<ผู้สนับสนุน> สวัสดิการดี ก็ได้ใจพนักงาน ผลงานก็ออกมาดี
ผู้สนับสนุน
สวัสดิการดี ก็ได้ใจพนักงาน ผลงานก็ออกมาดี / โดย ลงทุนแมน
สวัสดิการดี ก็ได้ใจพนักงาน ผลงานก็ออกมาดี / โดย ลงทุนแมน
ต้องยอมรับว่า พนักงานของเราเกือบทุกคนตอนนี้ขาดกาแฟไม่ได้ กาแฟเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของคนทำงาน เจ้าของบริษัทอย่างเราเคยคิดไหมว่าการที่พนักงานซื้อกาแฟกินทุกวันที่มาทำงาน ปีหนึ่งพนักงานของเราจะเสียเงินเท่าไร?
จากสถิติ Coffee Price Index ในปี 2016 ราคากาแฟเฉลี่ยต่อแก้วที่กลุ่มคนทำงานออฟฟิศในกรุงเทพ แพงเป็นอันดับที่ 26 จาก 75 เมืองทั่วโลก (36 ประเทศ) ถ้าราคากาแฟอยู่ที่แก้วละ 40 บาท สำหรับคนที่ต้องกินกาแฟทุกวัน เขาจะต้องเสียเงิน 200 บาทต่อสัปดาห์ หรือประมาณ 10,000 บาทต่อปี ซึ่งวิธีหนึ่งที่เจ้าของบริษัทหลายๆ ที่เลือกใช้ คือการซื้อกาแฟผงมาไว้ที่ทำงาน
แต่ปัญหาก็คือ คนทั่วไปก็ไม่รู้ว่าจะต้องชงกาแฟอย่างไร ใช้ปริมาณเท่าไร เพื่อให้รสชาติออกมาดีเหมือนกาแฟสดที่เราซื้อกินตามร้าน ทำให้สุดท้าย พนักงานของเราหลายๆ คนก็ยังเลือกที่จะออกไปซื้อกาแฟจากร้านข้างนอกอยู่ดี
แต่ในช่วงหลังๆ มานี้ เจ้าของบริษัทขนาดเล็ก ก็เริ่มหันมาลงทุนซื้อเครื่องชงกาแฟไว้ในออฟฟิศ เพื่อให้เป็นสวัสดิการพนักงานกันมากขึ้น ที่ผ่านมา เจ้าตลาดกาแฟอย่าง NESCAFÉ ก็ได้นำเสนอเครื่องชงกาแฟออกมาแล้วหลายรุ่น รุ่นที่นิยมกันก็คือ NESCAFÉ Dolce Gusto และ NESCAFÉ Red Cup
แต่สำหรับลงทุนแมนคิดว่า เครื่องชงกาแฟที่น่าจะเหมาะสำหรับออฟฟิศขนาดเล็กหรือกลาง ก็คงเป็นเครื่อง NESCAFÉ Gold Barista ซึ่งเป็นเครื่องชงกาแฟในรุ่นล่าสุดของ NESCAFÉ ที่ตอบโจทย์เหนือกว่าเครื่องชงกาแฟสดในหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นราคาต้นทุนเครื่องที่เนสกาแฟให้เครื่องใช้ฟรีตลอดสัญญา แต่ถ้าหากเป็นเครื่องกาแฟสดอาจต้องลงทุนตั้งแต่ 20,000 บาทขึ้นไป และการดูแลรักษาเครื่องชงกาแฟสดก็มีความซับซ้อนกว่าหลายเท่า
ความน่าสนใจของเครื่อง NESCAFÉ Gold Barista มีอยู่หลายจุด
อย่างแรกคือ กาแฟ Freeze-Dried ที่ใช้กับเครื่องนี้ อย่าง NESCAFÉ Gold Blend เป็นกาแฟอาราบิกาที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี รสชาติที่ชงผ่านเครื่องชงกาแฟ จะให้กลิ่นหอม และรสชาติกลมกล่อมระดับพรีเมียม
อย่างแรกคือ กาแฟ Freeze-Dried ที่ใช้กับเครื่องนี้ อย่าง NESCAFÉ Gold Blend เป็นกาแฟอาราบิกาที่นำเข้าจากประเทศเกาหลี รสชาติที่ชงผ่านเครื่องชงกาแฟ จะให้กลิ่นหอม และรสชาติกลมกล่อมระดับพรีเมียม
จุดต่อมาคือ เครื่องนี้ทำกาแฟได้ถึง 5 เมนูเพียงสัมผัสเดียว คือ Latte Macchiato, Cappuccino, Americano, Lungo และ Espresso ก็น่าจะมั่นใจได้ว่าเครื่องทำกาแฟนี้ตอบโจทย์พนักงานในทุกรูปแบบของกาแฟที่ทำได้หลากหลาย
นอกจากนี้ยังได้เมื่อชงเสร็จ จะได้กาแฟ End Cup สวยงาม เหมือนอารมณ์ไปกินกาแฟตามคาเฟ่ เป็นการเสริมภาพลักษณ์ที่ดีให้กับบริษัท เวลามีแขกหรือลูกค้ามาเยี่ยมอีกด้วย
ถึงตรงนี้ ด้วยฟังก์ชันและความ Premium ของเครื่อง NESCAFÉ Gold Barista หลายคนอาจคิดว่า คงจะเป็นการลงทุนที่แพง และนี่..ทำให้มาถึงคือข้อที่น่าสนใจที่สุด นั่นก็คือ สมาชิกจะได้รับเครื่อง NESCAFÉ Gold Barista ไปใช้ฟรีตลอดอายุสัญญา เพียง สมัครสมาชิกแบบ Premium package ซื้อกาแฟเป็นรายเดือน โดยมีราคาเริ่มต้น 1,529 บาท ต่อ 2 เดือน หรือตกเดือนละ 765 บาท สามารถชงกาแฟได้ทั้งหมด 900 แก้ว (หรือกว่า 450 แก้วต่อเดือน) ด้วยราคานี้ก็เท่ากับว่า โดยเฉลี่ยเราจะจ่ายค่ากาแฟแค่แก้วละ 3 บาท และยังได้รับสิทธิประโยชน์และบริการหลังการขายฟรีอีกด้วย เรียกได้ว่า สะดวกและราคาถูกกว่าการให้พนักงานออกไปหาซื้อกาแฟตามร้านข้างนอกเองหลายเท่า
ด้วยราคาที่คุ้มค่า นอกจากจะช่วยลดค่าใช้จ่ายให้กับพนักงานได้อย่างดี และประโยชน์คงไม่ได้ตกอยู่แค่กับพนักงานเท่านั้น เพราะยิ่งออฟฟิศของเรามีสิ่งอำนวยความสะดวกมากเท่าไร พนักงานก็จะใช้เวลาอยู่ข้างนอกน้อยลงเท่านั้น ซึ่งก็จะทำให้มีเวลาในการทำงานมากขึ้น
สำหรับบริษัทในยุคนี้ ที่ส่วนใหญ่จะไม่ใช่องค์กรใหญ่โต มีพนักงานเป็นร้อยๆ คน เจ้าของบริษัทส่วนใหญ่ ก็จะให้ความสำคัญกับพนักงานของตัวเองเป็นลำดับแรก เพราะนอกจากการสร้างความสัมพันธ์ หรือการมีบรรยากาศการทำงานที่ดี จะช่วยทำให้พนักงานของเรามีความสุขไปกับการมาทำงานอีกด้วย และถ้าเราคิดว่าเครื่องชงกาแฟ เป็นสิ่งหนึ่งที่จะทำให้พนักงานของเราแฮปปี้ได้ ด้วยราคาเฉลี่ย 3 บาทต่อแก้ว ถ้าเทียบกับค่าใช้จ่ายอื่นๆ ของบริษัทแล้ว ก็คงจะไม่ใช่ต้นทุนที่มากมายอะไร
เมื่อพนักงานมีสวัสดิการที่ถูกใจทุกค มาพร้อมกับ ราคาที่ถูกใจเจ้านาย
นี่ก็อาจถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่า.. ยิ่งตอนนี้ได้ยินมาว่าเค้าสามารถมาสาธิตและบริการติดตั้งฟรีให้ถึงที่ออฟฟิศด้วยนะ
นี่ก็อาจถือเป็นอีกหนึ่งการลงทุนที่คุ้มค่า.. ยิ่งตอนนี้ได้ยินมาว่าเค้าสามารถมาสาธิตและบริการติดตั้งฟรีให้ถึงที่ออฟฟิศด้วยนะ
รายละเอียดเพิ่มเติม https://bit.ly/2GqvKaS