ทักษิณ ชินวัตร ในมุมนักธุรกิจ เคย IPO 3 บริษัทรวด ด้วยตัวเอง

ทักษิณ ชินวัตร ในมุมนักธุรกิจ เคย IPO 3 บริษัทรวด ด้วยตัวเอง

26 ก.ค. 2023
ทักษิณ ชินวัตร ในมุมนักธุรกิจ เคย IPO 3 บริษัทรวด ด้วยตัวเอง /โดย ลงทุนแมน
คุณทักษิณในมุมนักการเมือง หลายคนคงคุ้นเคยดี
แต่ในมุมนักธุรกิจ หลายคนอาจไม่รู้ ว่าเขาเป็นหนึ่งในบุคคลที่ประสบความสำเร็จในธุรกิจตั้งแต่อายุยังน้อย ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่การเมืองในเวลาต่อมา
ในเวลานั้นเขาเคยนำบริษัท IPO เข้าตลาดหลักทรัพย์ ติดต่อกัน 3 บริษัท ในช่วงเวลาอันสั้น
เส้นทางธุรกิจของ คุณทักษิณ ชินวัตร เป็นอย่างไร
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เริ่มตั้งแต่ต้นตระกูล ชินวัตร..
คุณปู่ของคุณทักษิณ เป็นผู้อพยพชาวจีน มาอยู่เชียงใหม่ ทำธุรกิจค้าขายเส้นไหมจากจีน
ต่อมาก็ได้ตั้งโรงงานทอผ้า และร้านชินวัตรผ้าไหม มีชื่อเสียงโด่งดัง คุณทักษิณ จึงมีหัวการค้าตั้งแต่เด็ก ช่วยคุณพ่อขายกาแฟ และดูแลโรงหนัง
ปี พ.ศ. 2522
ตอนอายุ 30 ปี คุณทักษิณ เรียนดี ได้ที่ 1 ของโรงเรียนนายร้อยตำรวจ และได้ทุนไปเรียนต่อจนจบปริญญาเอก
เมื่อกลับมารับราชการ กองบัญชาการตำรวจนครบาล ได้ทำกิจการส่วนตัวไปด้วย ทั้งขายผ้าไหม ขายภาพยนตร์
ปี พ.ศ. 2526
ตอนอายุ 34 ปี คุณทักษิณตั้ง บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ หรือ INTUCH ในปัจจุบัน..
ในสมัยก่อน การซื้อขายกับราชการ มีข้อกำหนดมากมาย ทำให้ บริษัท ไอบีเอ็ม ซึ่งเป็น บริษัทสัญชาติอเมริกัน ไม่สามารถเซ็นสัญญาตรงได้
จึงมีการแต่งตั้ง บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ ของคุณทักษิณ ให้เป็นบริษัทคู่ค้าในการขายคอมพิวเตอร์ให้ภาคราชการ ทำให้ธุรกิจเติบโต
นอกจากจะเป็นตัวแทนไอบีเอ็มแล้ว ยังเป็นตัวแทนให้ AT&T ขาย ดาตาคิต ซึ่งจะเป็นระบบสื่อสารข้อมูลพร้อมเสียงให้องค์การโทรศัพท์
จนมาถึงการได้สัมปทาน คลื่นความถี่วิทยุอีกหลายคลื่น จากคณะกรรมการประสานงานการจัดและบริหารความถี่วิทยุแห่งชาติ หรือ กบถ.
โดยร่วมทุนกับต่างชาติให้บริการ แพ็กลิงก์ เพจเจอร์ ในยุคแรก และต่อมาทำเองในชื่อของ โฟนลิงค์
จากนั้นคุณทักษิณ ได้สัมปทานโทรศัพท์ GSM 900 MHz และดาวเทียมไทยคม
คุณทักษิณ จึงลาออกหลังจากรับราชการมา 8 ปี และ พันตำรวจโท เป็นยศสุดท้าย แต่ยศถูกถอดโดย คสช. ในปี 2558
ปี 2533 เมื่อคุณทักษิณ อายุ 41 ปี เขาได้นำบริษัทจดทะเบียนเข้าสู่ตลาดหลักทรัพย์เป็นครั้งแรก
บริษัทหลักของคุณทักษิณ มี 3 บริษัท ดังนี้
- บริษัท ชินวัตรคอมพิวเตอร์ เซอร์วิส แอนด์ อินเวสเมนท์ จำกัด (ชินคอร์ป หรือ INTUCH ในปัจจุบัน) ก่อตั้งปี 2526 IPO ปี 2533 บริษัทนี้เป็น โฮลดิงคอมพานี ถือหุ้นในบริษัทอื่น ๆ
- บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (AIS หรือ ADVANC) ก่อตั้งปี 2529 IPO ปี 2534
- บริษัท ชินแซทเทลไลท์ จำกัด (บริษัท ไทยคม ในปัจจุบัน) ก่อตั้งปี 2534 IPO ปี 2537
โดยการดำเนินการทั้งหมด จะเป็นการถือหุ้นในชินคอร์ป แล้วเอาชินคอร์ปมาถือ AIS และ ไทยคม อีกที
หมายความว่า ถ้าคุณทักษิณจะขายกิจการทั้งหมดให้คนอื่น ก็ทำได้ ด้วยการขายหุ้นในชินคอร์ปทีเดียว
และเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2544 คุณทักษิณ ชินวัตร ได้ก้าวขึ้นมาเป็นนายกรัฐมนตรีของประเทศไทย
เรื่องที่พีกสุดก็คงจะหนีไม่พ้น ปี 2549 คุณทักษิณขายหุ้นชินคอร์ป ให้เทมาเส็ก บริษัทลงทุนของรัฐบาลสิงคโปร์
ดีลตอนนั้นมีมูลค่า 73,274 ล้านบาท ซึ่งเป็นดีลมูลค่ามากสุดในประวัติศาสตร์ไทย ณ เวลานั้น
แต่ดีลมูลค่ามากสุดนี้เอง ที่กลายเป็นจุดเริ่มต้นของวิบากกรรมของคุณทักษิณ
เพราะมี 2 ประเด็นที่เกิดขึ้นจากดีลนี้
ประเด็นที่หนึ่งคือ คุณทักษิณขายหุ้นหลังจากใช้ พระราชบัญญัติโทรคมนาคม ฉบับใหม่เพียง 2 วัน ทำให้สามารถ
ขายหุ้น 49.595% ในบริษัทชินคอร์ปให้เทมาเส็กได้ จากพระราชบัญญัติฉบับเก่า ที่จะขายได้แค่ 25% เท่านั้น
และอีกประเด็นคือ การไม่เสียภาษีในการขายหุ้น
บริษัท แอมเพิลริช แต่เลี่ยงไปขายต่อผ่านลูกของคุณทักษิณในราคาต่ำ
จากนั้นให้ลูกมาขายต่อให้เทมาเส็กอีกทีหนึ่ง (เพราะ บุคคลธรรมดาซื้อขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ไม่ต้องเสียภาษี)
สรุปแล้วดีลนี้คุณทักษิณ ใช้ช่องโหว่ทางกฎหมาย
ที่เป็นที่ถกเถียงกันจนถึงปัจจุบัน ว่าควรเสียภาษีหรือไม่
ถ้าดูที่กฎหมายตรง ๆ ก็ไม่ต้องเสียภาษี แต่ในอีกมุมหนึ่งอาจจัดได้ว่าเจตนาเป็นนิติกรรมอำพรางให้โดนเก็บภาษี
เรื่องนี้เป็นจุดที่ทำให้เรื่องใหญ่โตขึ้นมา จนคุณทักษิณต้องยุบสภา และมีเรื่องราวต่าง ๆ ตามมา ทำให้เกิดสุญญากาศทางการเมือง จึงทำให้เกิดรัฐประหาร ในวันที่ 19 กันยายน 2549
และทำให้คุณทักษิณ ต้องอาศัยอยู่ที่ต่างประเทศเป็นหลัก ตั้งแต่ตอนนั้นเป็นต้นมา
ปัจจุบัน ธุรกิจที่คุณทักษิณก่อตั้ง ก็ไม่ได้หายไปไหน แต่มีการเปลี่ยนมือ ท้ายที่สุดมาอยู่ในมือของมหาเศรษฐีไทย ที่ชื่อว่า สารัชถ์ รัตนาวะดี
- ชินคอร์ป ซึ่งต่อมาได้ถูกเปลี่ยนชื่อเป็น INTUCH โดยเทมาเส็กจากสิงคโปร์ ปัจจุบันมีบริษัท กัลฟ์ เอ็นเนอร์จี ดีเวลลอปเมนท์ จำกัด (มหาชน) หรือ GULF เข้ามาซื้อหุ้นในตลาด โดยปัจจุบัน GULF ถือหุ้น 41.19% ใน INTUCH
- INTUCH ยังถือหุ้น 40.44% ใน AIS หรือ ADVANC
- ส่วนไทยคม ปัจจุบันได้ถูกขายจาก INTUCH ไปอยู่ภายใต้ บริษัท กัลฟ์ เวนเชอร์ส จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทในกลุ่ม GULF
แถมอีก 1 บริษัท คือ สถานีโทรทัศน์ไอทีวี (ITV) ที่ในปี 2543 ธนาคารไทยพาณิชย์ ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ขายหุ้น ITV ให้กลุ่มชินคอร์ปมาเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่แทน
ซึ่ง INTUCH ก็ยังถือหุ้น ITV อยู่ 75%
ปัจจุบัน คุณทักษิณ ชินวัตร ยังคงถูก Forbes จัดให้เป็นเศรษฐีไทย มีมูลค่าทรัพย์สิน 72,000 ล้านบาท
โดยครอบครัวของเขา เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ใน ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ SC Asset หรือ SC และโรงพยาบาลพระราม 9 หรือ PR9 รวมถึงมีการลงทุนใน DNANudge and Owlstone Medical สตาร์ตอัปจากสหราชอาณาจักร
จากวันที่คุณทักษิณ โดนรัฐประหาร ในวันที่ 19 กันยายน 2549
มาวันนี้ ที่คุณทักษิณ จะกลับไทย ในวันที่ 10 สิงหาคม 2566
รวมแล้วเป็นเวลาเกือบ 17 ปีที่หายไปของคุณทักษิณ ซึ่งบางคนอาจบอกว่า เป็นเวลา 17 ปีที่หายไปของประเทศไทยเช่นกัน
ถ้าเราเป็นคุณทักษิณ แล้วย้อนเวลากลับไปได้ เราจะทำอะไร
- เลือกจะกลับมาเมืองไทย ตั้งแต่วันโดนรัฐประหาร
- เลือกที่จะไม่ขายหุ้นชินคอร์ปให้เทมาเส็ก
- หรือเลือกที่จะไม่ยุ่งเกี่ยวกับการเมืองตั้งแต่วันแรก
ไม่ว่าทางไหน เวลาคงย้อนกลับไปไม่ได้
แต่เรื่องที่น่าสนใจกว่าคือ
17 ปีข้างหน้าของ คุณทักษิณ จะเป็นอย่างไร
และ 17 ปีข้างหน้า ของประเทศไทย จะมีอะไรที่แตกต่างจาก 17 ปีที่แล้ว หรือไม่
ซึ่งเราคนไทย คงได้เผชิญกับเรื่องนี้ ไปพร้อมกัน
นับต่อจากนี้..
╔═══════════╗
ภาวะเงินเฟ้อ ตลาดผันผวนแบบนี้ ติดตามข่าวเศรษฐกิจแบบเน้น ๆ จากหลายเพจได้ใน Blockdit - คอนเทนต์แพลตฟอร์มที่มีผู้ใช้งานเป็นประจำ 2 ล้านคน ลองใช้ฟรี blockdit.com/download
╚═══════════╝
ติดตามลงทุนแมนได้ที่
Website - longtunman.com
Blockdit - blockdit.com/longtunman
Facebook - facebook.com/longtunman
Twitter - twitter.com/longtunman
Instagram - instagram.com/longtunman
YouTube - youtube.com/longtunman
TikTok - tiktok.com/@longtunman
Spotify - open.spotify.com/show/4jz0qVn1AL7tRMHiTvMbZH
Apple Podcasts - podcasts.apple.com/th/podcast/ลงทุนแมน/id1543162829
Soundcloud - soundcloud.com/longtunman
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.