จุดตายของ การกระจายความเสี่ยง ที่มี Correlation กัน
จุดตายของ การกระจายความเสี่ยง ที่มี Correlation กัน /โดย ลงทุนแมน
ก่อนหน้านี้ ทุกคนคิดว่า ตัวเองกระจายความเสี่ยงได้ดีพอ
แต่พอโควิด-19 เกิดขึ้น กลับทำให้รู้ว่า
สิ่งที่คิดว่ากระจายความเสี่ยงได้ดีแล้ว มันยังไม่ดีพอ
กระจายร้านอาหารไปทั่วประเทศ
กระจายโรงแรมไปทั่วโลก
แต่พอเรื่องเกิดขึ้น สิ่งที่กระจายออกไป กลับทำให้เราจัดการมันได้ยากขึ้น
แต่พอโควิด-19 เกิดขึ้น กลับทำให้รู้ว่า
สิ่งที่คิดว่ากระจายความเสี่ยงได้ดีแล้ว มันยังไม่ดีพอ
กระจายร้านอาหารไปทั่วประเทศ
กระจายโรงแรมไปทั่วโลก
แต่พอเรื่องเกิดขึ้น สิ่งที่กระจายออกไป กลับทำให้เราจัดการมันได้ยากขึ้น
ถ้าจะถามว่าเรื่องนี้เป็นเพราะอะไร
หัวใจสำคัญของมันก็คือ “Correlation”
แล้ว Correlation คืออะไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์ เจาะลึกแบบ deep content ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คำว่า Correlation คือ ความสัมพันธ์ระหว่างของ 2 สิ่งว่ามันจะเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ มากระทบ
หัวใจสำคัญของมันก็คือ “Correlation”
แล้ว Correlation คืออะไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
╔═══════════╗
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์ เจาะลึกแบบ deep content ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
╚═══════════╝
คำว่า Correlation คือ ความสัมพันธ์ระหว่างของ 2 สิ่งว่ามันจะเกิดขึ้นในทิศทางเดียวกันหรือไม่ เมื่อมีเหตุการณ์ต่างๆ มากระทบ
ในทางเศรษฐศาสตร์ นักวิเคราะห์มักจะชอบหาความสัมพันธ์ระหว่าง 2 สิ่ง ทำออกมาเป็นโมเดลเพื่อทำนายอนาคต ซึ่งเราจะเรียกวิชานี้ว่า Econometrics
เช่น
อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีผลต่อการเติบโตของ GDP ประเทศหรือไม่
ระดับ GDP ต่อหัวมีผลต่ออายุขัยของคนในประเทศหรือไม่
หรือแม้แต่ GDP ประเทศก็อาจมีความสัมพันธ์กับจำนวนเหรียญโอลิมปิกที่ประเทศนั้นได้
เช่น
อัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมีผลต่อการเติบโตของ GDP ประเทศหรือไม่
ระดับ GDP ต่อหัวมีผลต่ออายุขัยของคนในประเทศหรือไม่
หรือแม้แต่ GDP ประเทศก็อาจมีความสัมพันธ์กับจำนวนเหรียญโอลิมปิกที่ประเทศนั้นได้
และในโลกธุรกิจ การลงทุน เรามักจะเอาคำว่า Correlation มาใช้ในการกระจายความเสี่ยง
โดยหลักการคือ การกระจายความเสี่ยงที่ดี ต้องไม่มี Correlation กัน
โดยหลักการคือ การกระจายความเสี่ยงที่ดี ต้องไม่มี Correlation กัน
ถ้าให้ยกตัวอย่างง่ายๆ Correlation จะแบ่งได้เป็น 3 แบบ
1. Correlation ที่เป็นบวก แปลว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้น ของ 2 สิ่งจะมีทิศทางเดียวกัน เช่น ถ้าเศรษฐกิจดี รถยนต์และบ้าน จะขายดีขึ้น ถ้าสมมติฐานนี้เป็นจริง รถยนต์และบ้าน จะถือว่ามี Corrrelation กัน ซึ่งถ้าเศรษฐกิจไม่ดี รถยนต์และบ้าน ก็จะขายได้น้อยลงพร้อมกัน
2. Correlation ที่เป็นลบ แปลว่าถ้าเหตุการณ์เกิดขึ้น ของ 2 สิ่งจะมีทิศทางตรงข้ามกัน เช่น ถ้าผู้คนไม่ออกจากบ้าน รถแท็กซี่จะมีคนใช้บริการน้อยลง ในขณะที่จะมีคนใช้บริการดิลิเวอรีมากขึ้น
3. Correlation ที่เป็นศูนย์ แปลว่า ของ 2 สิ่งไม่ได้มีความสัมพันธ์กันใดๆ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นแบบสุ่มอาจจะมีทิศทางเดียวกัน หรือทิศทางตรงข้ามกันก็ได้ เช่น เศรษฐกิจดีหรือไม่ดี เราก็จะกินมาม่าอยู่ดี ดังนั้น รถยนต์อาจมี Correlation ที่เป็นศูนย์ กับมาม่า
แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นก็คือ “การมองผิด”
การกระจายความเสี่ยงที่เราคิดว่ามันไม่มี Correlation กัน
ความเป็นจริงกลับมีปัจจัยที่นึกไม่ถึง ทำให้มันสัมพันธ์กัน
การกระจายความเสี่ยงที่เราคิดว่ามันไม่มี Correlation กัน
ความเป็นจริงกลับมีปัจจัยที่นึกไม่ถึง ทำให้มันสัมพันธ์กัน
ขยายโรงแรมไปทั่วโลก เพราะ คิดว่าแต่ละประเทศก็มีปัจจัยในท้องถิ่นต่างกัน
ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศหนึ่ง คงไม่ส่งผลกระทบกับอีกประเทศหนึ่ง
ซึ่งเหตุการณ์ความไม่สงบในประเทศหนึ่ง คงไม่ส่งผลกระทบกับอีกประเทศหนึ่ง
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้คือ โรงแรมทั่วโลก ประสบปัญหาจากโรคระบาดเหมือนกันหมดทุกประเทศ
ขยายห้างสรรพสินค้าไปทั่วประเทศ เพราะคิดว่าถ้าเกิดเหตุอะไรในกรุงเทพฯ ก็คงไม่ส่งผลกระทบต่อต่างจังหวัด
แต่สิ่งที่เกิดขึ้นคือ ห้างทั่วทุกแห่งในประเทศ โดนรัฐบาลสั่งปิดเพื่อควบคุมโรคระบาด
ดังนั้นถ้าเราเป็นนักธุรกิจ นักลงทุน ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง
ก็ควรต้องดูว่ามีปัจจัยที่เราคิดไม่ถึงหรือไม่
อย่ามั่นใจว่าตัวเองกระจายดีแล้ว จริงๆ แล้วมันอาจมีอะไรมากระตุกให้ล้มทั้งกระดาน
ก็ควรต้องดูว่ามีปัจจัยที่เราคิดไม่ถึงหรือไม่
อย่ามั่นใจว่าตัวเองกระจายดีแล้ว จริงๆ แล้วมันอาจมีอะไรมากระตุกให้ล้มทั้งกระดาน
ส่วน Correlation ที่เป็นลบ ก็ดูเหมือนว่าเป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดี
แต่ในบางครั้งให้ 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกันมากๆ อยู่กับเรา มันก็อาจทำให้บวกลบสุทธิกันแล้ว เราจะไม่ได้อะไรเลย เพราะถ้าตรงกันข้ามจะมีตัวหนึ่งดี อีกตัวหนึ่งจะไม่ดี สรุปแล้วเราก็ไม่ได้อะไร
แต่ในบางครั้งให้ 2 สิ่งที่ตรงกันข้ามกันมากๆ อยู่กับเรา มันก็อาจทำให้บวกลบสุทธิกันแล้ว เราจะไม่ได้อะไรเลย เพราะถ้าตรงกันข้ามจะมีตัวหนึ่งดี อีกตัวหนึ่งจะไม่ดี สรุปแล้วเราก็ไม่ได้อะไร
การกระจายความเสี่ยงที่ดูเหมือนจะดีที่สุดก็คือ
เราต้องหาสิ่งที่ไม่มีความสัมพันธ์กันมาอยู่ด้วยกัน
โดยที่คิดให้รอบคอบว่า ต่อให้อะไรเกิดขึ้น มันก็จะไม่ล้มไปด้วยกัน
เราต้องหาสิ่งที่ไม่มีความสัมพันธ์กันมาอยู่ด้วยกัน
โดยที่คิดให้รอบคอบว่า ต่อให้อะไรเกิดขึ้น มันก็จะไม่ล้มไปด้วยกัน
แต่การกระจายไปหลายธุรกิจก็ต้องแลกกับการโฟกัส
เพราะการทำหลายอย่าง ก็ต้องสูญเสียการเน้นในการทำสิ่งที่ตัวเองถนัดไปเช่นกัน
ดังนั้นต้องรักษาสมดุลให้ดี การกระจายแตกเป็นเบี้ยเล็กเกินไปก็คงไม่ดี
คำถามที่สำคัญคือ เราจะกระจายความเสี่ยงอย่างไรให้พอเหมาะ และมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งทุกคนก็คงอยากได้มัน
เพราะการทำหลายอย่าง ก็ต้องสูญเสียการเน้นในการทำสิ่งที่ตัวเองถนัดไปเช่นกัน
ดังนั้นต้องรักษาสมดุลให้ดี การกระจายแตกเป็นเบี้ยเล็กเกินไปก็คงไม่ดี
คำถามที่สำคัญคือ เราจะกระจายความเสี่ยงอย่างไรให้พอเหมาะ และมีประสิทธิภาพที่สุด ซึ่งทุกคนก็คงอยากได้มัน
การเกิดขึ้นของโควิด-19 ในครั้งนี้ หากเรารอดไปได้ มันก็อาจเป็นข้อดี
ที่ทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้วเรามีจุดอ่อนอะไรซ่อนอยู่
ที่ทำให้เรารู้ว่า จริงๆ แล้วเรามีจุดอ่อนอะไรซ่อนอยู่
หลังจากเหตุการณ์นี้ ก็น่าจะทำให้หลายคนอยากหาธุรกิจใหม่ๆ ที่ไม่มี Correlation กับของเดิม
เพราะถ้าจะให้สิ่งที่สะสมมาทั้งชีวิต พังทลายหายไปพร้อมกันในคราวเดียว
มันก็คงเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน..
----------------------
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์ เจาะลึกแบบ deep content ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
เพราะถ้าจะให้สิ่งที่สะสมมาทั้งชีวิต พังทลายหายไปพร้อมกันในคราวเดียว
มันก็คงเจ็บปวดอยู่เหมือนกัน..
----------------------
Blockdit แหล่งรวมบทความวิเคราะห์ เจาะลึกแบบ deep content ล่าสุดมีฟีเจอร์พอดแคสต์แล้ว
Blockdit.com/download
----------------------
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
Line - page.line.me/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman