หุ้นโรงพยาบาล กำลังป่วย
ทำไมตอนนี้หุ้นโรงพยาบาลปรับตัวลงมากกว่าหุ้นกลุ่มอื่น โรงพยาบาลเป็นกิจการที่ไม่ดีแล้วหรือเปล่า?
หุ้นโรงพยาบาลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีทั้งหมด 20 บริษัท เรามาดูกันว่าตอนนี้หุ้นแต่ละตัวราคาลงจากจุดสูงสุดเท่าไรกันบ้าง
หุ้นโรงพยาบาลในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยมีทั้งหมด 20 บริษัท เรามาดูกันว่าตอนนี้หุ้นแต่ละตัวราคาลงจากจุดสูงสุดเท่าไรกันบ้าง
1) VIH ศรีวิชัยเวชวิวัฒน์ -43%
2) CMR เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ -41%
3) NEW วัฒนาการแพทย์ -40%
4) M-CHAI โรงพยาบาลมหาชัย -38%
5) SKR ศิครินทร์ -37%
6) CHG โรงพยาบาลจุฬารัตน์ -32%
7) BH โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ -31%
8) TNH โรงพยาบาลไทยนครินทร์ -30%
9) RJH โรงพยาบลราชธานี -29%
10) EKH เอกชัยการแพทย์ -28%
11) AHC โรงพยาบาลเอกชล -27%
12) KDH ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ -27%
13) BDMS กรุงเทพดุสิตเวชการ -26%
14) NTV โรงพยาบาลนนทเวช -25%
15) BCH บางกอก เชน ฮอสปิทอล -24%
16) RPH โรงพยาบาลราชพฤกษ์ -19%
17) LPH โรงพยาบาล ลาดพร้าว -18%
18) VIBHA โรงพยาบาลวิภาวดี -16%
19) RAM โรงพยาบาลรามคำแหง -16%
20) SVH สมิติเวช -15%
2) CMR เชียงใหม่รามธุรกิจการแพทย์ -41%
3) NEW วัฒนาการแพทย์ -40%
4) M-CHAI โรงพยาบาลมหาชัย -38%
5) SKR ศิครินทร์ -37%
6) CHG โรงพยาบาลจุฬารัตน์ -32%
7) BH โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ -31%
8) TNH โรงพยาบาลไทยนครินทร์ -30%
9) RJH โรงพยาบลราชธานี -29%
10) EKH เอกชัยการแพทย์ -28%
11) AHC โรงพยาบาลเอกชล -27%
12) KDH ธนบุรี เมดิเคิล เซ็นเตอร์ -27%
13) BDMS กรุงเทพดุสิตเวชการ -26%
14) NTV โรงพยาบาลนนทเวช -25%
15) BCH บางกอก เชน ฮอสปิทอล -24%
16) RPH โรงพยาบาลราชพฤกษ์ -19%
17) LPH โรงพยาบาล ลาดพร้าว -18%
18) VIBHA โรงพยาบาลวิภาวดี -16%
19) RAM โรงพยาบาลรามคำแหง -16%
20) SVH สมิติเวช -15%
จากตัวเลขข้างบนอาจจะเป็นตัวเลขที่น่าตกใจว่าทำไมหุ้นโรงพยาบาลถึงราคาตกลงมามากขนาดนี้
เช่น ถ้าเราซื้อหุ้น VIH ที่จุดสูงสุด ด้วยเงิน 1,000,000 บาท ตอนนี้เราจะเหลือเงิน 570,000 บาท
ราคาหุ้นโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะทำจุดสูงสุดเมื่อปีที่แล้ว และต้นปีที่ผ่านมา
แต่ถ้าเราไปดูราคาหลายปีย้อนหลัง ราคาหุ้นโรงพยาบาลบางตัวก็ปรับตัวขึ้นเป็น 10 เท่า
หมายความว่าคนที่ซื้อหุ้นโรงพยาบาลมานานแล้ว น่าจะได้กำไรกันทุกคนอยู่ดี
คนที่ขาดทุนมากจากหุ้นโรงพยาบาลก็คงจะมีแต่คนที่พึ่งซื้อหุ้นโรงพยาบาลเร็วๆนี้
เรื่องนี้เป็นบทเรียนกับเราอีกข้อหนึ่งคือ "หุ้นที่เป็นกิจการที่ดี อาจจะซื้อไม่ได้ทุกราคา"
แล้วเกิดอะไรขึ้นกับกิจการโรงพยาบาล?
รายงานผลประกอบการส่วนใหญ่ของโรงพยาบาลออกมาคล้ายๆกันหมดคือ รายได้ไม่ค่อยเพิ่มเพราะ ปีนี้ไม่มีโรคไข้หวัดใหญ่ระบาดเหมือนปีที่แล้ว
แต่รายจ่ายไม่ลด เพราะยังต้องมีค่าบุคลากรทางการแพทย์ ค่าเสื่อมของอาคารและเครื่องมือแพทย์ต่างๆ
พอเรื่องเป็นอย่างนี้ผลลัพธ์ออกมาก็คือกำไรของโรงพยาบาลส่วนใหญ่จะลดลง
จากเดิมที่หุ้นกลุ่มโรงพยาบาลเป็นกลุ่มที่ตลาดให้ P/E พรีเมี่ยมอยู่แล้ว พอกำไรลด ราคาก็เลยดูเหมือนยิ่งแพงขึ้นไปอีก นักลงทุนบางคนก็เลยขายหุ้นออกมาก่อน
ประเด็นที่น่าสนใจอีกเรื่องหนึ่งก็คือ ตอนนี้โรงพยาบาลได้กำไรจากค่ายา มากเป็นพิเศษ ถ้าใครเคยไปโรงพยาบาลเอกชน จะพบว่าค่ายาบวกเกินกว่าข้างนอกถึงหลายเท่า
ตลาดยาเป็นเค้กที่มีมูลค่ามหาศาล ใครๆก็อยากจะเข้ามาขอส่วนแบ่ง เหมือนข่าวเร็วๆนี้ที่ Amazon ร้านค้าออนไลน์ที่ใหญ่สุดของอเมริกากำลังเริ่มเข้ามารุกตลาดยาของอเมริกาแล้ว
ในที่สุดแล้ว ถ้ารายใหญ่สามารถผลักดันให้ระบบเปลี่ยนเป็นการขอใบสั่งยาจากโรงพยาบาล และไปซื้อยาเองข้างนอก ก็อาจจะทำให้มาร์จินของโรงพยาบาลลดลงได้
แล้วถ้าถามว่าราคาหุ้นกลุ่มโรงพยาบาลตอนนี้ลดลงมามากแล้ว เริ่มซื้อได้หรือยัง?
คำตอบสำหรับผมก็คงจะเป็น ขึ้นอยู่กับความเข้าใจของเราในโรงพยาบาลนั้นนั้น
ถ้าเราเข้าใจว่าหุ้นตัวนั้นมีกิจการโรงพยาบาลอยู่ที่ไหน มีจุดเด่นด้านอะไร เหนือกว่าโรงพยาบาลคู่แข่งอย่างไร ถ้าเรามั่นใจว่าแนวโน้มกำไรในอนาคตของโรงพยาบาลจะเพิ่มขึ้น และราคาตอนนี้ไม่แพงไป ก็คงจะเริ่มซื้อได้
สรุปแล้วเราคงต้องทำการบ้านวิเคราะห์ในรายละเอียด เพื่อให้การลงทุนแต่ละครั้งมีความปลอดภัย ไม่เช่นนั้น เราอาจจะเครียดเพราะขาดทุน และเราต้องไปเข้าโรงพยาบาลแทน..