ประเทศ FANGMAN

ประเทศ FANGMAN

ประเทศ FANGMAN /โดย ลงทุนแมน
อุตสาหกรรมเทคโนโลยี ได้ก้าวขึ้นมาเป็นธุรกิจหลักของโลกอย่างชัดเจน
และดูเหมือนว่า นับวันจะยิ่งเติบโตทิ้งห่างคนอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วย
โดยเฉพาะบริษัทกลุ่มหนึ่ง ซึ่งถูกจับตามองเป็นพิเศษ
กลุ่มที่สมาชิกประกอบไปด้วยบริษัทชั้นนำ 7 แห่ง
กลุ่มที่สินค้าและบริการ เข้าไปอยู่ในทุกอิริยาบถของชีวิตประจำวันมนุษย์
กลุ่มที่มีมูลค่าหลักทรัพย์รวมกันใหญ่กว่า GDP ประเทศมหาอำนาจ
ลงทุนแมนขอเรียกแทนพวกเขาว่า “ประเทศ FANGMAN”
╔═══════════╗
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
ก่อนอื่น ขอให้ลองนึกภาพว่า FANGMAN เป็นประเทศหนึ่งที่บรรยากาศบ้านเมืองเต็มไปด้วยความล้ำสมัยทางเทคโนโลยีในแทบทุกด้าน
และมีสมาชิกกลุ่ม 7 บริษัท ได้แก่ Facebook, Amazon, Netflix, Google, Microsoft, Apple, Nvidia เปรียบเสมือนเมืองต่างๆ ภายในประเทศ
หลายคนอาจสังเกตเห็นแล้วว่า ชื่อประเทศ FANGMAN นั้นถูกตั้งมาจากอักษรตัวแรกของชื่อเมืองที่กล่าวไปเรียงตามลำดับนั่นเอง
ทีนี้เรามาลองเดินทางไปทำความรู้จักกับแต่ละเมืองกันสักเล็กน้อย
เมืองแรก - Facebook
ที่นี่คือศูนย์กลางของการติดต่อสื่อสาร โดยเป็นผู้ให้บริการแพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียอย่าง Facebook, Instagram และแอปพลิเคชันแช็ตอย่าง WhatsApp, Messenger ซึ่งทุกรายล้วนมีฐานผู้ใช้งานสูงเกิน 1,000 ล้านบัญชี
ถ้าเปรียบเทียบ Facebook เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองลอนดอน” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางการติดต่อทั้งด้านการเงินและเศรษฐกิจ ของผู้คนทั่วโลกทั้งฝั่งสหรัฐฯ ยุโรป และเอเชีย
เมืองที่สอง - Amazon
ใครอยากชอปปิง ต้องไปเยือนเมืองนี้ เพราะ Amazon เป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม E-commerce รายใหญ่ ที่มีสินค้าให้เลือกหลากหลาย และจัดส่งให้ลูกค้าอย่างรวดเร็ว โดยปี 2019 สามารถครองส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกออนไลน์สหรัฐอเมริกา ได้ถึง 52%
นอกจากนั้นเมือง Amazon ยังเป็นที่อยู่ของบุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก นั่นคือ คุณเจฟฟ์ เบโซส ซึ่งมีทรัพย์สินมูลค่า 5.9 ล้านล้านบาท
ถ้าเปรียบเทียบ Amazon เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองปารีส” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางการชอปปิงในโลกนี้ และมีสินค้าแบรนด์เนมมากมายเกิดขึ้นที่เมืองนี้
เมืองที่สาม - Netflix
นี่อาจเป็นเมืองในฝันของคนที่ชื่นชอบความบันเทิง เนื่องจาก Netflix คือผู้ให้บริการแพลตฟอร์มภาพยนตร์ออนไลน์ ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก ล่าสุดมีจำนวนสมาชิกอยู่ทั้งหมด 183 ล้านบัญชี
ถ้าเปรียบเทียบ Netflix เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองลอสแอนเจลิส” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางความบันเทิง และเป็นที่ตั้งของฮอลลีวูด แหล่งรวมสตูดิโอภาพยนตร์หลายค่าย
เมืองที่สี่ - Google หรือชื่อทางการคือ Alphabet
ที่นี่เป็นเหมือนหอสมุดแห่งชาติ เพราะว่ามีคนเข้าไปค้นหาข้อมูลบนเว็บไซต์ Google สูงถึง 3,500 ล้านครั้งต่อวัน รวมทั้งยังให้บริการแพลตฟอร์มที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลประเภทต่างๆ อีกมากมาย เช่น YouTube, Google Chrome, Google Maps, Gmail, Google Drive
ถ้าเปรียบเทียบ Google เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองบอสตัน” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางความรู้ และเป็นที่ตั้งของมหาวิทยาลัยชื่อดังมากมาย ทั้งมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด และ สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (MIT)
เมืองที่ห้า - Microsoft
นักธุรกิจ คนทำงาน จะชอบเมืองนี้เป็นอย่างมาก เพราะเมืองนี้จะมีเครื่องมือให้นักธุรกิจได้ต่อยอดการทำงานของพวกเขาให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น รวมไปถึงเป็นเมืองที่เป็นศูนย์กลางการรับสมัครตำแหน่งงานใหม่ๆ อีกด้วย เมืองนี้ก็คือ Microsoft เป็นผู้พัฒนาซอฟต์แวร์สำหรับคอมพิวเตอร์รายใหญ่ ที่ทุกคนต้องเคยใช้ทำงาน ไม่ว่าจะเป็น ระบบปฏิบัติการ Windows หรือโปรแกรม Microsoft Office ซึ่ง Microsoft Team ซอฟต์แวร์ประชุมทางไกลก็กำลังเป็นที่นิยมในเวลานี้ และ Microsoft ยังเป็นเจ้าของแพลตฟอร์ม Linkedin ที่เป็นตัวกลางในการหางานของผู้คนทั่วโลกอีกด้วย
ถ้าเปรียบเทียบ Microsoft เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองฮ่องกง” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของนักธุรกิจจากทั่วโลก งานประชุม สัมมนาระดับโลก ก็มักจัดกันที่ฮ่องกง
เมืองที่หก - Apple
นี่คือเมืองใหญ่สุดของประเทศ FANGMAN เป็นผู้ผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ที่คอยคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ มาตอบโจทย์การใช้งานผู้บริโภคอยู่เสมอ เช่น iPhone, iPad, Apple Watch, AirPods
ถ้าเปรียบเทียบ Apple เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “เมืองโตเกียว” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของนวัตกรรมด้านนี้ ถ้าจะหาอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำรุ่นล่าสุด ก็คงต้องมาที่เมืองนี้
เมืองสุดท้าย - Nvidia
นี่คือเมืองแห่งสีสัน เมืองที่สามารถทำให้เรื่องราวในชีวิตของเราสนุกขึ้นได้ สินค้าขึ้นชื่อของเมืองนี้คือ หน่วยประมวลผลกราฟิกคอมพิวเตอร์ ซึ่งปัจจุบันครองส่วนแบ่งธุรกิจได้สูงถึง 73% ของตลาด หน่วยประมวลผลกราฟิกคอมพิวเตอร์จะใช้ในการประมวลภาพให้เราได้เล่นเกมอย่างลื่นไหล ประมวลภาพให้เราผลิตงานวิดีโอได้สวยงาม ประมวลภาพให้รถขับด้วยตัวเองโดยอัตโนมัติ
ถ้าเปรียบเทียบ Nvidia เป็นเมืองจริงในโลกนี้ก็คงต้องเป็น “กรุงเทพมหานคร” ที่เป็นเหมือนศูนย์กลางของความสนุก ทุกคนที่ได้มาท่องเที่ยวเมืองนี้ จะได้ภาพสวยงามที่ประทับใจกลับไป และอยากจะกลับมาที่เมืองนี้อีกครั้ง
จะเห็นได้ว่า ทุกเมืองมีจุดเด่นแตกต่างกันไปตามเทคโนโลยีที่ตัวเองถนัด
แต่ไม่ว่าจะเป็น ลอนดอน ปารีส ลอสแอนเจลิส บอสตัน ฮ่องกง โตเกียว กรุงเทพมหานคร
ทุกเมืองที่มีอยู่จริงเหล่านี้กำลังจะถูกประเทศ FANGMAN แย่งตลาดเข้าไปในโลกเสมือน
คำถามคือ เมื่อเมืองเสมือนจริงเหล่านี้ รวมตัวกันเป็นประเทศ FANGMAN จะมีขนาดใหญ่แค่ไหน?
ทุกวันนี้ สินค้าและบริการที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยี กลายเป็นสิ่งที่เราขาดไม่ได้เสียแล้ว เพราะมันช่วยทำให้ชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้นกว่าเดิมมาก
ด้วยเหตุนี้ ผลการดำเนินงานของบริษัทกลุ่ม FANGMAN จึงเติบโตอย่างต่อเนื่อง เช่นเดียวกับมูลค่าหลักทรัพย์ ที่เพิ่มขึ้นจนสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก
อันดับ 1 Apple มูลค่า 52 ล้านล้านบาท
อันดับ 2 Microsoft มูลค่า 51 ล้านล้านบาท
อันดับ 3 Amazon มูลค่า 50 ล้านล้านบาท
อันดับ 4 Alphabet มูลค่า 33 ล้านล้านบาท
อันดับ 6 Facebook มูลค่า 22 ล้านล้านบาท
อันดับ 18 Nvidia มูลค่า 8 ล้านล้านบาท
อันดับ 20 Netflix มูลค่า 7.5 ล้านล้านบาท
และถ้ารวมทุกบริษัทเข้าด้วยกัน FANGMAN จะมีมูลค่าทั้งหมด 223 ล้านล้านบาท
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวคิดเป็น 28% ของดัชนี S&P 500 หรือพูดง่ายๆ หุ้นแค่ 7 ตัว ก็มีสัดส่วนมากกว่า 1 ใน 4 ของมูลค่าหุ้นใหญ่ 500 ตัวแรกของตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาแล้ว
ต่อมา ลองนำ FANGMAN ไปเปรียบเทียบกับประเทศ
เนื่องจากประเทศต่างๆ จะไม่มีมูลค่า Market Cap ที่เราใช้วัดมูลค่าบริษัท
ดังนั้นเราจะประเมินมูลค่าประเทศ จาก GDP แทน
โดยให้ GDP ต่อ มูลค่าประเทศ เท่ากับ 1:1
(จริงๆ แล้ว GDP เปรียบเสมือนรายได้ ในที่นี้ก็คือการให้ Price/Sale = 1 ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีจะมี Price/Sale ที่สูงกว่า 1 แต่อย่างไรก็ตาม Price/Sale = 1 เป็นตัวเลขที่เหมาะสมในการให้มูลค่าของบริษัทโดยทั่วไป)
GDP ประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่สุด 5 อันดับแรกของโลก มีดังนี้
สหรัฐอเมริกา 671 ล้านล้านบาท
จีน 449 ล้านล้านบาท
ญี่ปุ่น 159 ล้านล้านบาท
เยอรมนี 120 ล้านล้านบาท
อินเดีย 90 ล้านล้านบาท
หมายความว่า หาก FANGMAN เป็นประเทศจริงๆ พวกเขาจะใหญ่เป็นอันดับ 3 ของโลกทันที เป็นรองเพียงแค่ สหรัฐอเมริกา และจีน
นอกจากนั้น ยังใหญ่กว่าเศรษฐกิจเยอรมนีกับอินเดีย สองประเทศรวมกันเสียอีก
และใหญ่กว่ามูลค่า GDP ประเทศไทยถึง 13 เท่า..
ที่น่าสนใจคือ ในช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว FANGMAN เพิ่งมีมูลค่าอยู่ที่ 131 ล้านล้านบาท
เท่ากับว่า ทั้งกลุ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น 70% ภายในระยะเวลา 365 วัน
ซึ่งหลายคนอาจประหลาดใจ ถ้าบอกว่าปัจจัยสำคัญต่อการเติบโตอย่างรวดเร็วนี้ คือการแพร่ระบาดของโรคระบาด COVID-19
เพราะการที่ต้องเว้นระยะห่างทางสังคม ไม่สามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้เหมือนอดีต ได้กลายเป็นตัวเร่งให้ผู้คนเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม และหันมาพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น ส่งผลให้หลายธุรกิจของ FANGMAN ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ
เรื่องราวนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่า
มนุษย์กำลังเดินเข้าสู่ยุคใหม่ของประวัติศาสตร์ ที่เทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในทุกย่างก้าวของชีวิต
ดังนั้นต่อไป ผู้ที่สามารถกำหนดทิศทางความเป็นไปของโลกได้
อาจไม่ใช่ประเทศมหาอำนาจ อย่างสหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น สหภาพยุโรป หรือรัสเซีย
แต่เป็นขั้วอำนาจใหม่ที่ถือครองเทคโนโลยี
ซึ่งก็คือประเทศ FANGMAN..
----------------------
อัปเดตสถานการณ์และภาวะเศรษฐกิจกับ Blockdit มีพอดแคสต์ให้ฟังระหว่างเดินทางด้วย
Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
References
-https://thetradable.com/stocks/fangman-market-cap-is-now-higher-than-combined-gdp-of-germany-italy-and-indonesia
-https://www.dogsofthedow.com/largest-companies-by-market-cap.htm
-https://financesonline.com/amazon-statistics/
-https://www.windowscentral.com/amd-tops-nvidia-gpu-sales-according-report
-https://tradingeconomics.com/
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon