที่ต่างออกไป
นาฬิกาแบรนด์นี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิด “Art of Fusion” หรือ “ศิลปะแห่งการผสมผสาน”
นาฬิกาแบรนด์นี้ ถูกสร้างขึ้นด้วยแนวคิด “Art of Fusion” หรือ “ศิลปะแห่งการผสมผสาน”
การผสมผสานที่ว่าก็คือ การใช้ ตัวเรือนสีทองที่สะท้อนความหรูหราแบบคลาสสิก
มาผสมผสานกับสายรัดข้อมือที่ผลิตจากยาง ได้อย่างลงตัว
นาฬิการุ่นแรกของ HUBLOT ที่ออกมา จึงมีชื่อ “Classic Fusion” นั่นเอง
มาผสมผสานกับสายรัดข้อมือที่ผลิตจากยาง ได้อย่างลงตัว
นาฬิการุ่นแรกของ HUBLOT ที่ออกมา จึงมีชื่อ “Classic Fusion” นั่นเอง
นอกจากรูปลักษณ์แนวสปอร์ตที่หรูหราแบบไม่เหมือนใครแล้ว
HUBLOT ยังได้มีการพัฒนากลไกภายในตัวเรือน
ให้มีความแม่นยำสูงสุดจนเป็นที่ยอมรับ
HUBLOT ยังได้มีการพัฒนากลไกภายในตัวเรือน
ให้มีความแม่นยำสูงสุดจนเป็นที่ยอมรับ
นาฬิกาของ HUBLOT ได้รับความนิยม
และมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเรื่อยมา
โดยเฉพาะในช่วงปี 2004 ถึง 2007
และมีรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดเรื่อยมา
โดยเฉพาะในช่วงปี 2004 ถึง 2007
ปี 2004 HUBLOT มีรายได้ประมาณ 950 ล้านบาท
ปี 2007 HUBLOT มีรายได้ประมาณ 4,900 ล้านบาท
ปี 2007 HUBLOT มีรายได้ประมาณ 4,900 ล้านบาท
ยอดขายนาฬิกาที่เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทำให้ HUBLOT กลายเป็นที่สนใจของหลายบริษัทยักษ์ใหญ่
ทำให้ HUBLOT กลายเป็นที่สนใจของหลายบริษัทยักษ์ใหญ่
แล้วปี 2008 ก็ได้เกิดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่
เมื่อ LVMH บริษัทเจ้าของแบรนด์หรูรายใหญ่ของโลก
ได้เข้าซื้อกิจการ HUBLOT ด้วยมูลค่าสูงกว่า 16,000 ล้านบาท
ทำให้ HUBLOT กลายเป็นแบรนด์นาฬิกาสปอร์ตหรู ภายใต้ LVMH ตั้งแต่นั้นมา
เมื่อ LVMH บริษัทเจ้าของแบรนด์หรูรายใหญ่ของโลก
ได้เข้าซื้อกิจการ HUBLOT ด้วยมูลค่าสูงกว่า 16,000 ล้านบาท
ทำให้ HUBLOT กลายเป็นแบรนด์นาฬิกาสปอร์ตหรู ภายใต้ LVMH ตั้งแต่นั้นมา
HUBLOT ยังคงได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ
จากการจัดอันดับแบรนด์นาฬิกาสวิสตามมูลค่าการส่งออก
เฉพาะกลุ่มไฮเอนด์ ที่มีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 300,000 บาทต่อเรือน
HUBLOT ไต่อันดับจากอันดับที่ 8 ในปี 2013
ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ในปี 2018 ภายในเวลาเพียง 5 ปี
จากการจัดอันดับแบรนด์นาฬิกาสวิสตามมูลค่าการส่งออก
เฉพาะกลุ่มไฮเอนด์ ที่มีราคาเฉลี่ยสูงกว่า 300,000 บาทต่อเรือน
HUBLOT ไต่อันดับจากอันดับที่ 8 ในปี 2013
ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 4 ในปี 2018 ภายในเวลาเพียง 5 ปี
หลายคนคงสงสัยว่า HUBLOT ทำอย่างไร
ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและสามารถครองใจลูกค้าเพิ่มขึ้นได้เสมอมา
ให้แบรนด์เป็นที่รู้จักและสามารถครองใจลูกค้าเพิ่มขึ้นได้เสมอมา
HUBLOT มีกลยุทธ์ในการเข้าถึงฐานลูกค้าเป็นวงกว้าง
ผ่านพาร์ตเนอร์ชิป และผู้นำในหลากหลายวงการ
อย่างเช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ
ผ่านพาร์ตเนอร์ชิป และผู้นำในหลากหลายวงการ
อย่างเช่น ดนตรี กีฬา ศิลปะ
ตัวอย่างเช่น
ถ้าใครที่ติดตามการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
ก็คงจะคุ้นเคยกันดีกับชื่อแบรนด์นี้
เพราะ HUBLOT ได้รับหน้าที่เป็น “Official Timekeeper” ของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
ทำให้เราได้เห็นชื่อ HUBLOT บนนาฬิกาที่บอกเวลาทดเจ็บ หรือขณะเปลี่ยนตัวผู้เล่น รวมทั้งผู้ชมทางบ้านที่รับชมถ่ายทอดสดจากทั่วโลก ก็จะได้เห็นชื่อแบรนด์ผ่านตาที่มุมจอ
ถ้าใครที่ติดตามการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
ก็คงจะคุ้นเคยกันดีกับชื่อแบรนด์นี้
เพราะ HUBLOT ได้รับหน้าที่เป็น “Official Timekeeper” ของการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ ลีก
ทำให้เราได้เห็นชื่อ HUBLOT บนนาฬิกาที่บอกเวลาทดเจ็บ หรือขณะเปลี่ยนตัวผู้เล่น รวมทั้งผู้ชมทางบ้านที่รับชมถ่ายทอดสดจากทั่วโลก ก็จะได้เห็นชื่อแบรนด์ผ่านตาที่มุมจอ
HUBLOT ยังดึงคนดังในวงการต่างๆ มาเป็น Brand Ambassadors
วงการกีฬา เช่น Usain Bolt, Kylian Mbappe, Jose Mourinho
วงการดนตรีและศิลปะ เช่น DJ SNAKE, Shepard Fairey
และคนดังอีกมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก
ทำให้ HUBLOT สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้เป็นวงกว้าง
วงการกีฬา เช่น Usain Bolt, Kylian Mbappe, Jose Mourinho
วงการดนตรีและศิลปะ เช่น DJ SNAKE, Shepard Fairey
และคนดังอีกมากมายจากหลายประเทศทั่วโลก
ทำให้ HUBLOT สามารถเข้าถึงฐานลูกค้าได้เป็นวงกว้าง
จากจุดเริ่มต้นในปี 1980
มาจนถึงโอกาสที่ HUBLOT อายุครบรอบ 4 ทศวรรษ
HUBLOT ได้เฉลิมฉลองวาระพิเศษ ครบรอบ 40 ปีเต็ม
ด้วยการหยิบเอานาฬิการุ่นคลาสสิกจากปี 1980 อย่างรุ่น “Classic Fusion”
มาจัดทำเป็นรุ่นพิเศษ “Classic Fusion 40 Years Anniversary Collection”
มาจนถึงโอกาสที่ HUBLOT อายุครบรอบ 4 ทศวรรษ
HUBLOT ได้เฉลิมฉลองวาระพิเศษ ครบรอบ 40 ปีเต็ม
ด้วยการหยิบเอานาฬิการุ่นคลาสสิกจากปี 1980 อย่างรุ่น “Classic Fusion”
มาจัดทำเป็นรุ่นพิเศษ “Classic Fusion 40 Years Anniversary Collection”
โดยความพิเศษของนาฬิการุ่นพิเศษนี้
อยู่ที่การถ่ายทอดกลิ่นอายความคลาสสิกแบบนาฬิกาสวิส เข้ากับกลไกออโตแมติกอันล้ำหน้า
ผ่านความเรียบหรูของหน้าปัดแล็กเกอร์สีดำขัดเงาพร้อมโลโก้แบรนด์ Hublot
ตัวเรือนประดับด้วยสกรูรูปตัวอักษร H ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์เท่านั้น
อยู่ที่การถ่ายทอดกลิ่นอายความคลาสสิกแบบนาฬิกาสวิส เข้ากับกลไกออโตแมติกอันล้ำหน้า
ผ่านความเรียบหรูของหน้าปัดแล็กเกอร์สีดำขัดเงาพร้อมโลโก้แบรนด์ Hublot
ตัวเรือนประดับด้วยสกรูรูปตัวอักษร H ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์เท่านั้น
ตัวเรือนเป็นขนาด 45 มิลลิเมตร
ซึ่งมีทั้งหมด 3 สี คือ Yellow Gold, Titanium และ Black Ceramic
ซึ่งมีทั้งหมด 3 สี คือ Yellow Gold, Titanium และ Black Ceramic
ฝาหลังเป็นกระจกคริสตัลแซฟไฟร์
ประกอบคู่มากับสายยางที่สามารถปรับระดับได้ด้วยตัวพับล็อกสายแบบสามบานพับ ซึ่งช่วยเสริมความสะดวกสบายในการสวมใส่
ประกอบคู่มากับสายยางที่สามารถปรับระดับได้ด้วยตัวพับล็อกสายแบบสามบานพับ ซึ่งช่วยเสริมความสะดวกสบายในการสวมใส่
ซึ่งต้องบอกว่า HUBLOT “Classic Fusion 40 Years Anniversary Collection”
คือนาฬิการุ่นพิเศษ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจน
ที่สาวกและนักสะสมนาฬิกา HUBLOT พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
คือนาฬิการุ่นพิเศษ ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของแบรนด์ออกมาได้อย่างชัดเจน
ที่สาวกและนักสะสมนาฬิกา HUBLOT พลาดไม่ได้เลยทีเดียว
และทั้งหมดที่ว่ามานี้ ก็คือความน่าสนใจ
ของนาฬิกาสปอร์ตหรู ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
แบรนด์นาฬิกา ที่ชื่อว่า “HUBLOT”
ของนาฬิกาสปอร์ตหรู ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร
แบรนด์นาฬิกา ที่ชื่อว่า “HUBLOT”
สำหรับใครที่สนใจ สามารถชมรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ https://bit.ly/366Vlo9