ทำไมการ Joint Venture กับ Big อสังหาฯ ญี่ปุ่น ทำให้ SC Asset แข็งแกร่งขึ้นกว่าเดิม
SC Asset X ลงทุนแมน

ช่วงต้นปีที่ผ่านมา หนึ่งในข่าวใหญ่ของแวดวงอสังหาฯ เมืองไทย
ก็น่าจะเป็นการที่บริษัท SC Asset ประกาศชัดเจนว่า ในปี 2566-2570 จะมีรายได้รวมกันสูงถึง 150,000 ล้านบาท

หากทำสำเร็จ ก็จะกลายเป็นสถิติรายได้ใหม่ของบริษัทในทันที

เพื่อพิชิตเป้าหมายที่สุดแสนท้าทาย
ทำให้ SC Asset วางเกมธุรกิจเชิงรุกหลากหลาย ทั้งที่อยู่อาศัยแนวราบและแนวสูง, อาคารสำนักงาน, โรงแรม, ศูนย์กระจายสินค้า

พูดง่าย ๆ ว่า SC Asset ทำทุกวิถีทางที่เห็นโอกาสในการสร้างรายได้ของบริษัทให้เติบโต

หนึ่งในกลยุทธ์ที่น่าสนใจก็คือ การค้นหา พันธมิตรทาง ธุรกิจใหม่ ๆ ที่พร้อมจะเติบโตไปด้วยกัน
หนึ่งใน พันธมิตร ใหม่ล่าสุดของ SC Asset ก็คือ Tokyo Tatemono บริษัทอสังหาฯ แถวหน้าของประเทศญี่ปุ่น ที่มีอายุ 126 ปี

SC Asset X Tokyo Tatemono จะมาสร้างปรากฏการณ์อะไรในตลาดอสังหาฯ เมืองไทย ?
แล้วเบื้องหลังดีลความร่วมมือครั้งนี้ เป็นอย่างไร ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง

การร่วมมือกันครั้งนี้ เป็นการจัดตั้งบริษัทใหม่ ภายใต้ชื่อบริษัท เอสซี แอสเสท ทรี จํากัด

เพื่อทำธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ด้วยทุนจดทะเบียน 100 ล้านบาท แบ่งสัดส่วนเป็น SC Asset 55% และ Tokyo Tatemono 45% พร้อมแผนการร่วมทุนเพิ่มขึ้นอีกในอนาคต

ทีนี้ หลายคนคงสงสัยว่า Tokyo Tatemono ที่เป็นพาร์ตเนอร์กับ SC Asset คือใคร

ถ้าถามคนญี่ปุ่น ทุกคนน่าจะรู้จักกันดี
เพราะนี่คือบริษัทอสังหาฯ ระดับแถวหน้า ยักษ์ใหญ๋ จากญี่ปู่น ที่มีอายุ 126 ปี และหลาย ๆ โครงการอสังหาฯ ในประเทศญี่ปุ่น ก็ถูกสร้างโดยบริษัทแห่งนี้
เช่น ที่อยู่อาศัยทั้งแนวราบและแนวสูง, โรงแรม, สนามกอล์ฟ, บ้านพักตากอากาศ, ร้านอาหารชื่อดัง

และยังเป็นบริษัทอสังหาฯ ของญี่ปุ่นเพียงไม่กี่ราย ที่ขยายการลงทุนไปยังจีน และสหรัฐอเมริกา
ล่าสุดคือ เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งก็รวมถึงในประเทศไทย ซึ่งในปี 2561 ได้จัดตั้งบริษัท Tokyo Tatemono Asia เป็นตัวแทนในการลงทุน

การลงทุนอย่างต่อเนื่องนี้เอง ทำให้ในปี 2565 บริษัท Tokyo Tatemono มีทรัพย์สิน 450,000 ล้านบาท ทุนจดทะเบียน 24,000 ล้านบาท

ขณะเดียวกัน Tokyo Tatemono ยังมีชื่อเสียงในการสร้างอสังหาฯ ที่ใส่ใจรายละเอียด และเน้นคุณภาพสูง

ทีนี้ พอร่วมมือกับ SC Asset ผู้นำตลาดบ้านหรูในเมืองไทย
เมื่อที่สุดของที่สุดในแต่ละประเทศมาทำงานร่วมกัน ก็น่าจะทำให้เราได้เห็นโครงการอสังหาฯ ที่มีมุมมองใหม่ ๆ ที่แตกต่างไปจากเดิม

โดยผลงานชิ้นแรกในการร่วมทุนครั้งนี้คือ การสร้างคอนโดมิเนียมดิไซน์ใหม่อย่าง Reference สาทร-วงเวียนใหญ่ มูลค่าโครงการ 4,000 กว่าล้านบาท

Reference สาทร-วงเวียนใหญ่ เป็นคอนโดมิเนียมสูง 32 ชั้น จำนวน 2 อาคาร รวม 815 ยูนิต บนพื้นที่กว่า 3 ไร่
ราคาขายเริ่มต้นที่ยูนิตละ 3.69 ล้านบาท
โดยมีให้เลือก 4 แบบ คือ ห้อง Studio, ห้อง 1 Bedroom ที่จะมีให้เลือก 2 แบบ สุดท้ายคือ ห้อง 2 Bedrooms

โดยขายห้องชุดแบบ Fully Furnished มีสิ่งอำนวยความสะดวกสบายแบบจัดเต็ม

โดยคุณฟุมิโอะ ทะจิมะ กรรมการผู้จัดการและผู้อำนวยการสายงานธุรกิจต่างประเทศ บริษัท โตเกียว ทาเทโมโน จำกัด บอกว่า

โครงการ Reference สาทร-วงเวียนใหญ่ และโครงการอื่น ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคตกับทาง SC Asset เป็นการนำจุดแข็งของ 2 บริษัท ทั้งด้านเทคโนโลยีการก่อสร้าง, บริการคุณภาพ, ดิไซน์ที่สวยงาม มาใช้สร้างที่อยู่อาศัย ที่จะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตให้แก่ลูกค้าในโครงการ

และถ้าถามว่าการ Joint Venture ครั้งนี้ สร้างโอกาสทางธุรกิจให้แก่ SC Asset ในเรื่องไหนบ้าง ?

1. เป็นการเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขัน เพราะการร่วมมือกันย่อมสร้างสิ่งแปลกใหม่ให้แก่วงการอสังหาฯ เมืองไทย

2. ได้ความรู้ และ Know-How ใหม่ ๆ จากบริษัทที่ร่วมทุน ทั้งด้านการก่อสร้าง และการทำธุรกิจ

3. ในอนาคต อาจเป็นการเพิ่มโอกาสทางธุรกิจให้แก่ SC Asset จากการร่วมทุนกับ Tokyo Tatemono ไปสู่การสร้างธุรกิจอสังหาฯ ในต่างประเทศ

4. เป็นการใช้เงินลงทุนต่อ 1 โครงการน้อยลง เมื่อบริษัทไม่ต้องแบกรับไว้คนเดียว
ทำให้สามารถกระจายเงินลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพ

หากมองไปที่วิธีคิดในการทำธุรกิจของ SC Asset ก็ต้องบอกว่าเปลี่ยนแปลงไปจากในอดีต
ด้วยการทำลายข้อจำกัดเดิม ๆ หลายอย่าง เช่น ทำธุรกิจใหม่ ๆ อย่าง ธุรกิจคลังสินค้า และการตั้งบริษัทใหม่ ที่มองหาธุรกิจใหม่ ๆ ที่ไม่ได้จำกัดตัวเองอยู่แค่ การเป็นผู้สร้างที่อยู่อาศัย

สรุปได้ว่า SC Asset กำลังมองหาโอกาสสร้าง New S-Curve ใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา
ซึ่งการร่วมทุนกับบริษัท Tokyo Tatemono ก็อยู่ในแนวคิดนี้ เช่นกัน..

References
-ข่าวประชาสัมพันธ์ บมจ.เอสซี แอสเสท คอร์ปอเรชั่น
-https://en.wikipedia.org/wiki/Tokyo_Tatemono