มือถือจีนกำลังจะครองโลก

มือถือจีนกำลังจะครองโลก

มือถือจีนกำลังจะครองโลก / โดย ลงทุนแมน
“สินค้าจีนเป็นของที่ไม่มีคุณภาพ”
ในอดีตใครๆ ก็คิดว่าคุณภาพของสินค้าจีน ไม่น่าที่จะเข้ามาแข่งในตลาดโลกได้
แต่รู้ไหมว่าตอนนี้โทรศัพท์มือถือแบรนด์ Huawei ของจีน
กลับมียอดขายแซง Apple แล้ว
เรื่องนี้เป็นอย่างไร ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เมื่อมองย้อนกลับไปที่ส่วนแบ่งตลาดโทรศัพท์มือถือในปี 2012 เราจะพบว่า
อันดับที่ 1 Samsung อยู่ที่ 40% และรองลงมาคือ Apple อยู่ที่ 25%
รองจากนั้นก็คือ Nokia, HTC, BlackBerry อีกประมาณเจ้าละ 6% และอื่นๆ อีก 17%
ชื่อของ Huawei, Xiaomi และ Oppo ไม่ได้เป็นที่จับตามองของคนในสมัยนั้นเลย
แต่ขณะนี้ยอดขายของตลาดมือถือไตรมาสล่าสุด พบว่า
อันดับที่ 1 Samsung อยู่ที่ 21%
อันดับที่ 2 Huawei อยู่ที่ 16%
อันดับที่ 3 Apple อยู่ที่ 12%
นอกนั้นเป็น Xiaomi และ Oppo อีกประมาณเจ้าละ 9% และอื่นๆ อีก 33%
1 ใน 5 อันดับแรกของโลกกลับเป็นโทรศัพท์มือถือจีนอยู่ถึง 3 อันดับ
อาจจะเห็นว่า Samsumg ยังคงครองอันดับ 1 แต่ในมุมของการเติบโตกลับไม่ได้เป็นแบบนั้น
ถ้าเปรียบเทียบกับยอดขายไตรมาสเดียวกันเมื่อปีที่แล้ว
ฝั่งโทรศัพท์มือถือจีน Huawei มีการเติบโตที่สูงถึง 41% ส่วน Xiaomi เติบโตขึ้น 49%
กลับกันผู้ที่เคยครองตลาดในอดีต Samsung หดตัวลง 10% ส่วน Apple เติบโตไม่ถึง 1%
เพราะอะไรโทรศัพท์มือถือจีนถึงเติบโตได้ขนาดนี้?
เราคิดว่าประเทศไหนมีผู้ใช้สมาร์ตโฟนมากที่สุดในโลก?
คำตอบก็คือ..ประเทศจีน เพราะมีประชากรมากที่สุดในโลก
นี่ก็คงจะเป็นหนึ่งในปัจจัยแรกที่ทำให้โทรศัพท์มือถือจีนเติบโตเร็ว
แต่นั่นก็คงไม่เพียงพอที่จะทำให้เป็นผู้นำในตลาดโลกได้
ถ้าเราลองมาพิจารณาตลาดอินเดียซึ่งมีส่วนแบ่งของตลาดมือถือใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก
พบว่า ขณะนี้ยอดขายของ Samsung และ บริษัทโทรศัพท์มือถือจีนครองส่วนแบ่งในตลาดอินเดียมากกว่า 80%
แต่สำหรับ Apple กลับทำได้เพียงแค่ 2.5% เท่านั้น
เพราะอะไรถึงเป็นแบบนี้?
เหตุผลหลักๆ พบว่า iPhone มีราคาแพงเกินไป คนอินเดียไม่สามารถเข้าถึงได้
เรื่องนี้อาจจะแสดงให้เห็นว่า โทรศัพท์มือถือที่มีราคาไม่แพงจะมีโอกาสเข้าถึงคนได้มากกว่า
ในกรณีของ Xiaomi ก็น่าจะพอเป็นตัวอย่างของเรื่องนี้ได้
สมมติว่าโทรศัพท์เรามีต้นทุนผลิต และค่าใช้จ่ายอื่นๆ รวม 100 บาท
Apple จะตั้งราคาขายอยู่ที่ 251 บาท
Samsung จะตั้งราคาขายอยู่ที่ 131 บาท
Oppo, vivo และ Huawei จะตั้งราคาขายอยู่ที่ 115 บาท
แต่ Xiaomi ตั้งราคาขายเพียงแค่ 102 บาท คิดเป็นอัตรากำไรต่อชิ้นเพียงแค่ 2% เท่านั้น
ต่อให้แบรนด์ดีแค่ไหน ก็คงแพ้ความคุ้มค่าทางด้านราคา
ด้วยความโดดเด่นด้านราคาทำให้เรื่องนี้กลายเป็นจุดขายของ Xiaomi เมื่อเทียบกับแบรนด์อื่นๆ
และในตอนนี้ Xiaomi ครองส่วนแบ่งตลาดเป็นอันดับ 2 ของประเทศอินเดีย
แล้วสำหรับทั่วโลกแล้ว Huawei มียอดขายมากกว่า Xiaomi ที่มีราคาถูกกว่า
แปลว่าจริงๆ แล้ว ราคาอาจจะเป็นเพียงแค่ปัจจัยหนึ่งเท่านั้น
ยังมีเรื่องอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นคุณภาพที่คุ้มค่าเมื่อเทียบกับราคา, ความทันสมัยของเทคโนโลยี, กลยุทธ์การตลาด เป็นต้น
แม้ว่าตอนนี้มือถือจากจีนจะมียอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างมาก
แต่เราต้องไม่ลืมว่า ขายได้มากชิ้นไม่ได้แปลว่าจะกำไรดีกว่าขายน้อยชิ้น
สุดท้ายแล้วเป้าหมายของการทำธุรกิจก็คือผลกำไรในระยะยาวนั่นเอง
และถ้าโทรศัพท์มือถือจีนสามารถทำยอดขายไปพร้อมๆ กับกำไรได้อย่างต่อเนื่อง
ถึงตอนนั้น จีนอาจจะผูกขาดตลาดนี้โดยสมบูรณ์ก็เป็นได้..
----------------------
<ad> “การเรียนรู้ที่แท้จริง เกิดขึ้นนอกห้องเรียน”
พบกับเหล่า ผู้บริหารจากบริษัท Startup ชั้นนำที่จะมาพูดคุยกันในหัวข้อ SME & Startup Smart Solutions
และยังมีแขกรับเชิญพิเศษจาก OfficeMate, และ U DRINK I DRIVE และวิทยากรท่านอื่นๆ
งานจะจัดขึ้นในวันที่ 4 สิงหาคม ตั้งแต่เวลา 13.00 - 17.00 น.
ณ อาคาร Sasin Hall ชั้น 9
สำหรับผู้ที่สนใจ สามารถเข้าไปลงทะเบียนเข้างานได้ฟรี ที่
https://www.ticketmelon.com/prism/smeandstartupsmartsolutions
----------------------
© 2024 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon