นอกจาก อีลอน มัสก์ ใครอีกมีโอกาส เป็นเจ้าของ TikTok ในสหรัฐฯ ?
นอกจาก อีลอน มัสก์ ใครอีกมีโอกาส เป็นเจ้าของ TikTok ในสหรัฐฯ ? /โดย ลงทุนแมน
- อีลอน มัสก์และแลร์รีย์ เอลลิสัน คือมหาเศรษฐีอเมริกัน
2 คน ที่ดอนัลด์ ทรัมป์ ไฟเขียว ให้เป็นเจ้าของ TikTok ในสหรัฐฯ ได้ ถ้าหากพวกเขาสนใจ…
- อีลอน มัสก์และแลร์รีย์ เอลลิสัน คือมหาเศรษฐีอเมริกัน
2 คน ที่ดอนัลด์ ทรัมป์ ไฟเขียว ให้เป็นเจ้าของ TikTok ในสหรัฐฯ ได้ ถ้าหากพวกเขาสนใจ…
แต่คำว่าหากสนใจ ก็แปลว่า มหาเศรษฐีอเมริกัน หรือบริษัทอเมริกันรายอื่น ก็สามารถเป็นเจ้าของ TikTok ได้เช่นกัน ไม่ได้จำกัดแค่สองคนที่ทรัมป์พูดถึง
แล้วใครอีกบ้าง ที่มีโอกาสเป็นเจ้าของ TikTok ได้ ?
ลงทุนแมนจะลองวิเคราะห์ให้ฟัง
ลงทุนแมนจะลองวิเคราะห์ให้ฟัง
ปัจจุบัน TikTok ในสหรัฐฯ ถูกประเมินมูลค่ากิจการตั้งแต่ 50,000 - 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือคิดเป็นไทยราว 1,700,000 - 3,400,000 ล้านบาท
ดังนั้น ถ้าบริษัทอเมริกันที่อยากเป็นเจ้าของ TikTok ก็ควรจะมีขนาดใหญ่หรือมีมูลค่าบริษัทที่มากกว่านั้น ถึงจะเป็นการซื้อกิจการที่ไม่เกินตัวมากไป
และถ้าเราลองไปดูบริษัทอเมริกัน ที่มีมูลค่าบริษัทราว 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ใหญ่กว่า 3 เท่าของมูลค่า TikTok ในสหรัฐฯ เราจะพบว่ามีอย่างน้อย 25 บริษัทที่เข้าข่ายนี้
ไล่ตั้งแต่บริษัทเทคโนโลยีอย่าง Apple, Microsoft, Alphabet, Amazon, Meta, Netflix, Oracle
บริษัทที่ทำเกี่ยวกับชิปและ AI เช่น Nvidia, Broadcom
ไปจนถึงบริษัทที่ไม่น่ามาทำธุรกิจเกี่ยวกับ TikTok โดยตรง เช่น JP Morgan, Walmart, Exxonmobil, Visa, Costco, P&G, Eli Lilly อีกด้วย
อย่างไรก็ตาม ถึงบริษัทเหล่านี้จะมีมูลค่าใหญ่กว่า TikTok
มากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีเงินสดมากพอ ก็คงเป็นเจ้าของ TikTok ไม่ได้ง่าย ๆ
มากแค่ไหน แต่ถ้าไม่มีเงินสดมากพอ ก็คงเป็นเจ้าของ TikTok ไม่ได้ง่าย ๆ
แม้ว่าบริษัทจะสามารถขอกู้เงินกับสถาบันการเงิน หรือระดมทุนเพิ่มได้ เช่น ออกหุ้นเพิ่มทุน, ออกหุ้นกู้
แต่เรื่องนี้ก็มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และคาดเดาได้ยากว่า ใครบ้างจะใช้วิธีนี้เพื่อทุ่มซื้อ TikTok
แต่เรื่องนี้ก็มีความเสี่ยงที่เพิ่มขึ้น และคาดเดาได้ยากว่า ใครบ้างจะใช้วิธีนี้เพื่อทุ่มซื้อ TikTok
ดังนั้นเพื่อจำกัดขอบเขตตัวละคร เราจะมาวิเคราะห์เฉพาะบริษัทที่ตอนนี้มีเงินสดเหลือจริง ๆ และมากพอเข้าซื้อ TikTok ได้
โดยดอนัลด์ ทรัมป์ มีแนวคิดให้สหรัฐฯ เป็นเจ้าของกิจการ TikTok 50%
ย้อนกลับไปที่ตัวเลขมูลค่ากิจการ TikTok ที่ถูกประเมินไว้ราว 1,700,000 - 3,400,000 ล้านบาท
ก็แปลว่า บริษัทนั้นต้องมีเงินไว้ซื้อ TikTok ประมาณ 850,000 - 1,700,000 ล้านบาท
ถ้าตัดธุรกิจธนาคารออกไปทั้งหมด
สุดท้าย ก็จะเหลือแค่ 6 บริษัทที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (ไม่รวมเงินลงทุนในหลักทรัพย์) ที่พอจะซื้อ TikTok ได้
สุดท้าย ก็จะเหลือแค่ 6 บริษัทที่มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสด (ไม่รวมเงินลงทุนในหลักทรัพย์) ที่พอจะซื้อ TikTok ได้
Amazon มีเงิน 2,500,000 ล้านบาท
Meta มีเงิน 2,300,000 ล้านบาท
Berkshire Hathaway มีเงิน 1,100,000 ล้านบาท
Apple มีเงิน 1,000,000 ล้านบาท
ExxonMobil มีเงิน 900,000 ล้านบาท
UnitedHealth Group มีเงิน 850,000 ล้านบาท
Meta มีเงิน 2,300,000 ล้านบาท
Berkshire Hathaway มีเงิน 1,100,000 ล้านบาท
Apple มีเงิน 1,000,000 ล้านบาท
ExxonMobil มีเงิน 900,000 ล้านบาท
UnitedHealth Group มีเงิน 850,000 ล้านบาท
ถ้าต้องตัดชอยส์เพิ่มอีก
ExxonMobil ที่ทำธุรกิจพลังงาน กับ UnitedHealth Group ที่ทำธุรกิจประกันสุขภาพ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับโมเดลของ TikTok เท่าไร ก็น่าจะไม่สนใจซื้อ
ExxonMobil ที่ทำธุรกิจพลังงาน กับ UnitedHealth Group ที่ทำธุรกิจประกันสุขภาพ ซึ่งไม่เกี่ยวอะไรกับโมเดลของ TikTok เท่าไร ก็น่าจะไม่สนใจซื้อ
ส่วน Berkshire Hathaway ของวอร์เรน บัฟเฟตต์ นั้น
TikTok ก็คงไม่อยู่ในเรดาห์ของการลงทุน
TikTok ก็คงไม่อยู่ในเรดาห์ของการลงทุน
สำหรับ Apple ถึงจะไม่สามารถฟันธง ตัดความเป็นไปได้ในการเข้าซื้อ TikTok
แต่ด้วยจุดยืนของ Apple ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน
ธุรกิจของ TikTok ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไร
แต่ด้วยจุดยืนของ Apple ที่เน้นเรื่องความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของข้อมูลผู้ใช้งาน
ธุรกิจของ TikTok ก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าไร
ทีนี้ ก็จะเหลือตัวละครที่กำลังมีเงินสดล้นมือ และดูมีศักยภาพเข้าซื้อ TikTok ได้มากที่สุดจากตัวเลือกเหล่านี้ นั้นคือ Amazon และ Meta
แม้ทั้งคู่มีโอกาสเป็นเจ้าของ TikTok
คำถามต่อมาคือ แล้วจะเอาไปทำอะไรต่อ ?
คำถามต่อมาคือ แล้วจะเอาไปทำอะไรต่อ ?
แน่นอนว่า ไม่ว่าบริษัทไหนจะได้เป็นเจ้าของ สิ่งหนึ่งที่ TikTok ทำเงินได้แน่ ๆ มาจากรายได้โฆษณาที่สร้างได้
แต่อีกมุมหนึ่ง TikTok ก็สามารถเสริมธุรกิจของทั้งคู่ได้เป็นอย่างดี
ในฝั่ง Amazon ตอนนี้มีทั้งแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ช ระบบโกดังสินค้า ระบบโลจิสติกส์ ระบบคลาวด์ AWS และธุรกิจบันเทิงอย่าง Prime Video
ซึ่งถ้าได้ TikTok เข้ามา Amazon ก็เหมือนกับได้แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชเข้ามาอีกตัวหนึ่ง เพราะขาหนึ่งของ TikTok ก็เป็นแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ชอยู่แล้ว
อีกทั้งช่วงหลัง ๆ Amazon ก็รุกธุรกิจโฆษณามากขึ้น
การได้ Know-how จาก TikTok ก็คงช่วยเสริมความแข็งแกร่งตรงนี้ด้วย
การได้ Know-how จาก TikTok ก็คงช่วยเสริมความแข็งแกร่งตรงนี้ด้วย
นอกจากนี้ TikTok จะสามารถร่วมใช้โครงสร้างพื้นฐานต่าง ๆ ของ Amazon เพื่อลดต้นทุน และเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจได้ ทั้งโกดังสินค้า ระบบโลจิสติกส์
รวมถึงอาจย้ายระบบคลาวด์ มาใช้ AWS แทน (ตอนนี้ TikTok ในสหรัฐฯ ใช้ของ Oracle)
รวมถึงอาจย้ายระบบคลาวด์ มาใช้ AWS แทน (ตอนนี้ TikTok ในสหรัฐฯ ใช้ของ Oracle)
ส่วนฝั่ง Meta ก็เหมือนได้แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดียมาอีกราย นอกจาก Facebook, Instagram และ Whatsapp ที่ตัวเองเป็นเจ้าของเดิมอยู่แล้ว
ทำให้ Meta จะกลายเป็นเจ้าพ่อโซเซียลมีเดียทุกทาง
ไม่ว่าเราจะชอบอ่าน ฟัง หรือดูอะไรก็ตาม
และ Meta ก็จะสามารถครองกลุ่มผู้ใช้งาน ทุกช่วงวัย ทุก Gen ในสหรัฐฯ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่..
ไม่ว่าเราจะชอบอ่าน ฟัง หรือดูอะไรก็ตาม
และ Meta ก็จะสามารถครองกลุ่มผู้ใช้งาน ทุกช่วงวัย ทุก Gen ในสหรัฐฯ ได้ ไม่ว่าจะเป็นเด็ก วัยรุ่น หรือผู้ใหญ่..
นอกจากนี้ ก็เป็นการตัดคู่แข่งที่จะแย่งเวลาจากโซเชียล
มีเดียของตัวเองไปในตัว จากเดิมที่ TikTok เข้ามาแย่งเวลาจาก Facebook หรือ Instagram ในช่วงที่ผ่านมา
มีเดียของตัวเองไปในตัว จากเดิมที่ TikTok เข้ามาแย่งเวลาจาก Facebook หรือ Instagram ในช่วงที่ผ่านมา
แต่ทั้งนี้ การที่ Meta จะเข้าซื้อ TikTok ก็มีความเสี่ยงเรื่องของ กฎหมายต่อต้านการผูกขาดของสหรัฐฯ ซึ่งหน่วยงานกำกับดูแลอาจไม่อนุมัติ
อย่างไรก็ตาม นอกจากในมุมบริษัทที่มีโอกาสซื้อ TikTok แล้ว มหาเศรษฐีอเมริกัน ก็สามารถซื้อกิจการในนามตัวเองได้เช่นกัน
สรุปแล้ว ยังมีอีกหลายคน หลายบริษัท ซึ่งมีศักยภาพ ที่จะเป็นเจ้าของ TikTok ในสหรัฐฯ ได้ ไม่ใช่แค่เฉพาะอีลอน มัสก์ หรือแลร์รีย์ เอลลิสัน ที่ดอนัลด์ ทรัมป์พูดถึง
แต่สุดท้าย นี้ก็เป็นการคาดเดาเพียงเท่านั้น เพราะมูลค่า TikTok ก็ยังถูกประเมินอย่างคร่าว ๆ ซึ่งอาจจะน้อยกว่าหรือมากกว่านี้ก็ได้
ทำให้เงินที่ใช้ซื้อกิจการ TikTok เปลี่ยนแปลงไป จนทำให้บริษัทหรือมหาเศรษฐีอเมริกันที่มีโอกาสเป็นเจ้าของได้ ก็อาจจะเปลี่ยนไปได้เช่นกัน
อีกทั้งอาจมีเหตุการณ์ที่บริษัทหรือมหาเศรษฐีอเมริกัน ใช้วิธีกู้ยืมเงิน, ระดมทุนเพิ่ม
หรือแม้แต่จับมือกับพันธมิตร เพื่อเข้าซื้อ TikTok ร่วมกันก็ได้
หรือแม้แต่จับมือกับพันธมิตร เพื่อเข้าซื้อ TikTok ร่วมกันก็ได้
ซึ่งก็ทำให้ตัวละครที่จะได้เป็นเจ้าของ TikTok คาดเดายากขึ้นไปอีก
และที่สำคัญ เรื่องนี้ตบมือข้างเดียวไม่ดัง
เพราะขึ้นอยู่กับ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ด้วยว่า สุดท้ายแล้วจะตัดสินใจขายกิจการในสหรัฐฯ หรือไม่ หรือจะเลือกปิดตัวลงแทน
เพราะขึ้นอยู่กับ ByteDance บริษัทแม่ของ TikTok ด้วยว่า สุดท้ายแล้วจะตัดสินใจขายกิจการในสหรัฐฯ หรือไม่ หรือจะเลือกปิดตัวลงแทน
และถ้าขาย จะเปิดใจขายให้กับใคร..
ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่า ใครจะได้เป็นเจ้าของ TikTok ไป เพราะเรื่องนี้ไม่ใช่การขายกิจการระหว่างเอกชนด้วยกันเท่านั้น
แต่เดิมพันด้วยความขัดแย้งระหว่างจีนและสหรัฐฯ ที่มีภาพออกมาผ่าน TikTok ด้วย..