เกาะสีชัง อำเภอที่เล็กที่สุด ในประเทศไทย แต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายแสนคน

เกาะสีชัง อำเภอที่เล็กที่สุด ในประเทศไทย แต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายแสนคน

เกาะสีชัง อำเภอที่เล็กที่สุด ในประเทศไทย แต่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหลายแสนคน /โดย ลงทุนแมน
พูดถึงสถานที่เที่ยวยอดฮิตของคนไทย ณ นาทีนี้
“เกาะสีชัง” น่าจะเป็นชื่อแรก ๆ เพราะกำลังเป็นไวรัลบนโลกออนไลน์
ความสวยงามของธรรมชาติ มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะ
แถมยังเดินทางง่าย ใช้เวลาแค่ชั่วโมงเศษ จากกรุงเทพฯ
เชื่อไหมว่า เกาะสีชัง เป็นอำเภอที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย มีพื้นที่ราว 17 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
แต่พื้นที่เล็ก ๆ ตรงนี้ กลับสามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เป็นแสน ๆ คนต่อปี
แล้วเรื่องราวของเกาะสีชัง เป็นอย่างไร ?
มีอะไรน่าสนใจบ้าง ?
ลงทุนแมนจะเล่าให้ฟัง
เกาะสีชัง เป็นเกาะเล็ก ๆ มีศักดิ์เป็นอำเภอของจังหวัดชลบุรี ตั้งอยู่บริเวณอ่าวไทย
มีระยะทางจากชายฝั่งประมาณ 12 กิโลเมตร และอยู่ห่างกับกรุงเทพฯ ราว 118 กิโลเมตร
โดยที่มาของชื่อ “เกาะสีชัง” ว่ากันว่า มีที่มาจากตำนานของฤๅษีตนหนึ่ง ที่มาบำเพ็ญตน ณ บริเวณดังกล่าว
จนชาวบ้านแถวนั้นเอาไปเรียกเป็นชื่อเกาะว่า “เกาะฤษีชัง” ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น “เกาะสีชัง”
ในอดีตเกาะสีชัง เคยเป็นส่วนหนึ่งของจังหวัดสมุทรปราการมาก่อน
และถูกจำในฐานะสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ ของชาวเมืองมาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5
ตามตำนานกล่าวว่า ใครที่ป่วยหรือสุขภาพไม่ดี ถ้าได้ลองมาที่เกาะสีชังแล้วสุขภาพจะดีขึ้น
ซึ่งก็เคยมีบันทึกว่าครั้งหนึ่งในหลวงรัชกาลที่ 6 เคยเสด็จประทับที่เกาะสีชังเพื่อเยียวยา พระโรคาพยาธิ ก่อนจะปรากฏว่าทรงหายเป็นปกติ
อย่างไรก็ดี.. ในปัจจุบันเกาะสีชัง มักจะถูกจำในฐานะสถานที่ท่องเที่ยวเอาไว้พักผ่อนฮีลใจมากกว่า
เพราะมีทะเลสวยน้ำใส และมีความสงบ ต่างจากที่เที่ยวใกล้กรุงเทพฯ อื่น ๆ ที่มักจะมีปัญหาคนเยอะวุ่นวาย
โดยตอนนี้ โครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวบนเกาะสีชัง ก็ต้องบอกว่ามีครบ ไม่ต่างจากสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น
- การเดินทางสะดวกสบาย ลูกค้าสามารถจอดรถที่ท่าเรือเกาะลอย และจะมีเรือคอยรับ-ส่ง ทุกชั่วโมง
- มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน มีโรงแรมระดับโลกอย่าง Novotel, ร้านสะดวกซื้อ 7-Eleven รวมถึง
มีร้านอาหาร และคาเฟสวย ๆ อีกหลายแห่ง ไว้คอยให้บริการนักท่องเที่ยว
แถมที่เกาะสีชังยังมีไฮไลต์เด็ดคือ “แหลมจักรพงษ์” หรือ “แหลมถ้ำพัง”
พื้นที่บริเวณนี้ จะมีลักษณะเป็นโขดหินสีเทา-ดำ ตัดกับน้ำทะเลสีฟ้า และมีมุมถ่ายรูปลับ ๆ
เรียกว่า “ถ้ำทะลุ” โขดหินรูปทรงวงรี ที่สามารถมองทะลุเห็นน้ำทะเลด้านหลังได้
โดยถ้ำทะลุ ถือว่าเป็นจุดเช็กอินยอดฮิตบนเกาะสีชัง จนบางวันนักท่องเที่ยว ต้องต่อแถวรอกันยาวเหยียด.. เพื่อให้ได้ถ่ายภาพมุมนี้ไปโพสต์ลงโซเชียลมีเดียกันเลย
จากทั้งหมดที่ว่ามา ทำให้เกาะสีชังกลายเป็นตัวเลือกที่ดี สำหรับคนที่ต้องการพักผ่อนหย่อนใจ
เพราะสามารถไปเช้าเย็นกลับได้ สำหรับคนกรุงเทพฯ​ หรือจังหวัดใกล้เคียง
หรือจะไปค้างคืนเพื่อเก็บบรรยากาศก็ได้
โดยที่ผ่านมามีข้อมูลว่า เกาะสีชัง สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวได้เฉลี่ย 600,000-800,000
คนต่อปี (ข้อมูลช่วงปี 2558-2562)
ซึ่งถือว่าไม่ธรรมดาเลย สำหรับอำเภอเล็ก ๆ ที่มีขนาดแค่ 17 ตารางกิโลเมตรเท่านั้น
และจำนวนนี้ก็มากเกือบเท่ากับ จำนวนนักท่องเที่ยว ที่ไปเยือนหาดยอดฮิตของเมืองไทย อย่างชายหาดบางแสน ในช่วงเวลาเดียวกันที่ 0.7-1.2 ล้านคนต่อปีเลยทีเดียว
อ่านถึงตรงนี้ก็น่าคิดตามว่า..
ถ้าเกาะสีชัง ยังกระแสดีแบบนี้ต่อไป ไม่แน่ว่าวันหนึ่ง เกาะสีชัง อาจจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญ
เหมือนกับ “หาดพัทยา” หรือ “เกาะล้าน” ในการดันให้ภาพรวมการท่องเที่ยวในจังหวัดชลบุรี เติบโตขึ้นอีก
แม้ว่าที่ผ่านมา จังหวัดชลบุรี จะเป็นจังหวัดที่เติบโตทั้งในแง่ของจำนวนนักท่องเที่ยว และรายได้จากการท่องเที่ยวอยู่แล้วก็ตาม
- ปี 2566 จังหวัดชลบุรี มีจำนวนนักท่องเที่ยว 24 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 300,000 ล้านบาท
- ปี 2567 จังหวัดชลบุรี มีจำนวนนักท่องเที่ยว 28 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 320,000 ล้านบาท
- ปี 2568 (ช่วง 3 เดือนแรก) จังหวัดชลบุรี มีจำนวนนักท่องเที่ยว 2.4 ล้านคน มีรายได้จากการท่องเที่ยว 30,700 ล้านบาท
สุดท้ายนี้ ขอปิดท้ายด้วยข้อมูลที่น่าสนใจ
รู้ไหมว่า ประชากรที่อาศัยอยู่บนเกาะสีชัง จะมีอยู่แค่ 4,500 คนเท่านั้น
หมายความว่า ตีกลม ๆ จากจำนวนนักท่องเที่ยว 600,000-800,000 คนต่อปี
บนเกาะสีชัง จะมีจำนวนนักท่องเที่ยวในแต่ละปี มากกว่าจำนวนประชากรท้องถิ่น ราว ๆ 130-170 เท่าเลยทีเดียว
หรือแปลว่า
ถ้าเราไปเกาะสีชัง ก็มีโอกาสเจอนักท่องเที่ยว มากกว่าคนในพื้นที่เองเสียอีก..
© 2025 Longtunman. All rights reserved. Privacy Policy.
Blockdit Icon