Walt Disney บริษัทที่มีมากกว่ามิกกี้เมาส์ / โดย ลงทุนแมน

Beauty and the Beast หนังของ Walt Disney ทำสถิติเปิดตัวเป็นอันดับ 7 ของรายได้สูงสุดตลอดกาลในอเมริกา และทำให้ Emma Watson กลายเป็นนักแสดงวัยรุ่นที่มีค่าตัวมากที่สุดคนหนึ่งในยุคนี้แล้ว ถ้าพูดถึงชื่อ Frozen, Toy Story, Lion King หลายคนคงรู้จักว่าเป็นการ์ตูนดังของ Walt Disney แต่หลายคนคงยังไม่รู้ว่า Walt Disney ยังมีหนังดังๆอีกหลายเรื่องเช่น Star Wars, Avenger, Iron Man, Captain America ซึ่งทำให้รายได้มหาศาลให้กับบริษัทในแต่ละปี

สิ่งที่ทำให้หนังของ Walt Disney ต่างจากหนังทั่วไป คือหนังของ Walt Disney เป็นลักษณะ Franchise ซึ่งสามารถทำภาคต่อได้ไปเรื่อยๆ ต่างจากหนังเดี่ยวๆที่ทำขึ้นมาใหม่ซึ่งมีความเสี่ยงสูงกว่า จึงไม่น่าแปลกใจถ้าเราจะเห็นหนังภาคต่อไปเรื่อยๆของ Iron Man หรือ หนังฉบับ remake อย่างเช่น Beauty and the Beast

ธุรกิจที่ทำรายได้มหาศาลให้กับ Walt Disney อีกธุรกิจหนึ่งคือธุรกิจสวนสนุก และรีสอร์ท ซึ่งอยู่ใน 6 แห่งทั่วโลกคือ
1) ฟลอริด้า ประเทศอเมริกา
2) แคลิฟอร์เนีย ประเทศอเมริกา
3) ปารีส ประเทศฝรั่งเศส
4)โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น
5) ฮ่องกง ประเทศจีน
6) เซี่ยงไฮ้ ประเทศจีน (พึ่งเปิดเมื่อปีที่แล้ว)

สวนสนุกของ Disney หลายประเทศที่ผมเคยไปจะคล้ายๆกันคือมีเครื่องเล่นที่อิงตามตัวละครของ Disney และมีโรงแรมตั้งอยู่ติดกันให้คนมาพัก ถ้าคนที่เคยเล่นแล้วก็อาจจะเบื่อเพราะเครื่องเล่นคล้ายเดิมคล้ายสวนสนุกในประเทศไทยที่เราเบื่อแล้ว แต่น่าแปลกใจว่าเวลาผ่านไปเป็นสิบปี คนกลับไม่รู้สึกเบื่อสวนสนุกของ Disney และดูเหมือนจะมีคนไปเยอะมากขึ้นกว่าเดิมอีก ต้องต่อแถวรอคิวเป็นชั่วโมงถ้าไม่มีตั๋วพิเศษ

ความนิยมที่ไม่เสื่อมเลยอาจเป็นเพราะตัวละคร character ของ Walt Disney อยู่คู่ในใจคนทั่วโลกมานานและถูกส่งต่อให้รุ่นลูกรุ่นหลานต่อไปเรื่อยๆ ถ้าให้เลือกธุรกิจที่อีก 100 ปีจะยังคงอยู่ ปฏิเสธไม่ได้ว่าบริษัท Walt Disney จะเป็นหนึ่งในนั้น เหตุผลเพราะ Walt Disney เป็นเจ้าของ content คุณภาพที่เป็นอมตะตลอดกาลมากสุดบริษัทหนึ่งของโลก

และ Walt Disney ยังได้รายได้จากการขายสินค้าที่เกี่ยวข้องกับ Franchise อีกมากมายเช่น ของเล่น เสื้อผ้า หนังสือ และ เกมส์ รวมถึง Walt Disney ยังเป็นเจ้าของธุรกิจสื่อทั้ง เคเบิล ทีวี วิทยุ แบรนด์ที่ดังของบริษัทคือ abc ที่มีรายการ content ดีๆมากมาย และ ESPN ที่เป็นช่องเกี่ยวกับกีฬา ซึ่งธุรกิจส่วนนี้ทำรายได้ไม่แพ้การทำภาพยนตร์เลย

ปัจจุบัน Walt Disney มีมูลค่าบริษัท 6 ล้านล้านบาท ใหญ่กว่า ปตท. บริษัทที่ใหญ่สุดในประเทศไทย ถึง 6 เท่า และมีกำไรปีล่าสุด 320,000 ล้านบาท แค่กำไรปีเดียวก็นำเงินมาสร้างรถไฟฟ้าในประเทศไทยได้หลายสาย ธุรกิจของ Walt Disney ต่างจากธุรกิจของบริษัทใหญ่ๆในประเทศไทย เพราะใช้หัวสมอง และ creative ล้วนๆ บริษัทใหญ่ของประเทศไทยจะยังมีธุรกิจเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการผลิต และค้าปลีกอยู่

เราก็หวังว่าสักวัน Walt Disney จะเจียดกำไรของเขา มาสร้างสวนสนุก Disney ในประเทศไทยบ้าง แต่ก็ไม่แน่ว่าประเทศไทยอาจจะเป็นตัวเลือกหนึ่งในโครงการอนาคตของ Walt Disney ก็เป็นได้ เพราะประเทศไทยก็เป็นแหล่งท่องเที่ยวอันดับต้นๆของโลกไม่แพ้ใครเช่นกัน