ธุรกิจแบรนด์หรู สู่ จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์
ธุรกิจแบรนด์หรู สู่ จุดสูงสุดในประวัติศาสตร์ / โดย ลงทุนแมน
.hermes {
font-family: 'Tahoma';
font-size: 17px;
}
font-family: 'Tahoma';
font-size: 17px;
}
รู้ไหมว่า กระเป๋า Hermès, Gucci และ Louis Vuitton
ใบละหลายหมื่น หลายแสน กำลังขายดีที่สุดตั้งแต่ที่โลกใบนี้เกิดขึ้นมา..
ใบละหลายหมื่น หลายแสน กำลังขายดีที่สุดตั้งแต่ที่โลกใบนี้เกิดขึ้นมา..
ธุรกิจแบรนด์หรู เป็นอีกหนึ่งธุรกิจที่เติบโตขึ้นท่ามกลางโลกที่เปลี่ยนไป
LVMH ธุรกิจแบรนด์หรูใหญ่สุดในโลกมีมูลค่าบริษัทกว่า 6.2 ล้านล้านบาท
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัท
ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในประวัติศาสตร์บริษัท
แล้วปัจจุบัน ธุรกิจแบรนด์หรู แต่ละบริษัทขายดีขนาดไหน?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
ปัจจุบันผู้นำในธุรกิจแบรนด์หรู คือ บริษัท LVMH
LVMH เป็นเจ้าของทั้งแบรนด์กระเป๋า, ไวน์, เครื่องประดับ และร้านค้าปลีก
เครื่องหนัง เช่น Louis Vuitton, Céline, Givenchy และ Dior
ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น Moët & Chandon และ Hennessy
เครื่องประดับและนาฬิกา เช่น Hublot, Tag Heuer และ Bvlgari
เครื่องสำอาง เช่น Christian Dior และ Fendi
ร้านค้าปลีก เช่น Sephora
ไวน์และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เช่น Moët & Chandon และ Hennessy
เครื่องประดับและนาฬิกา เช่น Hublot, Tag Heuer และ Bvlgari
เครื่องสำอาง เช่น Christian Dior และ Fendi
ร้านค้าปลีก เช่น Sephora
บริษัท LVMH
ปี 2016 รายได้ 1.35 ล้านล้านบาท กำไร 1.46 แสนล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 1.53 ล้านล้านบาท กำไร 1.92 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 1.68 ล้านล้านบาท กำไร 2.27 แสนล้านบาท
ปี 2016 รายได้ 1.35 ล้านล้านบาท กำไร 1.46 แสนล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 1.53 ล้านล้านบาท กำไร 1.92 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 1.68 ล้านล้านบาท กำไร 2.27 แสนล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตรายได้เฉลี่ย 12% และกำไรเฉลี่ย 25% ต่อปี..
และที่น่าสนใจคือ การเจาะตลาดเกิดใหม่ และตลาดที่เริ่มมีกำลังซื้อ
และที่น่าสนใจคือ การเจาะตลาดเกิดใหม่ และตลาดที่เริ่มมีกำลังซื้อ
จากเมื่อก่อน
กว่าเราจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ 1 ใบ
เราอาจต้องไปต่างประเทศ หรือซื้อสินค้าหิ้ว
กว่าเราจะซื้อกระเป๋าแบรนด์เนมได้ 1 ใบ
เราอาจต้องไปต่างประเทศ หรือซื้อสินค้าหิ้ว
แต่สมัยนี้ แบรนด์หรูต่างๆ เริ่มทำการตลาดให้สอดคล้องกับประเทศที่มีกำลังซื้อ
โดยเฉพาะในโซนเอเชีย..
โดยเฉพาะในโซนเอเชีย..
cr.asylumsfx
สาขาของ LVMH ปี 2016
เอเชีย 991 สาขา
ยุโรป 1,061 สาขา
เอเชีย 991 สาขา
ยุโรป 1,061 สาขา
สาขาของ LVMH ปี 2018
เอเชีย 1,289 สาขา
ยุโรป 1,153 สาขา
เอเชีย 1,289 สาขา
ยุโรป 1,153 สาขา
คิดเป็นการขยายตัวกว่า 30% ในโซนเอเชีย
ซึ่งหลักๆ เป็นการขยายตัวในประเทศจีน
ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด
ซึ่งหลักๆ เป็นการขยายตัวในประเทศจีน
ที่มีการเติบโตทางเศรษฐกิจอย่างก้าวกระโดด
คำถามคือ แล้วธุรกิจแบรนด์หรูอื่นๆ โดน LVMH แย่งส่วนแบ่งตลาด จนผลประกอบการลดลงหรือไม่?
คำตอบที่น่าตกใจ คือ ไม่ใช่ ..
แล้วแบรนด์หรูเจ้าอื่นเป็นอย่างไร?
แล้วแบรนด์หรูเจ้าอื่นเป็นอย่างไร?
บริษัท Kering
เจ้าของแบรนด์ Gucci, Bottega Veneta, Saint Laurent, Balenciaga และอื่นๆ
เจ้าของแบรนด์ Gucci, Bottega Veneta, Saint Laurent, Balenciaga และอื่นๆ
ปี 2016 รายได้ 4.43 แสนล้านบาท กำไร 0.29 แสนล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 3.87 แสนล้านบาท กำไร 0.64 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 4.88 แสนล้านบาท กำไร 1.33 แสนล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 3.87 แสนล้านบาท กำไร 0.64 แสนล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 4.88 แสนล้านบาท กำไร 1.33 แสนล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตรายได้เฉลี่ย 5% และ กำไรเฉลี่ย 114% ต่อปี
โดยรายได้เกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากแบรนด์หรู
โดยรายได้เกือบทั้งหมดของบริษัทมาจากแบรนด์หรู
ที่น่าสนใจคือ รายได้ทั้งหมดนี้มาจาก ประเทศจีน 35%..
cr.buro247
นอกจาก Louis Vuitton และ Gucci ที่โตไม่หยุดแล้ว
บริษัท Hermès International ที่ขายกระเป๋าสุดหรู ก็ยังเติบโตได้ดีไม่แพ้กัน
ปี 2016 รายได้ 1.86 แสนล้านบาท กำไร 3.93 หมื่นล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 1.98 แสนล้านบาท กำไร 4.37 หมื่นล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 2.13 แสนล้านบาท กำไร 5.02 หมื่นล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 1.98 แสนล้านบาท กำไร 4.37 หมื่นล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 2.13 แสนล้านบาท กำไร 5.02 หมื่นล้านบาท
คิดเป็นการเติบโตรายได้เฉลี่ย 7% และ กำไรเฉลี่ย 13% ต่อปี
เรื่องทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นว่า
ธุรกิจแบรนด์หรูในโลกนี้ไม่ได้กำลังแข่งขัน
แต่กำลังเติบโตไปพร้อมๆ กัน แบบก้าวกระโดด..
ธุรกิจแบรนด์หรูในโลกนี้ไม่ได้กำลังแข่งขัน
แต่กำลังเติบโตไปพร้อมๆ กัน แบบก้าวกระโดด..
เรื่องนี้ก็อาจดูได้จากคนที่ซื้อสินค้าแบรนด์เนมหลายคน
พอเราเริ่มซื้อ Louis Vuitton
ก็อาจจะเริ่มอยากได้ Gucci หรือ Balenciaga
พอเวลาผ่านไป ก็อาจจะเริ่มมอง Hermès
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนออกมาเป็นผลประกอบการแบรนด์หรูไตรมาสล่าสุด ที่ยังโตระเบิด..
ก็อาจจะเริ่มอยากได้ Gucci หรือ Balenciaga
พอเวลาผ่านไป ก็อาจจะเริ่มมอง Hermès
สิ่งเหล่านี้ สะท้อนออกมาเป็นผลประกอบการแบรนด์หรูไตรมาสล่าสุด ที่ยังโตระเบิด..
รายได้บริษัทแบรนด์หรู
ไตรมาสที่ 1 ปี 2019 เทียบกับปีก่อนหน้า
ไตรมาสที่ 1 ปี 2019 เทียบกับปีก่อนหน้า
LVMH เพิ่มขึ้น 16%
Kering เพิ่มขึ้น 22%
Hermès เพิ่มขึ้น 16%
Kering เพิ่มขึ้น 22%
Hermès เพิ่มขึ้น 16%
ส่งผลให้ธุรกิจแบรนด์หรู กำลังมีมูลค่าบริษัทสูงสุดในประวัติศาสตร์..
ปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
Hermès มีอายุ 182 ปี
Louis Vuitton มีอายุ 165 ปี
Gucci มีอายุ 98 ปี
Louis Vuitton มีอายุ 165 ปี
Gucci มีอายุ 98 ปี
แสดงให้เห็นว่า
ธุรกิจแบรนด์หรูอาจไม่เหมือนสินค้าเทคโนโลยี
ที่เวลาผ่านไป เทคโนโลยีก็ล้าสมัย
ธุรกิจแบรนด์หรูอาจไม่เหมือนสินค้าเทคโนโลยี
ที่เวลาผ่านไป เทคโนโลยีก็ล้าสมัย
แต่กลับกลายเป็นว่า ธุรกิจแบรนด์หรูมีเวลาเป็นเพื่อน
ยิ่งนานเท่าไหร่
ยิ่งนานชั่วอายุคน
ก็ยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น..
----------------------
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
ยิ่งนานชั่วอายุคน
ก็ยิ่งมีมูลค่ามากขึ้นเรื่อยๆ เท่านั้น..
----------------------
อ่านลงทุนแมนสนุกขึ้น
อ่านในแอป blockdit
โหลดที่ http://www.blockdit.com
----------------------
References
-LVMH Annual Report 2018, Quarterly Report 2019
-Kering LVMH Annual Report 2018, Quarterly Report 2019
-Hermès Annual Report 2018, Quarterly Report 2019
----------------------
References
-LVMH Annual Report 2018, Quarterly Report 2019
-Kering LVMH Annual Report 2018, Quarterly Report 2019
-Hermès Annual Report 2018, Quarterly Report 2019