DOLLAR GENERAL ร้านค้าปลีกชนบท ล้านล้าน / โดย ลงทุนแมน

ถ้าถามว่า E-commerce จะเข้ามาแทนที่ธุรกิจค้าปลีกได้หรือไม่?
หลายคนคงตอบว่า มีแนวโน้มสูง..

การเกิดขึ้นของธุรกิจ E-commerce
Amazon.com ในประเทศสหรัฐอเมริกา
Alibaba และ JD.com ในประเทศจีน
Shopee และ Lazada ในประเทศไทย

บริษัท E-commerce กำลังเข้ามามีบทบาทสำคัญในการเลือกซื้อสินค้าในชีวิตประจำวันของเรา
และ เรื่องนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อส่วนแบ่งการตลาดของธุรกิจกลุ่มค้าปลีก

แต่รู้หรือไม่ว่า ท่ามกลางทะเลเลือดแบบนี้
ยังมีบางบริษัทค้าปลีกที่ยังเติบโตได้ดี

ดีขนาดที่ว่ากลายมาเป็นร้านค้าปลีกที่มีสาขามากกว่าทั้ง Starbucks (14,600 สาขา) และ McDonald’s (14,000 สาขา) ในประเทศสหรัฐอเมริกา..

บริษัทนี้ชื่อว่า “Dollar General”

จำนวนสาขาของ Dollar General
ปี 2016 จำนวน 13,320 สาขา
ปี 2017 จำนวน 14,534 สาขา
ปี 2018 จำนวน 15,200 สาขา

หมายความว่าในช่วง 2 ปีมานี้ Dollar General เปิดสาขาใหม่เฉลี่ย 2 ถึง 3 สาขา ต่อวัน

ที่น่าสนใจคือ Dollar General เพิ่งประกาศรายงานการเติบโตต่อเนื่องปีนี้เป็นปีที่ 28 ติดต่อกัน..

แล้ว Dollar General คือร้านอะไร และมีกลยุทธ์อย่างไร?

เปรียบเทียบให้เห็นภาพง่ายๆ คือ
Walmart ขายยาสีฟัน Colgate 50 บาท
Dollar General ขายยาสีฟันตัวเดียวกัน 35 บาท

นี่เป็นจุดขายจุดแรกของ Dollar General ที่สามารถกดราคาสินค้าตัวเองให้ต่ำกว่าราคาในห้างค้าปลีกทั่วไปกว่า 20% ถึง 30%

แต่คำถามที่ตามมาคือ ขายของถูกกว่า แล้วกำไรจะมาจากไหน?

เมื่อรายได้หายไปจากราคาสินค้าที่ถูกลง

สิ่งที่ต้องมาทดแทนก็คือ ปริมาณสินค้าที่ขาย และ การควบคุมค่าใช้จ่ายนั่นเอง

และสองสิ่งนี้กลายมาเป็นกลยุทธ์สำคัญของ Dollar General..

“Walmart เปิดที่ไหน เราจะไม่ไปเปิดที่นั่น”

ข้อนี้เป็นกลยุทธ์แรกของ Dollar General ในช่วงที่กำลังเติบโต
โดยบริษัทเน้นไปที่พื้นที่แถบชนบทเพื่อลูกค้าแถบชนบท และชานเมืองเท่านั้น..

เรื่องนี้ทำให้ห้างของ Dollar General มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว รวมถึงมีค่าใช้จ่ายในการดำเนินกิจการเช่น ค่าเช่าและค่าจ้างพนักงาน ต่ำกว่าห้างในตัวเมือง

เรื่องต่อมาคือ กลยุทธ์การลงทุนเพื่อขยายกิจการ

ค่าใช้จ่ายในการสร้างสาขาใหม่โดยเฉลี่ย
Walmart 471.8 ล้านบาท
Dollar General 7.8 ล้านบาท

จากตัวเลขดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า การลงทุนสร้างห้าง Walmart 1 สาขา
เท่ากับการสร้าง Dollar General ประมาณ 60 สาขา..

กลยุทธ์นี้มีที่มาที่ไปคือ Dollar General ดำเนินกิจการโดยการเช่าพื้นที่
เพื่อการขายเป็นหลัก มากกว่าลงทุนเป็นเจ้าของที่ดิน

เรื่องนี้ทำให้มีความยืดหยุ่นในธุรกิจ เพราะถ้าสาขาที่เปิดใหม่ไม่ประสบความสำเร็จ ก็แค่ปิด และไปเปิดที่อื่น..

รวมไปถึงการออกแบบให้ร้านมีพื้นที่เล็กเพียง 1 ใน 10 ของ Walmart และออกแบบที่วางสินค้าแบบเรียบง่าย ทั้งหมดนี้เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาเจอสิ่งที่อยากได้จริงๆ ในเวลาอันรวดเร็ว

เรื่องทั้งหมดนี้ส่งผลให้ระยะเวลาการซื้อของ ของลูกค้า Dollar General จะอยู่ในร้านเฉลี่ยเพียง 10 นาที.. เรียกได้ว่าประหยัดทั้งเงินของลูกค้า และประหยัดเวลาของลูกค้า

อีกเรื่องที่น่าสนใจคือ Dollar General ขายเฉพาะแบรนด์ที่เป็นที่นิยมจริงๆ เท่านั้น รวมถึงผลิตสินค้าภายใต้แบรนด์ตัวเอง

Dollar General มีสินค้าให้เลือก 10,000 รายการ
Walmart มีสินค้าให้เลือกกว่า 60,000 รายการ

พอเรื่องเป็นแบบนี้ Dollar General จึงสามารถต่อรองราคากับ Supplier เพื่อสั่งสินค้าล็อตใหญ่ๆ ได้ในราคาดี รวมถึงลดปัญหาสินค้าล้นคลังเนื่องจากสินค้าไม่เป็นที่นิยม

นอกจากนี้ Dollar General เลือกที่จะจ้างพนักงานน้อย แต่ให้สวัสดิการและค่าตอบแทนพนักงานในระดับสูงเพื่อป้องกันไม่ให้มีพนักงานลาออกบ่อยเกินไป

สิ่งเหล่านี้ทำให้ Dollar General บริหารค่าใช้จ่ายได้ดี
และสะท้อนออกมาเป็นผลประกอบการที่เติบโตอย่างต่อเนื่อง

บริษัท Dollar General
ปี 2016 รายได้ 639,000 ล้านบาท กำไร 36,660 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 690,400 ล้านบาท กำไร 39,360 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 740,000 ล้านบาท กำไร 48,420 ล้านบาท

แล้วถ้าลองมาเทียบกับ CPALL เจ้าของเชนค้าปลีก 7-Eleven ในประเทศไทย

ปี 2016 รายได้ 451,938 ล้านบาท กำไร 16,676 ล้านบาท
ปี 2017 รายได้ 489,403 ล้านบาท กำไร 19,907 ล้านบาท
ปี 2018 รายได้ 527,860 ล้านบาท กำไร 20,930 ล้านบาท

แล้วความสามารถในการทำกำไรของ 2 บริษัทเป็นอย่างไร?
Dollar General 6.54%
CPALL 3.97%

จากตัวเลขผลประกอบการ ทำให้เห็นว่า Dollar General ยังเติบโตได้ดี
รวมถึงมีอัตรากำไรสุทธิดีกว่า CPALL เสียอีก

สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ ปัจจุบันหุ้น Dollar General กำลังซื้อขายกันที่จุดสูงสุดตลอดกาล
คิดเป็นมูลค่าบริษัทสูงถึง 9.7 แสนล้านบาท ใหญ่กว่า CPALL 1.4 เท่า

เรื่องของ Dollar General เป็นอีกหนึ่งกรณีศึกษาที่น่าสนใจ

บางครั้งเราไม่จำเป็นต้องทำทุกอย่างเหมือนใคร

ในวันที่ห้างค้าปลีกและ E-commerce กำลังสรรหาทุกอย่างมาขายให้ลูกค้า

Dollar General หยิบมาเพียงสิ่งที่นิยมมากสุดเพื่อลูกค้า

หรือในวันที่ทุกคนกำลังแย่งกันขยายสาขาทั่วประเทศ
Dollar General เลือกที่จะเดินออกไปชานเมือง และเปิดร้านให้คนชนบทโดยเฉพาะ

จริงๆ แล้ว ทุกธุรกิจมีพื้นที่ของมันเสมอ
อยู่ที่ว่าเราจะเห็นมันหรือไม่

เหมือนกับที่ Dollar General รู้จักลูกค้าของตัวเองดี

หากเรามีธุรกิจของเราเอง
คำถามแรก อาจไม่ใช่ เราจะสู้กับคู่แข่งอย่างไร

แต่คำถามสำคัญคือ เรารู้จักลูกค้าของเราดีแค่ไหน?
----------------------
ธุรกิจ Dollar General กำลังเติบอย่างต่อเนื่องในสหรัฐอเมริกา แล้วธุรกิจ 7-11 ที่ไทยเป็นอย่างไรบ้าง อ่านเรื่องนี้ได้ที่ https://www.blockdit.com/articles/5c10ef5aa2c1ca06ac8cf12c

ติดตามเรื่องหลากหลาย จากผู้เขียนเก่งๆ หลายท่าน ในแอป blockdit โหลดได้ที่ www.blockdit.com

สั่งซื้อหนังสือลงทุนแมน 9.0 ได้ที่
Lazada: https://www.lazada.co.th/products/90-i293980783-s493954943.html
Shopee: https://shopee.co.th/Longtunman-หนังสือ-ลงทุนแมน-9.0-i.116732911.1933827833
----------------------