
การหาหุ้นที่ดี ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะหาตัวที่ดีสม่ำเสมอ ยากมาก
การหาหุ้นที่ดี ไม่ใช่เรื่องยาก แต่จะหาตัวที่ดีสม่ำเสมอ ยากมาก /โดย ลงทุนแมน
นักลงทุนรุ่นใหญ่ ผู้เป็น VI ยุคบุกเบิกของเมืองไทย
ตลอดเส้นทางการลงทุนมาหลายสิบปี ทำผลตอบแทนชนะตลาดได้ปีแล้วปีเล่า
อะไรบ้าง ที่ปรมาจารย์ด้านการลงทุน ต่างตกผนึกได้ ?
นักลงทุนรุ่นใหญ่ ผู้เป็น VI ยุคบุกเบิกของเมืองไทย
ตลอดเส้นทางการลงทุนมาหลายสิบปี ทำผลตอบแทนชนะตลาดได้ปีแล้วปีเล่า
อะไรบ้าง ที่ปรมาจารย์ด้านการลงทุน ต่างตกผนึกได้ ?
ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร, นักลงทุนเน้นคุณค่า
และคุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ, นักลงทุนเน้นคุณค่า
และคุณวิบูลย์ พึงประเสริฐ, นักลงทุนเน้นคุณค่า
ได้มาถ่ายทอดปรัชญา และมุมมองการลงทุน ที่งาน BEAT THE MARKET
ในหัวข้อ “The Alpha Investor ตกผลึกความคิด นักลงทุนรุ่นใหญ่”
ในหัวข้อ “The Alpha Investor ตกผลึกความคิด นักลงทุนรุ่นใหญ่”
คุณวิบูลย์ ยังเชื่อว่า ไม่ว่าจะย่ำแย่แค่ไหน เศรษฐกิจจะพังแค่ไหน
สุดท้ายตลาดหุ้น ยังจะคงอยู่ และกลับมาได้ และเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้ดี
สุดท้ายตลาดหุ้น ยังจะคงอยู่ และกลับมาได้ และเป็นสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนได้ดี
แต่การเลือกหุ้นให้ถูกตัว อาจไม่ใช่เรื่องง่าย สำหรับคนทั่วไป การลงทุนไปกับตลาด โดยอิงดัชนี อาจให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า
อย่าง วอร์เรน บัฟเฟตต์ ก็เคยท้าให้ผู้จัดการกองทุน Hedge Fund แข่งสร้างผลตอบแทนกับดัชนี S&P500 ในระยะเวลา 10 ปี ปรากฎว่าผู้จัดการ Hedge Fund ทำได้ราว 20% ขณะที่ดัชนี S&P500 สามารถทำผลตอบแทนได้ถึงกว่า 80%
ส่วน ดร. นิเวศน์ ให้ความเห็นเรื่องทองคำ ที่ตอนนี้ใครหลายคนบอกว่าดี
ว่าถ้าเทียบผลตอบแทนระหว่าง หุ้นไทย กับทองคำ
ว่าถ้าเทียบผลตอบแทนระหว่าง หุ้นไทย กับทองคำ
ตลาดหลักทรัพย์ไทย เปิดมาราว 50 ปี เติบโตจาก 100 จุด มา 1,100 จุด
คิดเป็นผลตอบแทนราวปีละ 5% ไม่รวมเงินปันผล
คิดเป็นผลตอบแทนราวปีละ 5% ไม่รวมเงินปันผล
แต่ถ้ารวมเงินปันผล ก็ราว ๆ 7% ต่อปี
เทียบกับทองคำ ที่สมัยก่อนบาทละ 1,500 - 1,600 ขณะที่ในวันนี้ อยู่ที่ราวบาทละ 54,000 คิดเป็นผลตอบแทนราวปีละ 7%
ซึ่งผลตอบแทนพอ ๆ กัน เลยมองว่า ทองคำไม่ได้ดีกว่าหุ้นไทย
ขณะที่ดัชนี S&P500 ทำผลตอบแทนราว 9% ต่อปี มา 50 ปี ดีกว่าหุ้นไทย และทองคำมาก
เพราะที่ผ่านมา เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
เพราะที่ผ่านมา เศรษฐกิจของสหรัฐอเมริกา เติบโตได้อย่างแข็งแกร่ง
มาดูฝั่งตลาดหุ้นเวียดนาม แซงหุ้นไทยไปแล้ว รวมถึงเศรษฐกิจด้วย
โดยตลาดหุ้นให้ผลตอบแทน 10.6% ต่อปี ในช่วง 25 ปี
และเชื่อว่า เวียดนามจะยังเติบโตต่อไปได้
โดยตลาดหุ้นให้ผลตอบแทน 10.6% ต่อปี ในช่วง 25 ปี
และเชื่อว่า เวียดนามจะยังเติบโตต่อไปได้
ถ้าเราลงทุน “ถูกเวลา” หลังวิกฤติต้มยำกุ้ง ที่ตอนนั้นเกิดแนวคิดการลงทุนแบบ VI เป็นครั้งแรกในไทย
ซึ่งดัชนีปรับตัวขึ้น 4.5 เท่าใน 10 ปี คิดเป็นผลตอบแทนราว 18% ต่อปี
มาจนปี 2007 - 2008 ที่เกิดวิกฤติ Subprime
แม้ดัชนีจะตกลงมากว่าครึ่ง แต่ยังมีนักลงทุนบางคน สามารถเอาตัวรอดผ่านวิกฤติได้ด้วยแนวคิดแบบ VI
หลังจากนั้นหุ้นลงไป 400 จุด ก็กลับไป 1,600 จุด ผลตอบแทน 16% ต่อปี ใน 10 ปี
แม้ดัชนีจะตกลงมากว่าครึ่ง แต่ยังมีนักลงทุนบางคน สามารถเอาตัวรอดผ่านวิกฤติได้ด้วยแนวคิดแบบ VI
หลังจากนั้นหุ้นลงไป 400 จุด ก็กลับไป 1,600 จุด ผลตอบแทน 16% ต่อปี ใน 10 ปี
มีเงินเข้าตลาดหุ้นไทยมาก อัดมาร์จิ้น คอนเนอร์หุ้น ช่วงนี้ผลตอบแทนดีมาก สร้างเศรษฐีหุ้นขึ้นจำนวนไม่น้อย
แต่หลายปีต่อมา เหมือนทศวรรษที่สูญหายของหุ้นไทย ตลาดหุ้นไทยแทบไม่ไปไหน แถมวิกฤติรอบนี้ (Tariff) หุ้นไทยลงอีกด้วย
VI หลายคนขาดทุน ผลตอบแทนถึงกับแพ้ตลาด
VI หลายคนขาดทุน ผลตอบแทนถึงกับแพ้ตลาด
คุณวิบูลย์ ซึ่งเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่เข้ามาลงทุนเหมือนกับหลาย ๆ คน
ที่ผ่านมาคุณวิบูลย์ ลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลัก ก่อนที่ในภายหลัง จะออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยลงทุนผ่านกองทุนรวมอิงดัชนี
ที่ผ่านมาคุณวิบูลย์ ลงทุนในหุ้นไทยเป็นหลัก ก่อนที่ในภายหลัง จะออกไปลงทุนต่างประเทศ โดยลงทุนผ่านกองทุนรวมอิงดัชนี
สำหรับหุ้นไทย ยังคงใช้หลักการลงทุนที่ใช้ได้มาตลอดว่า ควรลงทุนในหุ้นที่มีสินค้าและบริการ ที่เราสามารถติดตามได้ หรือเป็นลูกค้า ตามแนวคิดการลงทุนของ Peter Lynch
แต่แนวคิดการลงทุนในต่างประเทศ สินค้าและบริการที่เราอาจสัมผัสได้ยาก ก็อาจเลือกวิธีลงทุนในดัชนีแทน
ตามแนวทางของบัฟเฟตต์ โดยจังหวะการซื้อก็สำคัญ ต้องซื้อในวันที่คนไม่เอาแล้ว
ตามแนวทางของบัฟเฟตต์ โดยจังหวะการซื้อก็สำคัญ ต้องซื้อในวันที่คนไม่เอาแล้ว
คุณวิบูลย์ ลงทุนโดยใช้แนวคิด “แก่นการลงทุนแบบเน้นคุณค่า” และ “ลงทุนในเวลาที่คนอื่นกลัว”
ดร.นิเวศน์ มองว่า ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นตลาดที่ถูกต้อง
แม้ว่าจะได้ผลกระทบเรื่องสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีสินค้าเวียดนาม
แต่สหรัฐอเมริกา ก็น่าจะหาประเทศมาทดแทนการนำเข้าจากเวียดนาม ได้ยากระดับหนึ่ง
แม้ว่าจะได้ผลกระทบเรื่องสหรัฐอเมริกาขึ้นภาษีสินค้าเวียดนาม
แต่สหรัฐอเมริกา ก็น่าจะหาประเทศมาทดแทนการนำเข้าจากเวียดนาม ได้ยากระดับหนึ่ง
ขณะที่ตลาดหุ้นไทย เป็น Lost Decade ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา แต่ก็ยังมีหุ้นที่เลือกลงทุนได้
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็อาจมีหุ้นที่เลือกได้ แต่เราอาจมีความยากลำบากในการเลือก
เพราะมีทั้งคนในวงการเทคฯ ผู้จัดการกองทุนชั้นยอด ซึ่งมีแนวโน้มมี Edge ในการลงทุนสูงกว่า
ส่วนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็อาจมีหุ้นที่เลือกได้ แต่เราอาจมีความยากลำบากในการเลือก
เพราะมีทั้งคนในวงการเทคฯ ผู้จัดการกองทุนชั้นยอด ซึ่งมีแนวโน้มมี Edge ในการลงทุนสูงกว่า
ดร.นิเวศน์ เสริมว่า สำหรับเวียดนาม เป็นตลาดที่ตัวเองลงทุนแล้วได้เปรียบอยู่
เหนือกว่านักลงทุนเวียดนามจำนวนมาก ก็เพียงพอที่จะชนะ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีแล้ว โดยมีแนวทางเลือกหุ้น ที่มีศักยภาพเป็นหุ้น Super Stock ในอนาคตไม่กี่ตัว
เหนือกว่านักลงทุนเวียดนามจำนวนมาก ก็เพียงพอที่จะชนะ สามารถสร้างผลตอบแทนได้ดีแล้ว โดยมีแนวทางเลือกหุ้น ที่มีศักยภาพเป็นหุ้น Super Stock ในอนาคตไม่กี่ตัว
แนวคิดการลงทุนของ ดร.นิเวศน์ คือ “เลือกตลาดให้ถูก” และ “เลือกเวลาให้ถูก”
เพราะการจะชนะตลาดได้ “ต้องถูกที่ ถูกเวลา และถูกตัว”
ซึ่งการลงทุนในหุ้นไทย ตอนนี้ถือว่า ไม่ถูกที่ ไม่ถูกเวลา เหลือแค่เราต้องเลือกหุ้นให้ถูกตัว..
#ลงทุนแมน #BeatTheMarket
-ใครที่พลาดงานวันนี้ บัตร RERUN BEAT THE MARKET เปิดจองแล้ว มีจำนวนจำกัด จองบัตรได้ที่ https://www.zipeventapp.com/e/BEAT-THE-MARKET-2025