โอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ กับหุ้นกู้ TPIPL
ผู้สนับสนุน..
โอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ กับหุ้นกู้ TPIPL
โอกาสสร้างผลตอบแทนอย่างสม่ำเสมอ กับหุ้นกู้ TPIPL
บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน) หรือ TPIPL ประกาศเสนอขายหุ้นกู้มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน 6,000 ล้านบาท โดยตัวหุ้นกู้มีอายุ 3 ปี และมีอัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี
TPIPL ทำธุรกิจอะไรบ้าง? ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
TPIPL ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ. 2532 โดยคุณประชัย เลี่ยวไพรัตน์ เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์
ปัจจุบัน TPIPL ได้ต่อยอดขยายธุรกิจ และกระจายการลงทุนไปยังอุตสาหกรรมต่างๆ ได้แก่
อุตสาหกรรมวัสดุก่อสร้าง: ผลิตและจำหน่ายปูนซีเมนต์, ปูนสำเร็จรูป, ปูนเม็ด, กระเบื้องคอนกรีต, คอนกรีตผสมเสร็จ, ไฟเบอร์ซีเมนต์, อิฐมวลเบา และสี
อุตสาหกรรมปิโตรเคมี: ผลิตและจำหน่ายเม็ดพลาสติก LDPE / EVA, ผลิตภัณฑ์พลาสติก, Solar Film, สารแอมโมเนียและกรดไนตริก กาวน้ำ และกาวผง
อุตสาหกรรมพลังงาน: ผลิตและจำหน่ายกระแสไฟฟ้า รวมถึงพลังงานเชื้อเพลิงจากขยะ (RDF), สถานีให้บริการน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ และสำรวจปิโตรเลียม
อุตสาหกรรมการเกษตรและอื่น ๆ เช่น ผลิตและจำหน่ายปุ๋ยอินทรีย์ และบริการรับเหมาก่อสร้าง เป็นต้น
โดยผลประกอบการ 9 เดือนแรก ตามงบการเงินรวมของ บริษัท ทีพีไอ โพลีน จำกัด (มหาชน)
ปี 2561 รายได้ 27,109 ล้านบาท กำไร 772 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 29,190 ล้านบาท กำไร 2,126 ล้านบาท
ปี 2561 รายได้ 27,109 ล้านบาท กำไร 772 ล้านบาท
ปี 2562 รายได้ 29,190 ล้านบาท กำไร 2,126 ล้านบาท
จากตัวเลขรายได้และกำไร เติบโตขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 7.7% และ 175.4% ตามลำดับ ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นเพราะการลงทุนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการผลิต เช่น การลงทุนในระบบสายพานลำเลียงวัตถุดิบ ระบบป้อนเชื้อเพลิง และการลงทุนในธุรกิจผลิตและจัดจำหน่ายไฟฟ้า ส่งผลให้บริษัทมีอัตรากำไรที่สูงขึ้น
ซึ่ง TPIPL คาดการณ์ว่ารายได้ทั้งหมดของปี 2562 จะแตะที่ระดับ 39,000 ล้านบาท จากจำนวน 37,315 ล้านบาทในปี 2561
แล้วแนวโน้มธุรกิจในอนาคตของ TPIPL เป็นอย่างไร ?
TPIPL มองว่าธุรกิจยังสามารถเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะธุรกิจปูนซีเมนต์ ซึ่งถือเป็นธุรกิจหลักของบริษัท จากนโยบายการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและระบบรางที่ชัดเจนของภาครัฐ และภาคเอกชน เช่น โครงการขยายเส้นทางรถไฟฟ้าสีต่าง ๆ โครงการขยายท่าเรือแหลมฉบัง และท่าเรือมาบตะพุด โครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน โครงการขยายถนนมอเตอร์เวย์ รถไฟรางคู่ และรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพ-โคราช ซึ่งส่งผลให้ภาคเอกชนหันมาสนใจขยายการลงทุนในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ตามแนวเส้นทางดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ ภาคเอกชนเองได้มีการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่อีกหลายโครงการ เช่น โครงการวัน แบงค็อก และโครงการแบงค็อกมอลล์
สำหรับในส่วนของธุรกิจพลังงาน กลุ่ม TPIPL ก็มีความพร้อมเข้าร่วมประมูลโครงการตามนโยบายของภาครัฐ เช่น โครงการโรงไฟฟ้าเชื้อเพลิงขยะในจังหวัดสงขลาและนครราชสีมา รวมถึงมีการลงทุนติดตั้งหม้อผลิตไอน้ำเพิ่มเติม ทำให้สามารถผลิตไฟฟ้าได้เพิ่มมากขึ้น
ด้วยปัจจัยทั้งหมดนี้จึงแสดงให้เห็นว่า TPIPL มีความพร้อมที่จะขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และมีศักยภาพที่จะเติบโตได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
สำหรับผู้ที่สนใจลงทุนในหุ้นกู้ TPIPL
หุ้นกู้ TPIPL ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือที่ BBB+ โดยมีแนวโน้มอันดับเครดิตเป็น “Positive” หรือ “บวก” โดยบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2562
โดยบริษัทจะเสนอขายหุ้นกู้แก่นักลงทุนในวันที่ 13-15 มกราคม 2563 และระบุวันที่ออกหุ้นกู้ คือ 16 มกราคม 2563
โดยตัวหุ้นกู้มีอายุ 3 ปี และให้อัตราดอกเบี้ยคงที่ 3.5% ต่อปี
หุ้นกู้ TPIPL มีเงื่อนไขการจ่ายดอกเบี้ยทุก ๆ 3 เดือน ทุกวันที่ 16 มกราคม เมษายน กรกฎาคม และตุลาคมของแต่ละปี ตลอดอายุหุ้นกู้ 3 ปี
ผู้สนใจสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ https://market.sec.or.th/public/ipos/IPOSDE01.aspx?TransID=280363
คำเตือน
1. โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ตลาดตราสารหนี้ ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
3. อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารเป็นเพียงข้อมูลประกอบการ ตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขายและ ไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และเมื่อผู้ออกหุ้นกู้หยุดจ่ายดอกเบี้ย (กรณีบริษัทไม่ได้แจ้งเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้) หรือเงินต้น ก็เป็นการผิดนัดชำระหนี้ หุ้นกู้ (default) ซึ่งหากผู้ออกหุ้นกู้ประกาศล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้ หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าหนี้ อื่นของบริษัท ผู้ออกหุ้นกู้จะมีบุริมสิทธิเหนือผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้ ผู้ลงทุนสามารถดูผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ หรือผู้ออกหุ้นกู้ (credit rating) ที่จัดทำโดยสถาบันจัดอันดับความเสี่ยง ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ถ้า credit rating ของหุ้นกู้ต่ำ หรือผู้ออกหุ้นกู้แสดงว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้สูง ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับควรจะสูงด้วยเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงของหุ้นกู้ดังกล่าว
1. โปรดทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทนและความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนมีความเสี่ยง โปรดศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วนก่อนตัดสินใจลงทุน
2. ตลาดตราสารหนี้ ในประเทศไทยมีสภาพคล่องต่ำ การขายตราสารในตลาดรองนั้นอาจได้รับมูลค่าขายตราสารลดลง หรือเพิ่มขึ้นได้ โดยขึ้นอยู่กับสภาวะและความต้องการของตลาดในขณะนั้น
3. อันดับความน่าเชื่อถือของผู้ออกตราสารเป็นเพียงข้อมูลประกอบการ ตัดสินใจลงทุนเท่านั้น มิใช่สิ่งชี้นำการซื้อขายตราสารหนี้ที่เสนอขายและ ไม่ได้เป็นการรับประกันความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ออกตราสาร และเมื่อผู้ออกหุ้นกู้หยุดจ่ายดอกเบี้ย (กรณีบริษัทไม่ได้แจ้งเลื่อนการจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้) หรือเงินต้น ก็เป็นการผิดนัดชำระหนี้ หุ้นกู้ (default) ซึ่งหากผู้ออกหุ้นกู้ประกาศล้มละลายหรือผิดนัดชำระหนี้ หุ้นกู้ ผู้ถือหุ้นกู้ และเจ้าหนี้ อื่นของบริษัท ผู้ออกหุ้นกู้จะมีบุริมสิทธิเหนือผู้ถือหุ้นสามัญของบริษัทผู้ออกหุ้นกู้ ในการประเมินความเสี่ยงด้านเครดิตของผู้ออกหุ้นกู้ ผู้ลงทุนสามารถดูผลการจัดอันดับความน่าเชื่อถือของหุ้นกู้ หรือผู้ออกหุ้นกู้ (credit rating) ที่จัดทำโดยสถาบันจัดอันดับความเสี่ยง ประกอบการตัดสินใจลงทุนได้ถ้า credit rating ของหุ้นกู้ต่ำ หรือผู้ออกหุ้นกู้แสดงว่าความเสี่ยงด้านเครดิตของหุ้นกู้หรือผู้ออกหุ้นกู้สูง ผลตอบแทนที่ผู้ลงทุนได้รับควรจะสูงด้วยเพื่อชดเชยความเสี่ยงที่สูงของหุ้นกู้ดังกล่าว